บทความครั้งที่แล้ว เล่าถึงการยึดอำนาจครั้งแรก หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมื่อ 24 มิถุนายน 2475 การยึดอำนาจครั้งนั้น หลังจากที่บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยมาเกือบจะครบปี
ถือว่าเป็นการยึดอำนาจเพื่อรักษาความเป็นประชาธิปไตยให้ดำเนินต่อไป เพราะ รัฐบาลงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา และปิดประชุมสภา
คณะยึดอำนาจการปกครอง ให้รัฐบาลลาออก ให้เปิดประชุมสภา (สภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการแต่งตั้ง ให้สภาโหวตหา นายกรัฐมนตรีคนใหม่)
อะไรทำให้รัฐบาลพระยามโนปกรณ์นิติธาดา ปิดประชุมสภาและงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา ?
ต้องทำความเข้าใจกันก่อนนะครับว่า หลังการยึดอำนาจ 24 มิถุนายน 2475 นั้น
คณะราษฎร ได้แต่งตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้น เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนเลือกนายกรัฐมนตรี (ตอนนั้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เรียก ประธานคณะกรรมการราษฎร)
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เปิดประชุม พระยาวิชิตชลธี หนึ่งในสมาชิกสภาผู้แทนที่ได้รับการแต่งตั้งขอลาออก ด้วยเหตุผลที่ว่าท่านป่วย ที่ประชุมเสนอ พระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นแทน
ในจำนวน 80 นายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนั้น มีคณะก่อการได้รับการแต่งตั้งหลายท่าน เข้าใจว่าพระยาพหลพลพยุหเสนา ท่านไม่รับแต่แรก
ครั้งนี้ท่านก็จะไม่รับ แต่ทนการรบเร้าของสมาชิกไม่ไหว
ที่ประชุมเลือก ประธานสภา ได้เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี และเลขาธิการสภา เป็นหลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์)
หลังจากนั้น ก็เลือก พระยามโนปกรณ์นิติธาดา เป็น ประธานคณะกรรมการราษฎร(ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี) พระยามโนปกรณ์ ขอคุยกับ พระยาพหลพลพยุหเสนา และ นายปรีดี พนมยงค์ ก่อนตัดสินใจ รับตำแหน่ง
จากนั้นก็มีการแต่งตั้ง คณะกรรมการราษฎร (คณะรัฐมนตรี) บริหารราชการแผ่นดิน
คณะกรรมการราษฎร มีทั้งหมด 14 ท่าน ส่วนใหญ่แล้ว มาจากคณะราษฎร มีพระยาพหลพลพยุหเสนา พระยาทรงสุรเดช พระประสาทพิทยายุทธ์ หลวงพิบูลสงคราม หลวงประดิษฐ์มนูธรรม รวมอยู่ด้วย โดยใช้ หลัก 6 ประการของ คณะราษฎร เป็นนโยบายของรัฐบาล
หลวงประดิษฐ์มนูธรรม (ปรีดี พนมยงค์) เสนอต่อรัฐบาลว่า รัฐธรรมนูญที่ใช้อยู่เป็นรัฐธรรมนูญชั่วคราว ควรตั้งคณะกรรมการขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญใหม่
จึงได้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาร่างรัฐธรรมนูญ ประกอบด้วย พระยามโนปกรณ์นิติธาดา พระยาเทพวิทุร พระยามานราชเสวี พระยานิติศาสตร์ไพศาลย์ พระยาปรีดานฤเบศร์ หลวงประดิษฐ์มนูธรรม หลวงสินาดโยธารักษ์
คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเสร็จส่งให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา เริ่มพิจารณาเมื่อเดือนพฤศจิกายน และสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาเสร็จต้นเดือนธันวาคม 2575
วันที่ 10 ธันวาคม 2475 พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวก็พระราชทานรัฐธรรมนูญแก่ปวงชนชาวไทย
พระยามโนปกรณ์นิติธาดา ลาออก เพื่อให้มีรัฐบาลเป็นไปตามรัฐธรรมนูญใหม่
สภาผู้แทนราษฎร เลือก พระยามโนปกรณ์ เป็นนายกรัฐมนตรี อีกครั้ง
คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ยังคงมี พระยาพหลพลพระยุหเสนา หลวงประดิษฐ์มนูธรรม หลวงพิบูลสงคราม และคณะราษฏรเป็นส่วนใหญ่เหมือนเดิม
และรัฐบาลยังใช้หลัก 6 ประการ อันได้แก่ 1 เอกราช 2 ความสงบภายใน 3 เศรษฐกิจ 4 สิทธิเสมอภาค 5 เสรีภาพ และ 6 การศึกษา
การบริหารราชการของรัฐบาลพระยามโนปกรณ์ (1) และ (2) ดำเนินมาถึง เดือนเมษายน 2476 ก็มีพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมสภาและมีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
คราวนี้หลวงประดิษฐ์มนูธรรม หลุดจากคณะรัฐมนตรี
รัฐบาลแถลงว่า คณะรัฐมนตรีแตกเป็น 2 ฝ่าย ไม่สามารถคล้อยตามกันได้ ฝ่ายเสียงข้างน้อยพยายามจะนำประเทศวางนโยบายไปในลักษณะคอมมิวนิสต์
และ 8 เมษายน 2476 ก็ให้ หลวงประดิษฐ์ (ปรีดี พนมยงค์) เดินทางไปพำนักที่ประเทศฝรั่งเศส
ความขัดแย้งสำคัญอันนำไปสู่การยึดอำนาจครั้งแรกนั้น จึงน่าจะมาจากเค้าโรงเศรษฐกิจ ที่หลวงประดิษฐ์มนูธรรมเป็นคนร่าง
คณะที่ยึดอำนาจเมื่อ 20 มิถุนายน2476 ยึดอำนาจให้รัฐบาลพระยามโนปกร์ลาออกและให้เปิดประชุมสภา
ที่ประชุม เลือกพระยาพหล ฯ เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วต่อมาไม่นานหลวงประดิษฐ์มนูธรรมก็กลับมาร่วมเป็นหน่ึงในคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลพระยาพหลฯ
ตลอดระยะเวลา รัฐบาลพระยาพหลฯ และเมื่อนายปรีดี พนมยงค์ มาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ไม่เคยหยิบเค้าโครงเศรษฐกิจ ที่เขียนไว้มาใช้เลย
เค้าโครงเศรษฐกิจของนาย ปรีดี พนมยงค์ จึงเป็นเพียง ตำนาน เป็นตำรา ให้นักเรียนเศรษฐศาสตร์รุ่นหลังๆที่สนใจศึกษาเท่านั้น
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี