ข่าวที่ทำเอาประชาชนคนไทยทั้งหลายอึ้งอยู่ขณะนี้ก็คือ ข่าวที่นักโทษที่ต้องขังอยู่ในเรือนจำขณะนี้ ได้รับการลดโทษ ที่ถูกศาลพิพากษาจำคุก 50 ปีบ้าง 48 ปีบ้าง 36 ปีบ้าง พวกเขาติดคุกมาแล้ว 5/6 ปี อีกไม่นาน ประมาณ ไม่ถึง 5/6 ปีก็จะได้ออกจากคุก
ที่อึ้งก็คือนักโทษที่กล่าวถึง เป็นนักการเมือง เป็นอดีตรัฐมนตรี เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เป็นผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานของรัฐ
และนักโทษเหล่านี้ติดคุกตามคำพิพากษาของศาล เพราะทุจริต สร้างความเสียหายให้แก่ชาติบ้านเมือง หรือทุจริตเป็นร้อยล้าน (นางจุฑามาศ ศิริวรรณ) และสร้างความเสียหายเป็นแสนล้าน อย่างกรณีจำนำข้าว
นักโทษเหล่านี้ อาทิ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ศาลตัดสินจำคุก 48 ปี ลดโทษไปแล้วขณะนี้เหลือจำคุกอีก 10 ปี นายภูมิ สาระผล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ศาลตัดสินจำคุก 36 ปี เหลือโทษอยู่ 8 ปีนายมนัส สร้อยพลอย ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงพาณิชย์ ศาลตัดสินจำคุก 40 ปี เหลือโทษจำคุก 8 ปี
นางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ศาลตัดสินจำคุก 50 ปีเหลือโทษอยู่ 9 ปี 5 เดือน
เอาเข้าจริงๆแล้วโทษที่เหลืออยู่ 10 ปีบ้าง 8 ปีบ้าง นั้น ยังจะได้รับการลดโทษลงอีกทุกปี เพราะมีวาระสำคัญๆที่กรมราชทัณฑ์จะต้องพิจารณาลดโทษให้พวกเขาได้อีกปีละหลายๆวาระ พิจารณาทีไร พวกเขาก็จะเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ชั้นดี ทุกครั้งไป ขณะที่เป็นนักการเมือง หรือเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเลวอย่างบัดซบ (ต้องไม่ลืมว่าคดีของพวกเขาคือ ทุจริต !)
นายณรงค์ จุ้ยเส่ย รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ชี้แจงว่า การกำหนดโทษเป็นหน้าที่ของศาล การบริหารโทษ เป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์
การตัดสินคดี จะลงโทษจำเลยอย่างไร หนักเบาขนาดไหน อยู่ที่พยานหลักฐาน อยู่ที่การพิจารณาของศาล
การบริหารนักโทษเป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ แต่เป็นการบริหารที่จะต้องเป็นการบริหารให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาล การพิจารณาลดโทษเป็นอำนาจของกรมราชทัณฑ์ แต่น่าจะไใ่เหนือคำพิพากษาของศาล เช่นศาลตัดสินจำคุก 48 ปี ถึงที่สุดแล้วกรมราชทัณฑ์ ลดโทให้มากกว่ากึ่งหนึ่งของคำพิพากษา
ถ้าระเบียบ หรือกฎหมายให้อำนาจกรมราชทัณฑ์ไว้อย่างนั้นก็จะต้องแก้ไขเสีย
แก้ไขเสียตั้งแต่การพิจารณาว่า นักโทษคนนั้นเป็นนักโทษชั้นดี ชั้นเยี่ยม โน่นแหละ เพราะถ้ามันรู้จักคำว่าดี คำว่าเยี่ยม มันก็ต้องรู้จักรักษาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ( คำพิพากษามันชัดเจนนักโทษบางรายเอาเงินไปซุกไว้ยังธนาคารต่างประเทศ บางคนซุกไว้ในบัญชีลูกสาว)
มันจะมาประพฤติดีเยี่ยมตอนที่มันเป็นนักโทษนี่นะ่นะ จะไม่ให้ประชาชนแคลงใจได้อย่างไร
ไม่แต่เท่านั้น ในคดีเดียวกับที่นายบุญทรง นายภูมิ ติดคุกนี้ มีนักโทษหลายคนที่ศาลลงโทษน้อยกว่า ได้ออกจากคุกมาแล้ว เพราะกรมราชทัณฑ์ พิจารณาเห็นว่าเป็นนักโทษชั้นดี ชั้นเยี่ยม
นี่มันทำให้ประชาชนสงสัยว่า กรมราชทัณฑ์เอาหลักเกณฑ์อย่างไรมาวัด ใครชั้นเยี่ยมใครชั้นดี ใครชั้นเลว
ที่สำคัญคดีบางคดี สู้กันตั้งแต่ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ใช้เวลาสู้คดีเป็น 10 ปี หรือมากกว่า พอศาลตัดสินจำคุก 20 ปี ติดจริง 5/6 ปีก็ได้ออกจากคุกแล้ว
ออกจากคุกเพราะกรมราชฑัณฑ์อภัยโทษ
รัฐธรรมนูญเขียนไว้ การอภัยโทษนักโทษนั้นเป็นพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ จะบอกว่า กรมราชทัณฑ์ ใช้อำนาจ แทนพระราชอำนาจ ก็ถูก เพราะกรมราชฑัณฑ์บริหารจัดการนักโทษ
แต่มันบริหารจัดการ ชนิดที่ไม่คำนึงถึง พระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์ หรือแม้กระทั่งศาลที่ตัดสินคดีในพระปรมาภิไธยเลย
อีกประเด็น คดีที่ศาลตัดสินประหารชีวิต คดีถึงที่สุดแล้ว กรมราชฑัณฑ์ก็เก็บไว้อย่างนั้นแหละ เหมือนจะบอกว่า “ศาลตัดสินประหาร กูไม่ประหาร ใครจะทำไม”
ถ้ารัฐไม่มีนโยบายที่จะประหาร ก็ควรจะยกเลิกโทษประหาร ไม่ใช่ปล่อยไว้ให้ดูว่ากรมราชฑัณฑ์ใหญ่กว่าศาล หรือเหนือศาล
ถ้าไม่มีนโยบาย ศาลตัดสินประหาร ก็ไม่ควรเก็บไว้
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เคยตั้งคำถามกับประชาชนเมื่อจะมีการเลือกตั้งว่า ถ้าเลือกตั้งแล้วได้นักการเมืองเลวมา จะทำอย่างไร ?
ไม่มีใครให้คำตอบกับพลเอก ประยุทธ์ในเรื่องนี้
แต่พลเอกประยุทธ์ ไดทำให้ดูเป็นตัวอย่าง เห็นชัดเจนแล้วในหลายกระทรวง
อีกไม่นานก็จะมีเลือกตั้ง (แม้ว่าพลเอกประยุทธ์ ประกาศว่าจะไปยุบสภา จะอยู่ให้ครบวาระ) อย่าให้การลดโทษให้กับนักโทษครั้งนี้ เหยียบย่ำหัวจคนไทยจนเกินไป อันใดที่พอจะแก้ไขได้ก็ควรจะรีบจัดการเสีย
นี่เป็นอีกปัญหาหนึ่งของชาติบ้านเมืองนะครับ
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี