มีคำถามว่าหาร 100 หรือ หาร 500 เป็นประโยชน์สำหรับประชาชน ?
เรื่องที่เขา (พรรคการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสมาชิก) ถกเถียงกันอยู่เวลานี้ คือ หารร้อย หรือหารห้าร้อยดี
หารร้อย หรือ หารห้าร้อย คือจำนวน ส.ส. บัญชีรายชื่อที่แต่ละพรรคจะได้ เดิมทีการเลือกตั้งคราวที่แล้ว หารห้าร้อย นั่นมาจากจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่มีในสภา พอแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ก็จะเปลี่ยนเสียใหม่มาหารร้อย
หารร้อย หรือหารห้าร้อย แท้จริงแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของประชาชนหรอกครับ หารร้อย หรือหารห้าร้อย มันเกี่ยวข้องกับพรรคการเมือง นักการเมือง พรรคใหญ่ พรรคเล็ก ซึ่งพวกเขาจะคิด จะคำนวณของพวกเขาเองว่า พวกเขาจะมีโอกาสได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อสักกี่คน จะได้วางบัญชีรายชื่อถูก 10 หรือ 20 รายชื่อแรกควรจะเป็นใคร คนที่ไม่ใช่นักการเมือง แต่อยากเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อ บริจาคช่วยพรรคสักเท่าไหร่จะได้อยู่บัญชีต้นๆ บริคจาคเท่าไหร่จะได้อยู่ในบัญชีรายชื่อถัดมา
อ้าวต้องบริจาคให้พรรคด้วยหรือ ?
ของฟรีมีที่ไหนเล่าครับในโลกนี้ ตำแหน่งทางการเมืองทุกตำแหน่งละครับ มีที่ไปมีที่มา นักการเมืองที่มีชื่อในบัญชีรายชื่อ ส่วนหนึ่งก็เพราะชื่อของท่านมีค่า มีราคา เป็นส.ส.มานาน รับใช้พรรคมานานส่วนหนึ่ง ช่วยเหลือพรรคมามาก ช่วยพรรคมานาน
ส่วนรายชื่อใหม่ๆ แปลกๆ นั่นบริจาคให้พรรค มีอุปการคุณต่อพรรค
เจตนารมณ์ที่บอกว่า ส.ส. บัญชีรายชื่อมีไว้สำหรับคนที่อยากจะเล่นการเมือง แต่ไม่อยากเปลืองตัวด้วยการลงมาสมัครให้โดนคู่แข่งหรือคู่ต่อสู้ด่า นั่นจึงไม่จริง
แล้วต้องหารเท่าไหร่จึงจะถูกต้อง ร้อย หรือห้าร้อย ?
คุณจะหารเท่าไหร่ ก็เรื่องของคุณ ของพรรคการเมือง ของนักการเมือง เพราะนี่มันเกมส์ของพวกเขา ของนักการเมือง พรรคการเมือง ที่จะเอาชนะกัน
ผมพูดถึงเรื่องนี้ก็เพราะ นักการเมือง มันไม่มีจุดยืน ไม่มีเหตุผลที่จะอธิบายกับประชาชน มันต้องทำตามคำสั่ง คำบงการของใครบางคนเท่านั้น
วันหนึ่งพวกเขาประชุมกันจะเอาอย่างนั้น อย่างนี้ แถลงในที่ประชุม อภิปรายในสภา อภิปรายในที่ประชุมในขั้นกรรมาธิการ
อีกวันหนึ่งพอมีใบสั่งมา มันก็เปลี่ยนได้หน้าตาเฉย
มันทำให้ประชาชนมองเห็นชัดเจนว่า พรรคการเมือง นักการเมือง มันไม้หลักปักเลน เอาอะไรที่เป็นเหตุเป็นผลมาอธิบายกับประชาชนไม่ได้
ไม่ต้องมาถามหรอกนะครับนักการเมืองคนไหน พรรคไหน มันพอๆกันทั้งนั้นแหละครับ ทั้งพรรคใหญ่ พรรคเล็ก
เราจะหวังอะไรกับสภา ?
ผมก็ไม่เคยคาดหวังอะไรเลยกับสภา
สภาเป็นเพียงสัญญลักษณ์ บ่งบอกความเป็นประชาธิปไตย หรือรูปแบบที่เป็นประชาธิปไตยในระดับหนึ่งเท่านั้น เพื่อให้คนที่อยากจะได้ประชาธิปไตย ชื่นใจบ้าง พอใจบ้างว่า พวกเขามาจากการเลือกตั้ง
แต่เขาจะผ่านการเลือกตั้งมาด้วยวิธีไหนก็ไม่รู้ อาจจะมาจากการจัดตั้งของหัวคะแนน ด้วยการหาเสียงแบบตอหลดตอแหล อาจจะด้วยวิธีการพนัน การซื้อเสียง หรือมันทำให้ประชาชนหลงผิดว่า มันเก่ง มันเป็นคนพิเศษ มันน่านับถือ
ถามหน่อยเถอะ แท้จริงแล้วประชาชนได้อะไรบ้าง
มีผลงานของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตรงไหนบ้างที่ยืนอยู่ข้างประชาชนที่เสียเปรียบในสังคมจริงๆ
เห็นแต่เวทีของสภา เป็นที่สำหรับประนีประนอม ให้การเอารัดเอาเปรียบได้ดำเนินต่อไป ได้เอาเปรียบต่อไป ได้ผูกขาดผลประโยชน์ต่อไป
เห็นไหมเล่าหน้าตาของรัฐบาล ซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน หน้าตาพวกเขาก็ไม่ได้แตกต่างกันมาก ดูคณะรัฐมนตรีของรัฐบาล ทักษิณ สมัคร อภิสิทธิ์ ยิ่งลักษณ์ มารัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ ต่างกันสักเท่าไหร่เล่า
มันก็กลุ่มเดียวกันทั้งนั้น
อ้อ มีต่างกันอยู่บ้าง รัฐมนตรีของทักษิณ ยิ่งลักษณ์ กลายเป็นคนคุกหลายคน ทั้งที่พ้นโทษออกมาแล้ว ทั้งที่ติดคุกอยู่
ที่สำคัญ ทักษิณ ยิ่งลักษณ์ สองพี่น้อง มันหนีคุกอยู่
หนีนานแล้ว และจะต้องหนีไปจนตาย !
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี