การลุกขึ้นสู้ของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนครั้งยิ่งใหญ่ ก่อผลสะเทือนอย่างใหญ่หลวงทางการเมืองของประเทศไทย เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 ผ่านมาแล้ว 48 ปี
วันนั้นอำนาจเผด็จการถอยร่นออกไปจากเวทีการเมือง ทำให้มีการร่างรัฐธรรมนูญที่ค่อนข้างเป็นประชาธิปไตยมาใช้สำหรับบริหารประเทศ ประชาชนเริ่มจะมีความหวัง จะได้เห็นอนาคตของชาติบ้านเมืองค่อนข้างจะสวยสดงดงาม
48 ปีแล้ว วันนี้ เสียงเรียกร้องหาประชาธิปไตยยังดังกึกก้องขึ้นอีก ทำไม เพราะอะไร ?
ย้อนกลับไปพิจารณาดูซีครับ
เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2516 ที่เราคิดกันว่า เป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของนักเรียนนิสิตนักศึกษาประชาชน นั้นเป็นความเข้าใจผิด อย่างมหันต์ แน่ละ ถนอม / ประภาส/ ณรงค์ ต้องหมดอำนาจทางการเมือง ต้องระเห็จออกนอกประเทศ ซึ่งแท้จริงแล้ว ก็เป็นเพียงการประนีประนอม ในกลุ่มผู้กุมอำนาจในการบริหารบ้านเมือง
เมื่อถนอม /ประภาส เหม็นโฉ่ เพราะสืบทอดอำนาจเผด็จการร่วมกับสฤษดิ์ นอกจากใช้อำนาจเผด็จการ เล่นพรรคเล่นพวก ยังกอบโกยโกงกินอย่างมหาศาล ก็จำเป็นที่จะต้องผลัดเปลี่ยนเวียนหน้า คนอื่นที่ดูดีหน่อย มีลักษณะท่าที หรือมีกรรมวิธีที่จะเข้าสู่อำนาจด้วยการแสดงตัวให้ประชาชนเห็นว่าเป็นประชาธิปไตย ตามที่ประชาชนเรียกร้อง หรือตามที่โลกกำลังเดินไปสู่ (ประชาธิปไตย) บ้าง
เราจึงได้มีรัฐธรรมนูญที่ว่ากันว่า เป็นประชาธิปไตย ยกย่องว่า เป็นรัฐธรรมนูญที่ได้มาด้วยเลือดด้วยเนื้อของนักเรียนนิสิตนักศึกษาประชาชน (แต่ใช้เพียงไม่กี่เดือนกี่ปี แม้ขบวนการร่างจะค่อนข้างวิลิสสมาหรา) ได้จัดการเลือกตั้ง มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
แล้วก็เกิดการยึดอำนาจอีกครั้ง หลังจากที่ ถนอมบวชเณร กลับมา และเกิดการเข่นฆ่านักเรียนนิสิตนักศึกษาประชาชน เมื่อ 6 ตุลาคม 2519
แล้วเราก็กลับเข้าสู่เผด็จการอีกครั้ง หลังจากที่คาดหวังเอาไว้ว่า กิ่งใบของประชาธิปไตยจะชูช่ออรชรหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516
แน่นอนว่ากลุ่มที่กุมอำนาจทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็น นายทุน ขุนศึก ศักดินา ต่างก็ปรับตัวสู่กระแสโลก กระแสของประชาธิปไตย ผ่านการเลือกตั้ง ผ่านพรรคการเมือง
ช่วงหลัง 6 ตุลาคม 2519 เราจึงได้เห็นความมั่นคง มั่งคั่งของนักเลือกตั้ง สภาเกือบทุกระดับที่เคยมีครูประชาบาล ทนายความ คหบดีบ้าง เปลี่ยนเป็นผู้รับเหมา เปลี่ยนเป็นลูกหลานเถ้าแก่ในเมืองที่เคยสนับสนุนครู สนับสนุนทนายความ เปลี่ยนมาส่งลูกหลานตัวเองลงเลือกตั้งแทนในทุกระดับ ตั้งแต่สภาอบต . อบจ . จนสภาผู้แทนราษฎร
ขณะเดียวกันก็มีพรรคการเมืองของอดีตนายทหาร เกิดขึ้นหลายพรรค ประสบความสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้าง ตามศักภาพของนายทหารแต่ละคน (ที่แน่นอนละว่าระบบของเขาไม่คุ้นชินกับประชาธิปไตย คือไม่สามารถที่จะสั่งลูกพรรคให้ขวาหันซ้ายหันได้)
นี่เป็นช่วงจังหวะของนักเลือกตั้ง หรือใครก็ตามที่อาศัย “ประชาธิปไตย” ทำมาหากิน ก่อร่างสร้างตัว ปรับเปลี่ยนสถานะ นายกรัฐมนตรี ที่เคยเป็นเจ้าขุนมูลนาย หรือนักเรียนนอก จึงเปลี่ยนมาเป็น เถ้าแก่ผู้รับเหมา หรืออดีตนายทหารเก่า แทนเจ้าขุนมูลนาย นักเรียนนอก
นักเลือกตั้งมีสถานะมั่งคั่ง มั่นคงขึ้น หลายต่อหลายรายร่ำรวยผิดปกติ มีเงินเป็นร้อยล้านพันล้าน จนต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ แก้ไขกติกา กระนั้นก็สู้นายทุนที่ลงมาเล่นการเมืองไม่ได้
กติกาให้มีกรรมการเลือกตั้ง นักการเมืองมันก็ซื้อกรรมการเลือกตั้งไว้เป็นพวก มีกรรมการปราบปรามการทุจริต มันก็กุมกรรมการชุดนี้เอาไว้
ในสภานับกันที่คะแนนเสียง มันก็กุมคะแนนเอาไว้ตั้งแต่การเทคโอเวอร์พรรคการเมือง กวาดต้อนนักการเมืองที่มีท่าทีว่าคะแนนนิยมดี มีแววว่าจะได้รับการเลือกตั้ง เอาไว้ในพรรคของมัน หรือพรรคบริวารของมัน
สังคมโลกเปลี่ยนแปลงไปด้วยการโฆษณาประชาสัมพันธ์ มัน (นักการเมือง) ก็เข้าไปถือหุ้นในสื่อ หรือไม่ก็ลงทุนในกิจการสื่อ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งในโลกโซเซียล ที่ใช้ คอมพิวเตอร์ อินเตอร์เนท หรือแม้กระทั่งนักวิชาการ นักเคลื่อนไหว
ทุกวันนี้ ไม่มีอะไรที่เงินซื้อไม่ได้ !
นี่คือเหตุผลที่ทำให้ 48 ปี ของการเกิดเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เราจึงถอยไปไกลกว่า การที่นักเรียนนิสิตนักศึกษาประชาชน ออกมาเรียกร้องหาประชาธิปไตยในยุคสมัยโน้นเสียอีก
พลังที่บริสุทธิ์ ก็ยากที่จะมองเห็น เพราะมองไปทางไหนก็เห็นแต่การแสวงหาประโยชน์
หาเงินบริจาค หาเจ้าของเงินที่จะจ้างผีโม่แป้ง
ไอ้นายจ้างมันก็หน้าด้านเสียด้วย ขนาดหนีคุกหนีตะราง มันก็ได้เที่ยวเสนอหน้า เพื่อที่มันจะได้กลับมาอีก
โลกทุกวันนี้เป็นโลกของการโฆษณาชวนเชื่อ ท่องคำว่า ประชาธิปไตยเอาไว้ให้ติดปาก คนที่อยู่ตรงข้ามมันก็จะกลายเป็นพวกไดโนเสาร์ เป็นเผด็จการไปเอง
นี่คือปัญหา ?
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี