วันเสาร์ ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ปกติแล้วหลังเทศกาลขอบคุณพระเจ้า พลเมืองอเมริกันก็ซอยเท้ารอจับจ่ายใช้สอยช่วงก่อนคริสต์มาส ห้างร้านทั้งหลายเต็มไปด้วยผู้คน แต่ในช่วงโควิดระบาด เงียบเหงาอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้ทุกห้างต้องมีบริการเสริมคือส่งตรงถึงบ้าน หรือให้จอดรถตรงบริเวณที่กำหนดไว้ แล้วส่งข้อความหรือโทรเรียกพนักงานให้เอาของมาส่ง จากนั้นก็แบกข้าวของกลับบ้านไปทำความสะอาดกันเอง แต่เชื่อเถอะว่าอเมริกันร้อยละ 99 ไม่เคยทำความสะอาดด้วยการเช็ดสิ่งของที่ซื้อมาด้วยกระดาษเปียกฆ่าเชื้อแบบหมู่เฮาชาวไทย
การซื้อของไม่ว่าจะเป็นของกินทั้งสดแห้ง หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าที่บังเอิญให้สิ้นใจในหน้าที่อันจำเป็นต้องซื้อใหม่ ผู้เขียนใช้วิธีสั่งออนไลน์ แล้วไปเปิดท้ายรับสิ่งของเหล่านั้น โดยใช้ระบบใบเสร็จออนไลน์ จะได้ไม่ต้องจับต้องอะไร บอกตรงๆ ว่าคิดถึงการเดินเข้าไปเลือกซื้อข้างของในห้างมาก แต่ไม่กล้าเสี่ยงต่อการติดโรค
เมื่อขับรถกลับถึงบ้าน ก็เอากระดาษเปียกเช็ดบริเวณท้ายรถก่อนเปิด เปิดมาเจอถุงพลาสติกหูหิ้วที่ใส่ของสดของแห้ง ก็สเปรย์น้ำยาฆ่าเชื้อให้ทั่ว เน้นตรงหูหิ้ว ใส่ถุงมือแล้วล้วงทุกสิ่งอย่างออกมาเช็ดด้วยกระดาษเปียกฆ่าเชื้อโรค จากนั้นก็เอาไปผึ่งในบ้านให้แห้ง ก่อนนำไปเก็บ บอกเลยว่าเหนื่อยมาก
ชีวิตแบบนี้แสนทรมาน ไม่ได้มีความสุขแต่อย่างใด รัฐที่อยู่อากาศหนาวจัด การยืนเช็ดของหน้าบ้านท่ามกลางอุณหภูมิ 0 เซลเซียส หรือ 3 เซลเซียสนั้นนรกชัดๆ แต่ก็ต้องทำ ทำอยู่อย่างนี้มาเกือบปี ไม่เคยได้กินอาหารนอกบ้าน หรือไปเที่ยวไหนทั้งนั้น หากเทียบกับคนไทยในเมืองไทย ก็สารภาพตรงๆ ว่าอิจฉามากที่ไปเที่ยวกันได้อย่างเสรี ไม่ต้องกลัวโควิด
ขนาดป่วย 15 ล้าน ตายไปเกือบสามแสน พลเมืองอเมริกันในเมืองที่ผู้เขียนอยู่ ยังด่าทอกันเรื่องการใส่หน้ากาก ด่ากันไม่จบไม่สิ้น อ่านเพจข่าวในเมืองทีไร ละเหี่ยใจทุกหน ยอดป่วยใหม่รายวันพุ่งไปวันละสองแสนราย ส่วนยอดตายรายวันพุ่งไปวันละสองพันเจ็ดร้อยกว่าราย บางวันก็สามพันกว่าราย
นพ.โรเบิร์ต เรดฟิลด์ ผู้อำนวยการศูนย์เพื่อการควบคุมและการป้องกันโรคของอเมริกา (ซีดีซี) ประกาศปังดังลั่นว่า ระบบดูแลสุขภาพของอเมริกาใกล้ถึงจุดล่มสลาย ห้ามอะไรขอร้องอะไรก็ไม่ฟังกันเลย อ้างเสรีภาพโน่นนี่นั่น ขอร้องไม่ให้เดินทางไม่ให้บินกลับไปรวมตัวกันในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ก็ไม่มีอเมริกันคนไหนเชื่อฟัง บินกันให้ควั่ก จนติดโรคกันกระหน่ำ
นาทีนี้โรงพยาบาล 90% ถูกระบุเป็นพื้นที่อันตราย หมอโรเบิร์ต เรดฟิลด์ยังสำทับว่า นับจากเดือนนี้ไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าจะเป็นช่วงที่เรียกได้ว่า “โหดสุด” คนจะตายกันเกลื่อนเหมือนใบไม้ร่วง เดี๋ยวนะ หมอ..ทุกวันนี้ยังร่วงกันไม่พออีกเหรอ สอดคล้องกับสถาบันชี้วัดและประเมินผลด้านสุขภาพของมหาวิทยาลัยวอชิงตันคาดว่า ยอดผู้เสียชีวิตสะสมของอเมริกาอาจพุ่งขึ้นเป็นเกือบ 450,000 คนในวันที่ 1 มีนาคม
มาดูยอดป่วยสะสม ยอดตาย นาทีนี้กัน ยอดป่วยสะสม 15 ล้านสามแสนกว่าๆ ตายไปสองแสนเก้าหมื่นกว่า แต่อาทิตย์ที่ผ่านมา อเมริกาเร่งทำยอดตายจนพุ่งไป 3,157 ราย ไม่ต้องรีบก็ได้นะ ไม่มีใครแย่งตำแหน่งเจ้าโรคไปหรอก
รัฐที่มีคนป่วยมากสุด 5 อันดับคือ แคลิฟอร์เนีย เท็กซัส ฟลอริด้า อิลลินอยส์ และนิวยอร์ก จะว่าไปแล้วรัฐ 5 อันดับนี้ยืนหนึ่งมาตลอด ผลัดกันแซงด้านหายนะ โซนที่น่าเป็นห่วงหนักสุด นอกเหนือจากรัฐทั้งห้าคือ โซนมิดเวสต์ มิชิแกน โอไฮโอ อินเดียน่า เห็นตัวเลขผู้ป่วยที่พุ่งพรวดขึ้นแล้วปากอ้าตาค้าง ขนาดในชุมชนเล็กๆ ขนาดเล็กกว่าอำเภอที่ผู้เขียนอยู่ ยังป่วยกันสองหมื่นกว่าคน ตายไปสามร้อย พลเมืองมีแค่แสนเดียวเอง ป่วยตั้งสองหมื่นคนเข้าไปแล้ว คนไทยในประเทศไทยภุมิใจเถอะ ที่รัฐบาลนี้สามารถควบคุมโควิดได้ผล
ขนาดป่วยกันเพียบ ยังมีคนเห็นแก่ตัวเป็นข่าวทุกวัน ล่าสุด ผัวเมียมะกันคู่หนึ่งฝ่าฝืนคำสั่งห้ามขึ้นเครื่องบินของเจ้าหน้าที่ เพราะทั้งคู่ติดโควิด แทนที่จะกักตัว ทั้งคู่หาได้แคร์สนสีสนแสดอันใด บินออกจากสนามบินซานฟรานซิสโกกลับฮาวาย พอลงเครื่องปุ๊บ ตำรวจรวบตัวทันที พร้อมตั้งข้อหาประมาทเลินเล่อจนอาจเป็นอันตรายแก่ผู้อื่น โดยทำผู้โดยสารร่วมเที่ยวบิน “เสี่ยงอันตรายถึงขั้นเสียชีวิต”
ตอนนี้หนักสุดคือที่แคลิฟอร์เนีย โดยเฉพาะแถวแอลเอ เลยมีการขยายพื้นที่ล็อกดาวน์ควบคุมเกือบทั้งรัฐ จัดหนักจัดเต็มด้วยการออกประกาศให้ปิดธุรกิจ ห้ามการรวมกลุ่มสังสรรค์กับคนนอกครอบครัว มีผลทันทีเมื่ออาทิตย์ผ่านมา ยาวไปจนถึงปลายปี นั่นหมายถึงไม่มีการกินอาหารจัดงานเลี้ยงช่วงคริสต์มาสเป็นกลุ่มใหญ่
บางเคาต์ตี้ในแคลิฟอร์เนีย ไม่รอคำสั่งรัฐ แต่จัดการตัวเองด้วยการล็อคดาวน์ ให้ทุกคนอยู่ในบ้านลากยาวไปจนถึงหลังปีใหม่
หากถามผู้เขียนว่านาทีนี้อยากได้อะไรเป็นของขวัญคริสต์มาสมากที่สุด ก็อยากจะอ้อนวอนซานตาครอสว่า
“ขอวัคซีนให้มาก่อนกำหนดเถอะ”
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ประธานที่ปรึกษาด้านการพัฒนาวัคซีนต้านโควิดของคณะบริหารสหรัฐฯ เตรียมพบทีมงานของโจ ไบเดนเพื่อหารือเกี่ยวกับโปรแกรมแจกจ่ายวัคซีน คาดการดำเนินชีวิตจะเริ่มกลับสู่ภาวะปกติในเดือนเมษายนหรือพฤษภาคม
นั่นหมายถึงต้องผจญชะตากรรมอันเลวร้ายอีก 6 เดือนเต็มนับจากนี้ ฤดูหนาวปีนี้คือเป็นฤดูหนาวอันยาวนานสำหรับอเมริกันทั้งประเทศ
....................................................................

‘พูห์-พาเวล’ส่งซิงเกิลใหม่ “ผู้ต้องสงสัย (MY CRIME)” OST.สิงสาลาตาย เพิ่มดีกรีความอินให้กับแฟนๆ
Y2Z เอาใจ FC ปล่อยซิงเกิ้ลใหม่ ‘อ้อมกอดใกล้ฉัน’ โชว์ความน่ารักสดใส กับแนวเพลง Funky disco pop
โอ๊ยเล่าเรื่อง 'มือปืน (The Last Shot)'
‘กรมราชทัณฑ์’นั่งไม่ติด รูป‘แม้ว’โผล่เวทีเสก ยืนยันไม่ใช่ภาพจริง
สว.จ่อค้านนิรโทษ คดีเผาบ้านเผาเมือง กระทำผิดคดีม.112 เล็งถกผู้มีส่วนได้เสีย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี