สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดแรกของเราหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 มาจากการแต่งตั้ง ส่วนใหญ่จึงเป็นคณะผู้ก่อการและขุนนางที่มีชื่อเสียงในขณะนั้น และมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผูแทนราษฎรกันจริงๆก็เมื่อ วันที่ 15 พฤศจิกายน 2476 แต่ก็ใช้วิธีให้เลือกกรรมการตำบล เลือกสมาชิกสภาผูแทนราษฎร
มิใช่ให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เลือกผู้แทนราษฎรโดยตรง
ผู้แทนราษฎรยุคแรกที่ กรรมการตำบลเลือกแทนประชาชน จนกระทั่งให้ประชาชนเลือกโดยตรงในยุคแรกๆนั้น หน้าตาของผู้แทนราษฎรส่วนใหญ่ จะเป็นอดีตขุนน้ำขุนนางที่เคยทำงานในจังหวัด คหบดี ต่อมาจะมีนักกฎหมาย ทนายความ ครู เข้าสู่สภามากขึ้น
ผู้แทนราษฎรส่วนใหญ่จะทำหน้าที่เป็น “ผู้แทนราษฎรที่ดี” อยู่ในร่องในรอย ในกรอบ มีบ้างที่เรียกกันว่า กินจอบ กินเสียม เครื่องมือในการทำการเกษตรชาวนาชาวไร่ ที่รัฐบาลมีนโยบายแจกชาวนาชาวไร่ ผ่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ซึ่งก็มีน้อย แต่ก็เป็นข่าวครึกโครม
การดูแล หรือมีนโยบายช่วยเหลือชาวไร่ชาวนา นั้นรัฐบาลไหนๆ เขาก็คิด หรือทำกันมาแล้วทั้งนั้น มิใช่มาคิดช่วยโดยการรับจำนำข้าว อย่างที่นักวิชาการสตึๆเอามาพูดว่า รัฐบาลยิ่งลักษณ์ผิดตรงไหนที่คิดช่วยชาวนาชาวไร่
คิดช่วยชาวนาชาวไร่น่ะไม่ผิดหรอก มันผิดที่ปล่อยให้โกง โกงกันเป็นหมื่นเป็นแสนล้านบาท จนทุกวันนี้ยังใช้หนี้ไม่หมด
เมื่อสฤษดิ์ยึดอำนาจจากจอมพลป.พิบูลสงคราม ปี 2500 ให้นายพจน์ สารสิน เป็นนายกรัฐมตรี ยังใจดียอมให้มีการเลือกตั้ง อาจจะเพราะ สฤษดิ์มาตั้งพรรคเอง(พรรคชาติสังคม) สนับสนุนให้ พลเอก ถนอม กิตติขจร เป็นนายกรัฐมนตรี
และเมื่อมีการยึดอำนาจอีกที 20 ตุลาคม 2502 โดยสฤษดิ์ /ถนอม คณะรัฐประหารก็สั่งยุบพรรคการเมือง ยุบสภาผู้แทนราษฎร ยกเลิกรัฐธรรมนูญ ใช้ธรรมนูญการปกครองชั่วคราว ในมาตรา 17 ของธรรมนูญการปกครองชั่วคราวนั้นให้อำนาจนายกรัฐมนตรี (สฤษดิ์ ธนะรัชต์ )มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด (เผด็จการสมบูรณ์แบบ) แต่งตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ และให้สภาร่างรัฐธรรมนูญทำหน้าที่นิติบัญญัติ ไปด้วย
จากปี 2502 ที่เริ่มร่างรัฐธรรมนูญมาเสร็จเอาปลายปี 2511 (เสร็จหลังจากสฤษดิ์ตายไปแล้ว 5 ปี ถือเป็นรัฐธรรมนูญที่ร่างกันยาวนานที่สุด ที่ร่างกันยาวนานก็เพื่อเลี่ยงที่จะต้องเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
เพราะเผด็จการนั้นฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ฟังการอภิปรายของสมาชิกสภาผูแทนราษฎรไม่ได้ (ทั้งที่ผู้แทนราษฎรยุคนั้น ไม่ค่อยจะกักขฬะ เหมือนบางยุคบางสมัยด้วยซ้ำ)
หลังจากที่ว่างเว้นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาเกือบทศวรรษ ประเทศไทยก็มีการเลือกตั้ง 10 กุมภาพันธ์ 2512
เป็นเริ่มยุคของ นายชวน หลีกภัย นายอุทัย พิมพ์ใจชน ส่วนกลุ่มแนวร่วมสังคมนิยมของ นายแคล้ว นรปติ แห่งขอนแก่นนั้นได้มาเป็นกอบเป็นกำ ส่วนกรุงเทพฯ หม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคต่อจากนายควง อภัยวงศ์ ก็นำประชาธิปัตย์ในกรุงเทพฯมาได้ยกทีม
การทำหน้าที่ของผู้แทนราษฎรยุคนั้นค่อนข้างจริงจัง อาจจะเพราะเราว่างเว้นการเลือกตั้งมานาน นักการเมืองค่อนข้างมีคุณภาพ ยามที่หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช นายแคล้ว นรปติ ลุกขึ้นอภิปราย สมาชิกสภาด้วยกันจะให้ความสนใจเป็นพิเศษ
เคยมีปัญหาจำได้ว่าเป็นเรื่องระหว่างประเทศ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายรัฐบาลลุกขึ้นขอร้องให้หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ได้แสดงความคิดเห็น เพราะอยากได้ข้อมูล อยากฟังความคิดเห็นหลายๆฝ่าย
ในสภา และนอกสภาจะไม่ค่อยได้เห็นได้ยินการโกหกคำโต หรือโกหกอย่างหน้าด้านๆ
สมาชิกสภาผูแทนราษฎร เราเริ่มเปลี่ยนหน้าจากนักกฎหมาย ครูประชาบาล มาเป็นผู้รับเหมา พ่อค้า วานิชมากขึ้นหลังการยึดอำนาจเดือนตุลาคม2520 การเมืองกลายเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าธุรกิจอื่นๆ เป็นผู้แทนราษฎรให้ได้มีโอกาสได้เป็นรัฐมนตรี มีโอกาสใกล้ชิดอำนาจ มีโอกาสแสวงหาความร่ำรวย
จึงมีนักเลือกตั้ง จึงมีการเอาชนะเลือกตั้ง จึงมีการซื้อเสียงอย่างหนัก จึงมีคนหน้าด้าน จึงมีการโกหกคำโต ฯลฯ
นี่คือสภาพ ความเป็นไปของนักการเมืองทุกวันนี้
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี