เลี้ยวซ้ายผ่านจากตลาดบอง มาร์เช่ ประมาณ 50 เมตร จะเห็นร้านอาหารเล็กๆ น่ารักร่มรื่น เปิดโล่งโปร่งสบาย ชวนนั่งพักผ่อนกินอาหารจานเดียวแบบกินกันตามบ้านสมัยก่อน มีรายการอาหารเพียง 5-6 อย่างตามฤดูกาล จึงสืบสาวจับความได้เป็นร้านของคุณสุรางคนา สุนทรพนาเวช อดีตเคยเป็นพิธีกรและนักแสดง เป็นรองอันดับ 4 นางสาวไทย ประจำปี 2534 สำเร็จการศึกษาในคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และปริญญาโททางด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียวอินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศญี่ปุ่น มีโอกาสได้ไปกินข้าวบ้านหม่อมหลวงสมิท เกิดความประทับใจรสชาติและรูปแบบอาหารของบ้านนี้ จึงมีความคิดจะเปิดร้านอาหาร โดยขอสูตรและชื่อของ หม่องหลวงสมิท ทั้งที่เปิดร้านนี้เมื่อไม่นาน เริ่มมีลูกค้าเจ้าประจำเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
มีครัวเปิดอยู่หน้าร้าน ลูกค้าสามารถมองเห็นวัตถุดิบ การทำงานของพนักงานให้เห็นถึงความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความสะอาด จนให้ความมั่นใจได้ระดับหนึ่ง
เครื่องปรุงต่างๆ จัดเป็นระเบียบเรียบร้อยอวดความสะอาดพิถีพิถัน
ข้าวคลุกกะปิ
จานเอกของที่นี่ดูเรียบง่าย แต่แฝงความสลับซับซ้อนชนิดที่ต้องอธิบายถึงกระบวนการเตรียม ตั้งแต่การเลือกข้าวหอมกลางปี หุงเป็นตัวนุ่มหอมละไม กะปิดีที่ต้องคั่วเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงจนเป็นเม็ดทรายหอมกลิ่นกะปิไปทั่วครัว หยอดหมูหวานที่เลือกส่วนสันคอ ใส่น้ำซีอิ๊ว น้ำตาลโตนดเคี่ยวจนเป็นยาง จึงเอาข้าวไปผัดกับกะปิจนมีรสกะปิคลุม รสชาตินวล กลมกล่อม ทอดกุ้งแห้งโขลกละเอียด แถมกากหมูกรอบวางแทรก ผักเคียงสดสะอาด มะม่วงเปรี้ยวสับเส้น (บางฤดูอาจมีมะดันหรือตะลิงปิงเป็นเครื่องเคียงรวมมา 12 อย่างแบบจัดเต็ม) คลุกเคล้าทุกอย่างให้ทั่ว ตักเข้าปากแล้วจะได้ความอร่อยลงตัว สมกับการใช้เป็นชื่อรองของร้าน
เครื่องปรุงข้าวคลุกกะปิ
หมูหวาน
ข้าวน้ำพริกลงเรือ
ความเป็นมาของน้ำพริกลงเรือ เป็นน้ำพริกที่ประดิษฐ์ขึ้นครั้งแรกโดยเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ในรัชกาลที่ 5 ที่ปฏิบัติงานในห้องพระเครื่องต้นในราชสำนักที่หม่อมเจ้าสะบาย นิลรัตน์ เป็นหัวหน้าห้องเครื่อง และพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดาเป็นผู้คุมห้องต้นเครื่อง
สูตรเครื่องปรุงจากหม่อมหลวงสมิท คล้ายกับข้าวคลุกกะปิ แต่มีไข่เค็มครึ่งลูก กับน้ำพริกกะปิใส่ช้อนวางมาสำหรับเป็นน้ำพริกจิ้มผัก
ขนมจีนน้ำเงี้ยวกระดูกอ่อน
น้ำเงี้ยว หรือ น้ำงิ้ว เป็นอาหารจากภาคเหนือของประเทศไทย เป็นน้ำแกงนิยมกินกับขนมจีน บางสูตรใช้ถั่วเน่าแข็บย่างไฟ โขลกลงในเครื่องแกง บางสูตรใส่เต้าเจี้ยว ชาวไทใหญ่ เรียกอาหารชนิดนี้ว่า “เข้าเส้นน้ำหมากเขือส้ม” มีส่วนประกอบหลักคือดอกงิ้ว เลือดหมู และหมูสับหรือกระดูกอ่อน น้ำเงี้ยวเป็นอาหารมงคลของภาคเหนือ นิยมทำในงานบุญ มีเครื่องปรุง คือ พริกผัดน้ำมัน มะนาว น้ำเงี้ยวแต่ละที่ก็จะมีลักษณะไม่เหมือนกัน แตกต่างกันไปตามท้องถิ่น น้ำเงี้ยวร้านนี้ ใส่เครื่องครบ สีสันดูเข้มข้น ใส่ทั้งดอกงิ้ว เลือดหมู ราดน้ำแกงเข้มข้นตามตำรับเมืองเหนือ ให้เครื่องเคียง ผักเหมือด ผักดองเปรี้ยว และยังมีแคบหมู หนังปอง กะหล่ำปลีซอย ถั่วงอกดิบ พริกทอด ราดกระเทียมเจียว โรยหน้าด้วยต้นหอม ผักชีซอย และถั่วงอก
ขนมจีนซาวน้ำ
เป็นขนมจีนแบบชาววัง กินกับเครื่องเคียงทั้งผักสด ผักลวก และผักชุบแป้งทอด ขนมจีนซาวน้ำ นิยมกินในช่วงสงกรานต์เป็นอาหารหน้าร้อนของไทยแต่โบราณ ร่องรอยเก่าสุดที่ค้นได้ ปรากฏในตำราแม่ครัวหัวป่าก์ ของท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ (ราวกลางทศวรรษ ๒๔๕๐) มีตำรับ “เข้าซาวน้ำ” ใช้เครื่องปรุงหลักคือขิงและสับปะรดสับละเอียด กระเทียมดิบซอย กุ้งแห้งป่น ของเปรี้ยวอื่นๆ (ถ้ามี) ก็ใส่ด้วยได้ อาทิ มะม่วง มะดัน ส้มโอ ระกำ วิธีปรุงคือเคล้าของเหล่านี้กับเส้นขนมจีน น้ำปลาดีดองพริกขี้หนู น้ำตาลทราย บีบมะนาว แล้วราดแจงลอนในน้ำกะทิ (แจงลอนคือเนื้อปลากรายบดปรุงรส คล้ายลูกชิ้นปลา) แซมไข่ต้มผ่าครึ่งหนึ่งฟอง
สูตรของร้านนี้ปรุงคล้ายกับตำราของท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์
ขอขอบใจผู้ที่ได้สร้างนวัตกรรมทางอาหารไทยจานนี้ขึ้นมาเมื่อศตวรรษก่อน ช่างเป็นคนที่มีอารมณ์ศิลปะในการดัดแปลงอย่างเรียบง่าย ทว่าลึกซึ้ง มีความละเมียดละไมในรสชาติ
ร้านหม่อมหลวงสมิท
ถนน เทศบาลนิมิตใต้ ซอย 1 แขวง ลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900
เปิด 8:00–17:30 (หยุดวันจันทร์)
โทร. 099-1915000
Facebook : https://www.facebook.com/M.L.SMITHOfficial
ภาพถ่าย แพรไพลิน ศุกลรัตนเมธี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี