สถานการณ์ในอเมริกายังยืนหนึ่งเรื่องโควิด 19 ดูเหมือนว่าคนอเมริกันจะไม่แคร์อะไรมากนัก ที่อยู่ก็อยู่ไป ที่ตายก็ตายไปแม้แทบทุกรัฐจะออกกฎให้ทุกคนใส่หน้ากากในที่สาธารณะก็ตามแต่บางเมืองก็ไม่มีผลอะไร หากมีแต่คำสั่ง แต่ไม่มีบทลงโทษ
เมื่อวานนี้ผู้เขียนขับรถออกไปสำรวจตามถนนพบว่าในหนึ่งร้อยคนที่เห็น มีแค่ 3 คนที่ใส่หน้ากากเดินไปมาในเมืองแม้กระทั่งคนส่งสินค้าดิลีเวอรี่ก็ไม่ใส่หน้ากากและถุงมือแต่อย่างใดจึงไม่น่าแปลกใจที่จำนวนคนป่วยคนตายแทบไม่ลดลงเลย
เขียนถึงโควิดแค่บันทึกไว้ว่าวันนี้นาทีนี้มีผู้ป่วยสะสมโควิด 19 ห้าล้านหกแสนราย ตายไปหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นกว่าๆรักษาหายสองล้านเก้าแสนกว่าแต่จำนวนคนติดเชื้อใหม่แต่ละวันยังสูงทุกวันคือประมาณห้าหมื่นกว่าแทบทุกวันเคยหนักสุดก็แปดหมื่นอย่างที่เคยเขียนถึงนั่นแหละ 5อันดับรัฐที่มีผู้ป่วยมากที่สุดคือ แคลิฟอร์เนีย ฟลอริด้า เท็กซัส นิวยอร์กและจอร์เจีย
ทั้งที่ปีนี้เป็นปีที่กำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีกันแต่เสียงปี่กลองก็ดังแผ่วๆ ไม่ค่อยเร้าใจเท่าไหร่เพราะคนกังวลกับโรคระบาดมากกว่าอื่นใดอาทิตย์ที่ผ่าน
เสียงปี่กลองเริ่มดังขึ้นมาอีกนิดเพราะผู้สมัครประธานาธิบดีพรรคเดโมแครต โจ ไบเดนเลือกว่าที่รองประธานาธิบดีแล้ว
พอประกาศชื่อ คนก็ฮือฮา เพราะเป็นหญิงผิวสีที่น่าสนใจคือเป็นลูกครึ่งอินเดียและจาไมก้า พ่อเป็นจาไมก้าจาไมก้านี่เป็นคนผิวดำที่มีสำเนียงน่าฟังมาก มีเอกลักษณ์ไม่เชื่อฟังเพลงเร็กเก้ดูแล้วจะรู้ว่าสำเนียงมีเสน่ห์จริงๆส่วนแม่เป็นคนอินเดีย ว่าที่รองประธานาธิบดีคนนี้ชื่อ กมลา แฮร์ริสชื่อนี้คุ้นหูคนไทย เพราะเราใช้รากศัพท์เดียวกัน “กมลา” หมายถึง“ดอกบัว” นั่นเอง
ก่อนที่จะเล่าถึงว่าที่รองประธานาธิบดีหญิง ขอเล่าท้าวความนิดหนึ่งคนอเมริกันจะเลือกประธานาธิบดีในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้แหละฝ่ายรีพับลิกันคือ ตาลุงผมเป๋ นั่งกางขาในทำเนียบขาวมาครบสี่ปีท่ามกลางเสียงด่าและโห่ฮาของคนที่ไม่ชอบขี้หน้าแกส่วนสาวกลุงก็อวยแกจนสุดลิ่มทิ่งประตูเหมือนเดิมส่วนเดโมแครตก็หาผู้ท้าชิงใหม่ ตอนนั้นผู้เขียนแอบเชียร์พีทเพราะเป็นนายกเทศมนตรีเมืองที่ตัวเองอยู่ เคยเห็นเคยเจอเคยคุยสมัยก่อนเป็นคนพูดจาดีมีหลักการมาก นั่งดูการดีเบตมาตลอดจนสุดท้ายก็ได้โจไบเดนมาเป็นตัวเต็งตอนที่ดูดีเบต เห็นแววทั้งพีทและกมลาดูโอเคทั้งคู่แต่กมลามักโจมตีโจ ไบเดนอย่างรุนแรงจะว่าไปก็เป็นไปตามวิถีการดีเบต ซึ่งก็ไม่ได้ขาวสะอาดอะไรนักจำได้ว่าตอนนั้นพีทมีแววว่าจะเป็นดาวรุ่งผู้ดีเบตเดโมแครตทุกคนเลยหันมายำตีนพีททันที
ด้วยการคุ้ยแคะและตั้งคำถามใส่รัวๆ แบบต้อนให้อับจน แต่เมื่อโจไบเดนได้เป็นคือจบ คนเลยมารอลุ้นกันว่า โจ ไบเดนจะเลือกใคร
ตอนนี้คะแนนโจ ไบเดนนำตาลุงผมเป๋อยู่สำหรับการสำรวจความเห็นประชาชนทั่วประเทศแสดงให้เห็นว่า โจไบเดน มีคะแนนนิยมนำทรัมป์มาตลอดทั้งปีโดยมีคะแนนนิยมคงที่อยู่ที่ประมาณ 50%
ทีนี้การเมืองอเมริกามีอะไรแตกต่างจากไทย คือจะมีรัฐที่เรียกว่า“รัฐที่เป็นสมรภูมิสูสี” รัฐที่ว่านี้เป็นรัฐที่มีคะแนนแกว่งไปแกว่งมาไม่เหมือนรัฐอื่นที่ชี้เป็นชี้ตายได้ว่า รัฐนี่คือบลูสเตทหรือเรดสเตทอย่าเพิ่งทำหน้างง บลูสเตทคือรัฐที่เป็นฐานเสียงพรรคเดโมแครตเพราะสีประจำพรรคคือสีน้ำเงินส่วนเรดสเตทคือรัฐที่เป็นฐานคะแนนพรรครีพับลิกันอันมีสีแดงเป็นสัญลักษณ์ซึ่งผลออกมาแล้ว่าไบเดนมีคะแนนนำทรัมป์อยู่ในรัฐเหล่านี้
ส่วนตัวของผู้เขียน แม้โจ ไบเดนจะไม่เลือกพีทเป็นรองประธานาธิบดีแต่ได้กมลามาก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร แถมเธอเป็นลูกครึ่งอินเดียเสียด้วยมีความเป็นเอเซียเต็มตัว เพราะแม่ของเธอหย่าจาดพ่อจาไมก้าแล้วเลี้ยงลูกแบบอินเดียเรามาดูกันว่ากมลา แฮร์ริสเป็นใคร ถึงได้รับเลือกเป็นคู่ชิงคู่โจไบเดน เธอเกิดที่แคลิฟอร์เนีย พอพ่อแม่หย่ากัน แม่ชาวอินเดียคือชยามาลา โกพาลัน แฮร์ริสซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวสิทธิพลเมืองและนักวิจัยโรคมะเร็งก็เลี้ยงดูเธอเพียงลำพัง ภายใต้การอบรมเลี้ยงดูแบบอินเดียและศาสนาฮินดูเธอ เคยไปอินเดียกับแม่หลายหน แต่ซึบซับวัฒนธรรมแบบคนผิวดำในถิ่นที่อยู่ ซึ่งเป็นย่านคนจน เช่นเดียวกับน้องสาวเธอที่ชื่อ “มายา”
แม่ย้ายไปสอนหนังสือที่แคนาดา จึงหอบลูกสาวทั้งคู่ไปด้วยจากนั้นกมลาก็มาเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงสำหรับคนผิวดำ คือมหาวิทยาลัยโฮวาร์ด (Howard University) เรื่องมหาวิทยาลัยผิวดำผิวขาว นี่ขอยกไว้เล่าทีหลังจากนั้นทำงานด้านกฎหมายที่สำนักอัยการเขตเมืองแอละมีดาต่อมาได้เป็นอัยการเขตซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของอัยการของซานฟรานซิสโกในปี 2003ก่อนที่ได้จะได้รับเลือกให้เป็นผู้หญิงคนแรกและคนผิวดำคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย
หลังจากดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนียมาเกือบ 2สมัย เธอลงเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกรัฐแคลิฟอร์เนียในปี 2017จากนั้นก็มาเป็นคู่ดีเบตผู้สมัครประธานาธิบดี เพื่อเปิดทางให้โจ ไบเดนจนอาทิตย์นี้ โจ ไบเดน เลือกกมลาเป็นว่าที่รองประธานาธิบดีหากไบเดนชนะการเลือกตั้ง
แม้ว่ากมลาจะมีประสบการณ์การทำงานด้านกฎหมายและดำรงตำแหน่งสูงในรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่พูดตรงๆ ว่าที่ได้รับเลือกนี่เพราะมีส่วนมาจากกระแสประท้วงต่อต้านความอยุติธรรมทางเชื้อชาติในอเมริกา จากกรณี ‘จอร์จ ฟลอยด์’ซึ่งถูกตำรวจผิวขาวในเมืองมินนิอาโปลิสใช้เข่ากดคอจนเสียชีวิตระหว่างจับกุมเมื่อวันที่ 25 พ.ค.เรื่องนี้ทำให้ โจ ไบเดน ต้องคิดหนักในการหาตัวช่วยจะเลือกพีทก็ไม่ได้
เพราะพีทมีกรณีอื้อฉาวโดนกล่าวหาว่าเลือกปฎิบัติต่อตำรวจผิวดำในเมืองที่ผู้เขียนอยู่นี่แหละ ทั้งที่ความจริงแล้ว ไม่ได้เป็นอย่างที่ข่าวนำเสนอแต่คนผิวดำจะไม่มีวันสนับสนุนพีทโจเลยตัดสินใจเลือกคู่ชิงรองประธานาธิบดีที่เป็นสตรีผิวสีน่าจะดีกว่าตัวเลือกอย่างพีท กมลาจะเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยระดมเสียงสนับสนุนจากกลุ่มผิวสี และกลุ่มคนเอเซียโดยเฉพาะอินเดีย ซึ่งมีอยู่มากมายในอเมริกา
แน่นอนว่า ตาลุงผมเป๋เบ้ปาก แล้วถากถางตามนิสัยกระเดาะปากให้สัมภาษณ์ว่าแปลกใจที่เห็นคนที่ชี้หน้าด่ากันกลับมาสวมกอดกันอย่างดูดดื่มแหม..ลุงทำยังกะไม่เคยพลิกลิ้นทางการเมืองอย่างงั้นแหละเรื่องปากพล่อยไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วยงานนี้ลุงผมเป๋ก็ปากเสียตามเคยด้วยการบูลลี่กมลาว่าเป็นคนที่น่ารังเกียจ
“เหตุผลหนึ่งที่ผมรู้สึกแปลกใจก็คือเธอน่าจะเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจยิ่งกว่าโพคาฮอนทัสเสียอีก สำหรับ โจไบเดน เธอเคยพูดจาหยาบคายกับเขามากและมันยากที่จะเลือกใครบางคนที่ไม่ให้เกียรติกันขนาดนี้”ไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะกมลาคือทุกสิ่งที่ทรัมป์เกลียดไม่ว่าจะเป็นคนผิวสี ลูกครึ่งอินเดีย ใครๆก็รู้ว่าทรัมป์ทั้งเหยียดผิวเหยียดเพศผู้หญิงอย่างหนักการเลือกกมลามายืนคู่กับไบเดนเหมือนการตบหน้าลุงผมเป๋ฉาดใหญ่นั่นเองคงต้องติดตามกันต่อว่ายกนี้ใครจะเข้ามานั่งแท่นประธานาธิบดีอเมริกาไม่แน่ว่าเราอาจจะได้รองประธานาธิบดีหญิงคนแรกของอเมริกาก็ได้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี