คนรุ่นใหม่ส่วนหนึ่งมักอ้างถึงความเท่าเทียมจนบิดเบือนไปว่าไม่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัว พ่อแม่เป็นเพียงผู้ให้กำเนิดที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงในชีวิตและการตัดสินใจของลูกหรือดิบหยาบกว่านั้นถึงกับบอกว่าลูกคือผลพวงจากการ “สนุกกัน”ของพ่อแม่
จากนั้นก็ด้อยค่าวันพ่อวันแม่ของไทย เหยียดหยามคนที่พาพ่อแม่ไปเที่ยวในวันพ่อวันแม่ เสมือนว่าคนเหล่านั้นดัดจริต ทำตามเงื่อนไขที่ถูกสมมุติ เพราะการแสดงความรักต่อกันสามารถแสดงได้ทุกวันโดยไม่ต้องทำผ่านวันสมมุติเหล่านั้น โชว์เหนือว่าตัวเองฉลาดหลักแหลมถึงขั้นด้อยค่าการแสดงออกของคนอื่น
งั้นมาดูกันว่าวันพ่อวันแม่ในอเมริกา อเมริกันทำอย่างไรที่เขียนถึงเรื่องนี้เพราะเพิ่งผ่านวันพ่อแห่งชาติมาหมาดๆ อเมริกานี่มีทั้งวันพ่อและวันแม่เลยนะ ขอบอก เอาวันแม่ก่อนแล้วกัน
วันแม่ของอเมริกาตรงกับวันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคมสำหรับอเมริกันแล้ว วันแม่เป็นวันที่น่ารักและอบอุ่น
วันหนึ่ง ส่วนมากลูกๆ จะซื้อการ์ดหรือของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ที่คิดว่าแม่ชอบ อย่างขนมอร่อยๆ ช่อดอกไม้ หรือเครื่องประดับ เพื่อระลึกถึงบุญคุณที่แม่เลี้ยงดูมาจนถึงทุกวันนี้ ลูกบางคนลงทุนทำอาหารแล้วยกไปให้แม่ถึงเตียงหรือไม่ก็พาแม่ออกไปฉลองที่ร้านอาหาร วันนี้ร้านอาหารทุกร้านจะแน่นเอี๊ยดไปด้วยแม่ๆ ลูกๆ ถือเป็นวันครอบครัวที่สนุกสนานวันหนึ่งโบสถ์บางแห่งจัดงานวันแม่ด้วยการให้สมาชิกโบสถ์ฝ่ายหญิงนั่งสังสรรค์กินเลี้ยงอย่างสบายๆ โดยที่สมาชิกโบสถ์ฝ่ายชายเป็นคนเสิร์ฟอาหารแก่ฝ่ายหญิง
วันแม่ในอเมริกาถูกกำหนดขึ้นเมื่อประมาณร้อยปีที่แล้ว คือในปี ค.ศ.1908 แอนนา จาร์วิส (Anna Jarvis) เริ่มจัดให้มีการเฉลิมฉลองวันแม่ขึ้นเป็นครั้งแรกที่รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย แต่ในยุคนั้นแนวคิดในเรื่องสิทธิสตรีเป็นเรื่องที่ดูเหมือนจะเป็นไม่ได้ เพราะในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 ผู้ชายยังคงมีสิทธิและบทบาทเหนือผู้หญิง
แอนนา เอ็ม. จาร์วิส คุณครูแห่งรัฐฟิลาเดลเฟียเป็นผู้ผลักดันให้มี “วันแม่” อย่างเป็นทางการขึ้น เธออุทิศตนเป็นครูสอนในโรงเรียนวันอาทิตย์ซึ่งสอนเกี่ยวกับศาสนามากว่า 20 ปีในรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย จากนั้นก็ย้ายรัฐเพนซิลเวเนีย จนกระทั่งเสียชีวิตใน ค.ศ. 1950
แอนนาเองไม่มีการโอกาสเป็นแม่คน เพราะครองโสดตลอดชีวิตเพื่อดูแลน้องสาวตาบอด แต่ด้วยความรักที่มีต่อแม่ของเธอ แอนนาและเพื่อนๆ ได้ร่วมกันร่างจดหมายรณรงค์เพื่อขอสนับสนุนจากข้าราชการ นักธุรกิจ และนักการเมืองต่างๆ ที่เกี่ยวข้องให้มีวันหยุดที่กำหนดให้เป็นวันแม่แห่งชาติขึ้นมา
ทั้งนี้ แอนนารู้สึกว่าลูกหลานไม่ค่อยให้ความสำคัญกับหน้าที่และบทบาทของแม่เท่าที่ควร โดยมุ่งหวังให้ “วันแม่” เป็นวันที่
ทุกคนในครอบครัวหันมาเอาใจใส่แม่และตระหนักถึงความสำคัญของ “ความเป็นแม่” อันจะช่วยสร้างความแข็งแกร่งและมั่นคงให้สถาบันครอบครัว แต่กว่าจะประสบความสำเร็จในเรื่อง “วันแม่” ก็ครบ 2 ปี พอดี ในปี ค.ศ.1914 ประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ถึงมีคำสั่งให้ถือวันอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ
เล่าประวัติวันแม่ไปแล้ว มาดูวันพ่อกันบ้าง เมื่อย่างสู่เดือนมิถุนายน อเมริกาเตรียมตัวฉลองวันพ่อกันอย่างสนุกสนาน เพราะวันที่ถูกกำหนดให้เป็นวันพ่อนั้นคืออาทิตย์ที่สามของเดือนมิถุนายนนั่นเอง
ประวัติความเป็นมาของวันพ่อแห่งชาติอเมริกันนั้นน่าสนใจไม่แพ้กันทีเดียว ผู้ที่เป็นต้นกำเนิดของวันพ่อแห่งอเมริกานั้นคือสุภาพสตรีนางหนึ่งชื่อ โซโนร่า สมาร์ท ดอดด์ เพราะประทับใจและซาบซึ้งพ่อของเธอ ผู้ทำหน้าที่พ่อได้อย่างสมบูรณ์แบบ ในสมัยที่เธอยังเป็นเด็กหญิงตัวน้อยผู้เป็นแม่เสียชีวิตขณะที่ให้กำเนิดสมาชิกคนสุดท้ายในครอบครัว ซึ่งเป็นลูกคนที่ 6 พ่อโศกเศร้าเสียใจอย่างใหญ่หลวง รวมทั้งลูกสาวที่ชื่อโซโนร่าด้วย เพราะสนิทกับแม่มาก
ผู้เป็นพ่ออย่างวิลเลี่ยม สมาร์ท ต้องยืนหยัดอย่างเข้มแข็งเพื่อลูกๆ ที่เหลือ ช่วงนั้นเป็นช่วงสงคราม วิลเลี่ยมต้องรับใช้ชาติ
ด้วยการไปเป็นทหาร น้ำตาลูกผู้ชายไหลพราก เมื่อคิดถึงหน้าที่และความรับผิดชอบระหว่างชาติกับครอบครัว สุดท้ายก็ตัดสินใจหนีทหารหอบลูกๆ หนีมาอยู่ที่รัฐวอชิงตันโดยหวังเริ่มต้นชีวิตใหม่
จากนั้นพ่อลูกดกก็ทำงานอย่างหนักเพื่อเลี้ยงดูลูกน้อยทุกคน สาวน้อยโซโนร่าเฝ้าดูความเสียสละทุ่มเทของผู้เป็นพ่ออย่างขอบคุณ จนเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่และได้ไอเดียวันแม่มาจากแอนนา เอ็ม.จาร์วิส ผู้ก่อตั้งวันแม่แห่งชาติ จึงทำเรื่องขอเสนอให้วันที่ 5 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันเกิดพ่อของเธอให้เป็นวันพ่อแห่งชาติอเมริกา ในปี ค.ศ.1909
หนึ่งปีให้หลัง ทางวอชิงตันก็ประกาศให้วันที่ 19 มิถุนายน ค.ศ.1910 เป็นวันพ่อแห่งรัฐวอชิงตัน ในปี ค.ศ.1966 หรืออีก 14 ปีต่อมาในยุคของ ประธานาธิบดีลินดอน บี.จอห์นสัน มีการประกาศว่าให้วันอาทิตย์ในสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนมิถุนายนของทุกปีเป็นวันพ่อแห่งชาติอเมริกาแบบไม่เป็นทางการ
ในปี ค.ศ.1972 ประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน จึงประกาศให้วันพ่อเป็นวันหยุดราชการและมีการฉลองกันทุกวันอาทิตย์ที่สามของเดือนมิถุนายน สำหรับอเมริกันแล้ว วันพ่ออเมริกาถือเป็นวันครอบครัวอีกวันหนึ่งที่ทุกคนจะมารับประทานอาหารร่วมกัน โดยลูกๆ จะซื้อของที่คิดว่าพ่อชอบเป็นการแสดงความขอบคุณที่ดูแลลูกๆมาจนเติบใหญ่ หรือไม่ก็พาพ่อออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน ถือเป็นความสุขร่วมกัน
บางครอบครัวจัดงานเลี้ยงปิ้งบาร์บีคิวกันในสวนหลังบ้านเพราะวันพ่อตรงกับหน้าร้อนของอเมริกา จึงเป็นช่วงที่เหล่าอเมริกันจะนัดปาร์ตี้ในสนามบ้านตัวเอง เป็นอีกวันที่สนุกสนานกันในครอบครัว หรือใครที่ไม่มีพ่อก็ไปช้อปปิ้งของลดราคา เพราะทุกห้างจะลดราคาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับวันพ่อ
วันพ่อแห่งชาติอเมริกาถือเป็นวันพ่อชาติแรกที่มีการกำหนดและเฉลิมฉลอง หลังจากนั้นชาติอื่นๆ ก็กำหนดวันพ่อแห่งชาติของประเทศตนขึ้นมา ลูกบ้านไหนที่แยกบ้านแยกครอบครัวไปอยู่ต่างรัฐก็จะโทรหาพ่อของตนเพื่อสวัสดีวันพ่อ หรือส่งของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ราคาไม่แพง แต่เป็นของที่พ่อชอบ อย่างของกินอร่อยๆ เครื่องดื่มที่พ่อชอบ เพื่อแสดงความขอบคุณพ่อ เรื่องการฉลองวันพ่อและวันแม่เป็นเรื่องน่ารักๆ ของอเมริกันระดับชาวบ้าน ที่ไม่มีการออกมาเหยียดหยามดูหมิ่นกัน แต่ถือเป็นเรื่องควรทำของทุกครอบครัว
ผู้เขียนนำมาบอกเล่าสู่กันเพื่อบอกว่าอเมริกันไม่ได้แย่ แต่ที่ไม่ค่อยได้เรื่องคือระดับผู้นำนั่นแหละ อเมริกาก็มีแง่มุมน่ารักๆ
เหมือนคนชาติอื่นเหมือนกันนะปีนี้เงียบเหงามาก ปกติแล้วพอตกบ่าย กลิ่นย่างเนื้อย่างไก่จะล่องลอยอบอวลจากสนามหลังบ้านแทบทุกหลัง แต่ปีนี้เงียบกริบ ทั้งที่อากาศกำลังสบาย ไม่ร้อนไม่หนาวเกินไป แสดงว่าทุกบ้านต้องประหยัดกันสุดขีดจากราคาน้ำมันที่แพงทะลุโลกและราคาสินค้าอาหารสดแห้งในชีวิตประจำวันที่แพงขึ้นกว่าเดิมมาก ทำให้คุณพ่ออาจจะได้เพียงของขวัญนิดๆ หน่อยๆ หรือโทรศัพท์อวยพรจากลูกๆ แต่สำหรับพ่อแล้ว แค่ได้ยินเสียงหรือเห็นหน้าลูกๆ ก็เพียงพอแล้ว
งดเล่าเรื่องการเมืองอเมริกันสักอาทิตย์ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขของครอบครัว ที่ทุกคนต่างพยายามทำตัวมีความสุขท่ามกลางความยากลำบากที่ห้อมล้อมทุกครอบครัวทุกเมืองทุกรัฐในอเมริกาขณะนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี