บอกเลยว่าเหนื่อยใจมากกับสถานการณ์โควิดที่ล่าสุดป่วยวันละล้านคนในอเมริกา ซึ่งหลักล้านนี่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เพราะการ์ดตกล้วนๆทุกวันนี้คนแถวบ้านก็ยังไม่ค่อยยอมใส่หน้ากากใดๆขนาดคนส่งของที่สั่งซื้อจากห้าง ยังเดินหน้าเปล่ามือเปลือยหิ้วสินค้ามาวางแหมะให้หน้าบ้านระบาดมาสองปีแล้วยังทำตัวเหมือนเดิมตัวเลขหลักล้านนี่คือตัวเลขที่ต่ำกว่าความจริงเพราะมะริกันเวลาครั่นเนื้อครั่นตัวจะไปร้านขายยาแล้วซื้อชุดตรวจมาตรวจเอง แต่ไม่ได้แจ้งหมอแต่อย่างใดกินยารักษาตัวเองไปตามยถากรรมจนกว่าจะหายหรืออาการหนักถึงหามไปหาหมอ
คนรอบตัวผู้เขียนติดโควิดกันเพียบหลังคริสต์มาสล่าสุดเพื่อนอเมริกันบางคนเสียชีวิตรายนี้สนับสนุนทรัมป์และแชร์มีมล้อเลียนหมอเฟาซี่ทุกวันในเฟซบุ้คสุดท้ายตนเองและภรรยาติดโควิดเพราะไม่เคยฉีดวัคซีนป้องกันแต่อย่างใด เพียงแค่ห้าวันก็เสียชีวิตได้แต่ส่งข้อความไปแสดงความเสียใจกับภรรยาซึ่งยังนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล นับเป็นความสะเทือนใจเล็กๆที่ล้อมรอบตัวในเวลานี้ขอพักเบรคอีกครั้ง ด้วยการเล่าเรื่องสัพเพเหระไม่เกี่ยวข้องกับโควิดวันนี้อยากเล่าเรื่องเรดเนคกับฮิลล์บิลลี่
นักแปลบางคนที่ไม่เคยอยู่อเมริกาแปลคำ “ฮิลล์บิลลี่” ว่าคือชาวเขาซึ่งผิดความหมายอย่างร้ายแรง เพราะคนกลุ่มนี้ไม่ใช่ชาวเขาแบบบ้านเราบรรดาแฟนหนังฮอลลีวู้ดทั้งหลายอาจงง เวลาได้ยินคำว่า “เรดเนค”และ “ฮิลล์บิลลี่” สองกลุ่มนี้มีความใกล้เคียงกันมากราวกับเป็นพี่น้องฝาแฝด เลยอยากเล่าให้ฟังพอสังเขปไม่ใช่จะด้อยค่าดูถูกใครแต่อย่างใดเพียงแต่พยายามจำแนกกลุ่มคนอันหลากหลายในประเทศนี้อเมริกาเป็นเบ้าหลอมของคนร้อยพ่อพันแม่จากทุกทิศทุกทางฝรั่งผิวขาวไม่ได้มีการศึกษาสูงหรือฐานะดีทุกคนแม้ฝรั่งชาติเดียวกันยังดูถูกกันเองเพราะความแตกต่างระหว่างกันทางฐานะ การศึกษา และแนวคิดกลุ่มที่โดนเหยียดเป็นประจำคือกลุ่มที่เรียกว่าพวกเรดเนคและพวกฮิลล์บิลลี่นี่แหละ
อยากเล่าสั้นๆ ว่าก่อนการก่อตั้งประเทศอเมริกาชาวอาณานิคม ซึ่งคือชาวยุโรปที่เข้ามาตั้งรกรากบนแผ่นดินใหม่ไม่พอใจพระเจ้าแผ่นดินของอังกฤษ ช่วงนั้นอังกฤษทำสงคราม 7 ปีกับฝรั่งเศสรบกันจนเงินหมดตัวเลยมารีดไถภาษีจากชาวอาณานิคมจนนำไปสู่การทำสงครามอเมริกาประกาศอิสรภาพจากอังกฤษในวันที่ 4 กรกฎาคม ปี ค.ศ. 1776 ซึ่งถือเป็นวันชาติอเมริกานับแต่นั้นมาเวลานั้นรัฐต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกาแบ่งออกเป็นสองกลุ่มคือกลุ่มรัฐที่มีทาสกับรัฐที่ไม่อนุญาตการใช้แรงงานทาสซึ่งรัฐที่มีทาสจะเป็นรัฐที่อยู่ทางตอนใต้ส่วนกลุ่มที่ไม่อนุญาตการใช้แรงงานทาสนั้นจะเป็นรัฐทางเหนือความขัดแย้งทางความคิดนำไปสู่สงครามกลางเมืองอเมริกันทั้งสองฝ่ายหันมารบกันเองอย่างยืดเยื้อยาวนานสูญเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมาก
จนกระทั่งรัฐทางเหนือได้รับชัยชนะและอเมริกาก็รวมเป็นหนึ่งอีกครั้งแต่สำหรับอเมริกันที่อาศัยอยู่ในรัฐทางใต้แล้วยังรู้สึกเป็นลบกับการที่ฝ่ายตนต้องเพลี่ยงพล้ำทหารแยงกี้ คำว่า“แยงกี้”นี้เป็นชื่อที่คนอเมริกันทางใต้บางคนเรียกคนอเมริกันที่อาศัยอยู่ในรัฐทางเหนือ พวกที่มีความภาคภูมิใจในความเป็นชาวใต้คือมักนำธงสมาพันธรัฐซึ่งเป็นธงประจำรัฐฝ่ายใต้ประดับไว้ตามรถยนตร์และบ้านเรือน นอกเหนือจากธงชาติอเมริกันกลุ่มที่เทิดทูนความเป็น “อเมริกัน” รวมทั้งความเป็น “ชาวใต้”อย่างคลั่งไคล้ มักถูกเรียกด้วยน้ำเสียงดูถูกว่าเป็นพวก “เรดเนค”ทำนองว่าเป็นคนระดับล่าง ไร้การศึกษา ทำงานแบบบลูคอลาร์ฐานะยากจน ชอบสะสมปืน และคลั่งชาติพวกเรดเนคจะถูกล้อเลียนในลักษณะว่าโง่และจนโดยมีการวาดการ์ตูนล้อเลียนมากมายเกี่ยวกับคนกลุ่มนี้สำเนียงอเมริกันภาคใต้และภาคเหนือแตกต่างกันเป็นทุนเดิมอยู่แล้วพวกแยงกี้ได้ทีเลยกระเดาะลิ้นล้อเลียนอเมริกันรัฐทางใต้ตลอดมาโดยเฉพาะสำเนียงของพวก Redneck นั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและเป็นที่น่าขบขันสำหรับอเมริกันจากรัฐทางเหนือจึงถูกดูแคลนเรื่อยมาส่วนมากแล้วพวก Redneck จะไม่ชอบคนผิวดำและคนสีผิวอื่นนิยมเชื้อชาติตัวเองว่าดีที่สุด การที่ไม่ชอบคนผิวดำนั้น
สืบเนื่องมาจากรัฐทางใต้เคยมีทาสมาก่อนพอเลิกทาสแล้วยังไม่สามารถทำใจยอมรับได้จนกระทั่งยุคหลังสงครามกลางเมือง มีองค์กรลับของคนผิวขาวที่เรียกว่า คู คลักซ์ แคลน (Ku Klux Klan - KKK)ซึ่งเเนวคิดเหยียดสีผิวเเบบสุดโต่ง มีจุดประสงค์เพื่อกําจัดคนผิวสี เอเซีย ยิว และคนที่นับถือนิกายโรมันคาทอลิคให้หมดไปจากอเมริกา
สมาชิกในกลุ่มเคเคเคส่วนมากมักมีพวกคอแดงหรือ Redneckรวมอยู่ด้วยพวกที่ภาคภูมิใจในความเป็นเรดเนคของตนจะสังเกตได้ไม่ยาก
พวกนี้ชอบใช้รถปีกอัพมีสติกเกอร์ธงอเมริกันแปะเต็มกระจกกั้นระหว่างส่วนที่นั่งและส่วนกระบะทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าจะมองข้างหลังเห็นหรือนั่นบางคนก็ติดธงผืนใหญ่ตามความเข้มข้มของความภูมิใจหากภูมิใจในความเป็นเรดเนคสูงสุดก็จะล่อธงสมาพันธรัฐมาแบบเต็มพิกัดแต่ส่วนมากแค่ปักธงชาติอเมริกันไว้ท้ายรถก็มองออกแล้วว่าพวกนี้เป็นเรดเนคตัวพ่อเลยทีเดียว
พวกนี้กระจายอยู่ทั่วทุกรัฐ แต่รัฐทางใต้จะเยอะกว่าเพื่อนพอถึงหน้าร้อนก็จัดแข่งอะไรประหลาดๆ อย่างการแข่งงับกีบตีนหมูดิบๆขึ้นจากถังน้ำ แข่งกระโดดตูมลงไปในบ่อโคลนหรือแข่งขว้างที่รองนั่งโถส้วมแทนเกือกม้า อะไรทำนองนี้
พวกเรดเนคชำนิชำนาญเรื่องการต้มกลั่นเหล้าเถื่อนดีกรีแรงที่เรียกว่า“มูนชายย์” ( MoonShine) โดยเฉพาะเรดเนคที่อยู่บนภูเขาแอปพาเลเชียนซึ่งกินพรมแดนติดต่อกันหลายรัฐทางใต้ของอเมริกาบนเทือกเขานี้ยังมีกลุ่มชนอีกกลุ่มที่เรียกว่า “ฮิลล์บิลลี่” ด้วยซึ่งถูกจัดรวมในสาขาเดียวกับเรดเนคนั่นแหละ
เทือกเขาแอปพาเลเชียนทอดตัวเหยียดยาวกินแดนไปหลายรัฐจากตะวันออกเฉียงเหนือไปถึงตะวันตกเฉียงใต้ท่ามกลางเทือกเขาสูงชันและตัดขาดจากอารยธรรมมีคนผิวขาวกลุ่มหนึ่งชำนิชำนาญเรื่องการต้มกลั่นเหล้าเถื่อนดีกรีแรงที่เรียกว่า “มูนชายย์” ( MoonShine) คนกลุ่มนี้คือพวกที่เรียกว่า “ฮิลล์บิลลี่”หรือเรดเนคแห่งเทือกเขาแอปพาเลเชียน
พวกฮิลล์บิลลี่จะกระจายตัวอยู่กันบนเทือกเขานี้สุขภาพอนามัยไม่ค่อยดีนัก เพราะห่างไกลความเจริญจะเข้าไปในเมืองต้องขับรถหลายชั่วโมง ส่วนมากล่าสัตว์หรือเดินไปตามถนน เพื่อเก็บซากสัตว์ที่ถูกรถชนมากินจนกลายเป็นอาหารจานเด็ดที่เรียกว่า “Roadkill” คือเนื้อสัตว์อะไรก็ได้ที่หาได้ในวันนั้น
พวกฮิลล์บิลลี่นี่เรียกง่ายๆ คือพวกหลังเขาจัดอยู่ในกลุ่มที่โดนดูถูกเหมือนกัน เคยมีบทความตีพิมพ์ใน New York Journal จำกัดนิยามคนกลุ่มนี้ไว้ว่า ฮิลล์บิลลี่เป็นคนผิวขาวที่ยากจนอาศัยอยู่ในพื้นที่ภูเขา พูดจาเรื่อยเจื้อยตามแต่ใจต้องการแต่งตัวในแบบที่ว่ามีอะไรก็ใส่ๆ มา ดื่มวิสกี้เมื่อมีวิสกี้ลั่นกระสุนปืนลูกโม่ตามแต่ใจอยาก
ฮิลล์บิลลี่มักถูกล้อเลียนด้วยตัวการ์ตูนที่วาดใบหน้ารกหนวดเคราเอี๊ยมแบบทำงาน เดินเท้าเปล่า แบกปืนยาว ขับปิ๊กอัพเก่าๆ โทรมๆและที่สำคัญต้องฟันเหยินเป็นคราบเหลืองอ๋อย
ทั้งสองกลุ่มแตกต่างกันเล็กน้อยคือเรดเนคหมายถึงกลุ่มคนที่มีลักษณะตามที่เขียนถึงข้างต้น แต่จะอาศัยอยู่ที่ไหนก็ได้ในอเมริกาโดยมากแล้วพวกนี้มักมาจากรัฐทางใต้ระยะหลังนี่เริ่มขยายมาอยู่ในรัฐที่ยังมีพื้นที่ป่าสมบูรณ์อย่างบางรัฐแถวมิดเวสต์ ส่วนฮิลล์บิลลี่คือกลุ่มคนขาวที่ยากจนไม่ค่อยมีสุขภาพอนามัยที่ดีนัก นิยมแต่งงานกันเองในหมู่ญาติไม่มีการศึกษาพูดจาด้วยสำเนียงแบบคนไร้การศึกษาและเป็นเอกลักษณ์ของตัวเองแต่อย่างน้อยกลุ่มฮิลล์บิลลี่ก็น่าสนใจเพราะเป็นต้นกำเนิดดนตรีที่เรียกว่าบลูส์กราส
เคยขับรถผ่านเทือกเขาแอปพาเลเชียน 2-3 หนช่วงกลางคืนเหมือนหายไปในแดนสนธยา ทั้งป่ามืดสนิท ไม่มีบ้านข้างทาง นานๆ
ถึงเจอสักหลัง ไฟถนนไม่มี ไม่มีรถคันหน้าและไม่มีรถตามมาบรรยากาศหลอนอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อนถือว่าตัดขาดจากความเจริญอย่างชัดเจน บ้านของพวกนี้สังเกตได้ไม่ยากเพราะเก่าคร่ำทรุดโทรม บางหลังสร้างมานานแต่ไม่เคยปรับปรุงซ่อมแซม
เรื่องราวของชาวฮิลล์บิลลี่ถูกนำมาสร้างเป็นละครตลกได้รับความนิยมติดต่อกันอย่างยาวนานในละครชุด The Beverly Hillbillies ตั้งแต่ปี 1962 ไปถึงปี 1971นอกจากนี้ยังนำไปสร้างหนังในชื่อเดียวกันและมีการสร้างใหม่อยู่หลายหนเนื้อหาตลกแต่ก็เสียดเย้ยความเปิ่นและความบ้านนอกของพวกฮิลล์บิลลี่
คนกลุ่มนี้ใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารก็จริงแต่มีสำเนียงแบบฟังปุ๊บรู้เลยว่าเป็นฮิลล์บิลลี่บางชุมชนมีโบสถ์ที่มีความเชื่อแปลกๆ เช่นลัทธิบูชางูหรือ Snake handling ซึ่งดูแล้วน่าตื่นเต้นหวาดเสียวมาก
เพราะสมาชิกต้องอุ้มงูแล้วเต้นไปเต้นมาตามจังหวะหากเคราะห์หามยามร้าย งูฉกโป๊ะก็ม่องเท่งไปแต่สาวกก็สรรเสริญยกย่องว่าดีแล้วที่ตายเพราะถือว่าได้ไปอยู่กับพระเจ้า ส่วนใครที่รอดมาวัดดวงกันใหม่หนหน้า
พิธีกรรมในโบสถ์มีการร้องรำทำเพลง แล้วคว้างูหมับจะกี่ตัวก็ได้แล้วเต้นไปมา บางคนอุ้มงูเป็นขยุ้ม หากงูขู่ฟ่อแล้วฉกหน้าสาวกเหล่านี้จะไม่ยอมรักษา เพราะเชื่อว่านี่คือศรัทธาที่ตนมีต่อพระเจ้าแต่สาวกจะยื่นมือหรืออวัยวะที่ถูกกัดให้บาทหลวงลูบคลำแล้วท่องมนต์สาวกกับบาทหลวงได้วัดใจกันก็งานนี้แหละเพราะบาทหลวงจะต้องลูบคลำและจูบบริเวณที่โดนงูกัดด้วยหากสาวกโดนฉกที่ก้นหรืออีกฝั่งหนึ่งของก้นคงต้องถามใจบาทหลวงดูว่ากล้าปัดเป่าตรงอวัยวะนั้นไหมทั้งหมดนี้คือวิถีของกลุ่มเรดเนคและฮิลล์บิลลี่ในอเมริกา
..............................................................
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี