ผู้คนครึ่งค่อนประเทศย่อมคุ้นเคยกับชื่อสะพานนี้ เพราะมีผู้นำไปสร้างหนังสร้างละครวนเวียนหลายครั้งหลายหน สะพานสารสินนี้ยังความสลดสะเทือนในใจในฐานะเป็นสถานที่อันเป็นตำนานความรักของหนุ่มสาวสองคนที่ไม่สมหวัง คือ โกดำ (ดำ แซ่ตัน) กับ กิ๊ว (กาญจนา แซ่หงอ) สองครอบบครัวที่มีความแตกต่างกันทางฐานะ ด้วยโกดำเป็นเพียงคนขับรถสองแถวและรับจ้างกรีดยาง ขณะที่กิ๊วมีฐานะเป็นนักศึกษาวิทยาลัยครู โดยที่ผู้ใหญ่ทางบ้านของกิ๊วได้กีดกันการคบหาของทั้งคู่ ในที่สุดคู่รักทั้งสองจึงตัดสินใจกระโดดน้ำตายที่กลางสะพานสารสิน ด้วยการใช้ผ้าขาวม้ามัดตัวทั้งสองไว้ด้วยกัน เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2516 ซึ่งเรื่องราวของทั้งคู่โด่งดังเป็นที่รู้จักไปทั่ว
ต่อมา มีการสร้าง "สะพานท้าวเทพกระษัตรี" ซึ่งเป็นสะพานคู่ขนานสะพานสารสินเดิมที่มีขนาด 2 ช่องจราจร และความยาว 650 เมตร เพื่อระบายการจราจรที่คับคั่งตามความเจริญของจังหวัดภูเก็ต เริ่มเปิดใช้เมื่อปี พ.ศ. 2535
เนื่องจากการจราจรคับคั่งมาก ปี 2552 กรมทางหลวงได้จัดสร้าง "สะพานท้าวศรีสุนทร" หรือ สะพานสารสิน 2 ด้วยความยาว 650 เมตร เป็นสะพานคู่ขนานกับสะพานท้าวเทพกระษัตรี ทดแทนสะพานสารสินเดิมที่ก่อสร้างมานานและอยู่ในสภาพที่เก่า ประกอบกับสะพานสารสินที่ใช้งานอยู่ในขนาดนี้เรือขนาดใหญ่ไม่สามารถที่จะลอดผ่านได้ ส่วนสะพานสารสินเดิมในปัจจุบัน ได้ถูกปรับปรุงเป็นสะพานคนเดินและหอชมวิว โดยยกบริเวณช่วงกลางสะพานให้สูงเท่ากับสะพานท้าวเทพกระษัตรีและสะพานท้าวศรีสุนทร ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการสัญจรไปมาของเรือ หอชมวิวเป็นอาคาร 8 เหลี่ยม สไตล์ชิโนโปรตุกีส ในส่วนของปลายสะพานทั้งสองด้านได้มีการปรับเป็นสถานที่จอดรถ อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต
สะพานสารสินเป็นสะพานสำคัญเพราะเป็นสะพานแห่งแรกที่เชื่อมระหว่าง จังหวัด ภูเก็ต (บ้านท่าฉัตรไชย) กับ จังหวัดพังงา (บ้านท่านุ่น) ทำให้การสัญจรไปมาข้ามระหว่าง 2 จังหวัดทำได้สะดวกมากยิ่งขึ้น สมัยก่อนต้องใช้แพขนานยนต์
ที่เชิงสะพานสารสินนี้ยังได้จัดให้เป็นถนนอาหารคนเดิน มีร้านรวงมาเปิดจำนวนหลากหลาย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสตรีทฟู้ดริมทะเลเมื่อเดินสำรวจอยู่รอบหนึ่ง ก็เรียกได้ว่าเหมือนร้านริมถนนรนแคมชายทะเลทั่วไป
ต่อเมื่อหาตำแหน่งพระอาทิตย์ตกฟ้าสีทอง พอได้อ่านเมนูอาหาร ก็เกิดความทึ่งที่มีอาหารเสาะแสวงอาหารหากินได้ยากแม้กระทั่งจากหาดอื่น คือจักจั่นทะเล หอยชักตีน หอยจุ๊บแจง หอยนางรมตัวใหญ่ จนถึงหอยแครงตัวใหญ่กว่าฝั่งอ่าวไทยเป็นเท่าตัว เปลือกสะอาดเพราะอยู่ในทะเลทรายไม่ใช่ทะเลโคลนฝั่งอ่าวไทย โดยมีชุกชุมละแวกหาดไม้ขาว ที่ท่าฉัตรไชยนี้
หอยชักตีน
อาหารที่ขึ้นชื่อของชาวกระบี่ เป็นหอยที่กินง่าย เมื่อนึ่งแล้วขาคู่หน้าจะโผล่ออกมา เราสามารถดึงตัวหอยออกมาทั้งยวง จิ้มน้ำจิ้มเคี้ยวสนุก เนื้อกรอบไม่เหนียว
จักจั่นทะเลทอด
จักจั่นทะเล เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง อันดับฐานปูไม่แท้ โดยใช้ชื่อว่า จักจั่นทะเล เป็นสัตว์ที่มีรูปร่างคล้ายกับจักจั่นที่เป็นแมลง ตัวขนาดเท่าแมลงทับ แต่อาศัยอยู่ในทะเลอันเป็นที่มาของชื่อสามัญ ในประเทศไทยมักพบที่หาดไม้ขาว และหาดต่างๆ ในจังหวัดภูเก็ต โดยที่หาดไม้ขาวพบมากที่สุด เนื่องจากเป็นหาดที่ธรรมชาติยังคงบริสุทธิ์อยู่ จักจั่นทะเลสามารถนำมากินเป็นอาหารได้อร่อยด้วยวิธีการปรุงต่างๆ ในบางฤดูกาลจะพบตามหาดทั่วไปหมด เนื้อละม้ายเนื้อปู เปลือกเคี้ยวได้ทั้งเปลือก มีความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์สูง
หมึกต้มน้ำดำ
น้ำต้มหมึกที่สีดำของน้ำซุปดูไม่ค่อยน่ากินนัก หารู้ไม่ว่าน้ำต้มยิ่งมีสีดำก็จะยิ่งหอม เพราะต้องเป็นหมึกสดที่เพิ่งขึ้นจากทะเลใหม่ๆ ใช้หมึกล้วยสดไม่ต้องผ่าเอาเครื่องในออก แล้วต้มทันที ปรุงรสเปรี้ยวหวานเค็ม ได้กลิ่นอายของทะเล หอมถึงไหนๆ เป็นรายการยอดนิยมของร้านนี้ ใครเห็นเป็นต้องสั่ง
ผักลิ้นห่านต้มกะทิกุ้ง
ผักพื้นบ้านริมทะเลภูเก็ต กรอบ มัน เจือขมเล็กน้อย สร้างสรรค์ได้สารพัดเมนู เคยได้ลองสัมผัสและชิมรสชาติครั้งแรกก็ที่จังหวัดภูเก็ตแห่งนี้นี่เอง สำหรับผักลิ้นห่านสามารถทำได้หลายเมนู แต่ที่นิยมทำก็คือ ต้มกะทิผักลิ้นห่านใส่กุ้งสด ผักลิ้นห่านผัดน้ำมันหอย หรือกินสดกับน้ำพริก พบว่ามีความอร่อย รสชาติกรอบมัน ติดฝาดนิดหน่อย หากมีโอกาสมาภูเก็ตควรลองชิมสักครั้งในชีวิต
หอยแครงตัวใหญ่ลวก
จำพวกหอยกาบคู่ ความยาวประมาณ 6-7 เซนติเมตร (ยังมีชนิดตัวใหญ่เรียกหอยคราง)หอยแครงเป็นหอยสองฝาอีกชนิดหนึ่งที่เป็นสัตว์เศรษฐกิจในประเทศไทยที่เรารู้จักกันทั่ว โดยเนื้อใช้กินเป็นอาหารที่ให้โปรตีน นิยมนำไปปรุงด้วยการเผาหรือลวก ส่วนเปลือกใช้ทำเครื่องประดับของชำร่วย หรือบดผสมลงในอาหารไก่ และยังทำเป็นปูน รวมถึงทำเป็นวัสดุสังเคราะห์ มีมากในพื้นท้องทะเลชายฝั่งตื้นๆ ที่เป็นโคลนหรือโคลนเหลว ในน่านน้ำไทยพบมากที่จังหวัดชลบุรี เพชรบุรี สุราษฎร์ธานี ปัตตานี หอยแครงตัวใหญ่ขนาดนี้ค่อนข้างหากินได้ยาก
กุ้งทะเลตัวใหญ่อบ
กุ้งเป็นสัตว์ทะเลขวัญใจมหาชนชนิดหนึ่งที่ใครๆ ก็รู้จัก เหมาะแก่การนำมาทำอาหารหลากหลาย กุ้งแชบ๊วยมีสีขาวอมเหลืองอ่อน และจุดสีดำตามตัว กุ้งแชบ๊วยเป็นกุ้งน้ำเค็ม ทั้งยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูลกุ้งไซส์เล็ก ขนาดใกล้เคียงกับกุ้งขาว แต่กุ้งแชบ๊วยนั้นถือว่าอยู่ในระดับชั้นที่สูงกว่ากุ้งขาว เพราะรสชาติดีกว่า เนื้อแน่นกว่า โดยเฉพาะกุ้งแชบ๊วยที่มาจากธรรมชาติ จะมีขนาดใหญ่กว่า แน่นกว่า และหวานกว่าด้วย
กุ้งแชบ๊วยใหญ่จับจากทะเลตรงหน้าของเรา แค่เอาอบกับเครื่องสมุนไพรสำหรับต้มยำก็แทบจะไม่ต้องกินรายการอื่นๆ เพราะจะอิ่มเสียก่อน
สาหร่ายพวงองุ่นกับน้ำยำส้มตำ
ชื่อภาษาอังกฤษคือ sea grapes หรือ green cavier บ้านเราอาจเรียกว่า สาหร่ายพวงองุ่น หรือสาหร่ายช่อพริกไทย มีต้นกำเนิดมาจากชายฝั่งทะเลแถบโอกินาว่า ประเทศญี่ปุ่น ลักษณะเป็นพวงเล็กๆ สีเขียวเข้ม มีเม็ดกลมๆ ใสๆ สีเขียวอ่อน มีรสชาติคล้ายไข่กุ้งที่อยู่บนซูชิ มันๆ เค็มเล็กน้อย และด้วยลักษณะที่เป็นพวงองุ่น ทำให้เมื่อจิ้มกับน้ำจิ้มต่างๆ สามารถดูดซับน้ำจิ้มติดขึ้นมาได้มาก จะกินกับน้ำจิ้มแบบไหนก็อร่อยแม้แต่น้ำส้มตำ
แกงคั่วหอยจุ๊บแจง
ชื่อหอยทะเลกาบเดี่ยว เปลือกผิวขรุขระรูปร่างค่อนข้างยาว ปลายแหลมคล้ายยอดเจดีย์ สีเทาอมดำ หอยจุ๊บแจงจะอ้าฝาเปิดปากในน้ำนิ่ง แต่เมื่อมีสิ่งใดมากระทบ ก็จะปิดฝาซ่อนตัวทันที ชื่อคล้ายหอยจุ๊บน้ำจืดแต่หอยจุ๊บแจงตัวจะโตกว่านิดหน่อย วิธีการทำกินคล้ายกับหอยจุ๊บน้ำจืด แต่จะไม่มีตัวลูกหอยปนมาให้รำคาญ ให้สับก้นหอยประมาณ 2 ข้อ ก่อนกินต้องดูดก้นหอยก่อนแล้วจึงดูดเนื้อหอยจุ๊บแจงออกมาอย่างง่ายดาย
ร้านนี้ใช้ทำแกงกะทิใส่ใบชะพลู สีสันดูไม่น่ากิน หากได้ลองสักตัวแล้วรับรองจะติดใจ
ร้านครัวริมพาน
ร้านอาหารเล็กๆ ขนาดกลาง เด่นเรื่องอาหารพื้นบ้านซีฟู้ด อาหารจานเดียวให้เลือก แต่ใครจะรู้ว่าที่นี่มีดีแค่ไหน วัตถุดิบสดบวกฝีมือกุ๊ก ต้องขอบอกเลยว่ารสชาติสุดยอด ร้านตั้งอยู่ตรงเชิงสะพานสารสินฝั่งออกจากภูเก็ต ตั้งอยู่ริมหาดบรรยากาศดี ที่จอดรถสะดวกกว้างขวาง วิวสวย อาหารอร่อย ราคาน่าคบหา
เวลาเปิด-ปิด : 10.00 - 21.00 น.
โทร : 083-647-1147
ภาพถ่าย มีรัติ รัตติสุวรรณ
แผนที่ มูฮัมหมัด พันธ์โพธิ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี