พรรคเพื่อไทย โดยนายเศรษฐา ทวีสิน หนึ่งในสามของผู้ที่พรรคเพื่อไทย กำหนดตัวให้เป็น นายกรัฐมนตรี ประกาศว่า คนไทยที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินเป็นเหรียญดิจิตอล หมื่นบาทให้จับจ่ายใช้สอย ในภูมิลำเนาตามบัตรประชาชนในอาณาบริเวณ 4 กิโลเมตร ในเวลา 6 เดือน
นโยบายนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศครั้งใหญ่จะทำให้ประเทศฟื้นตัวขึ้นมาทันที
กกต. บอกว่าเป็นนโยบายของพรรค ไม่ใช่เงินส่วนตัว แต่ขอดูรายละเอียด
สำหรับผม มองว่า นี่คือการซื้อเสียงครั้งใหญ่สุด แพงสุด เท่าที่มีการซื้อมา พ่อบุญแจก เจ้าบุญทุ่มก่อนหน้านี้ให้ปลาทูเค็มบ้าง แจกข้าวสารบ้าง ที่ศรีสะเกษ 300 บาท 500 บาท เมื่อครั้งโรคร้อยเอ็ด ระหว่าง พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ กับพันตำรวจโทบุญเลิศ เลิศปรีชา หรือที่ดังมากอีกกรณีหนึ่งก็ “ยี้ห้อยร้อยยี่สิบ” ที่บุรีรัมย์
และหลังจากที่มี คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)เกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญ 2540 ก็เกิดการซื้อเสียงเป็นการใหญ่ทั่วทุกภูมิภาค หัวละ 500 บาท 800 บาท เพราะการเมือง เป็นธุรกิจ เล่นเป็นซื้อเป็น ก็ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เล่นเป็น ทำเป็น ก็ได้เป็นเลขารัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการเป็นรัฐมนตรีว่าการ สามารถเรียกทุนคืนได้
คนที่มันรู้จักทำมาหากินนั้น ให้มันไปอยู่กระทรวงไหน มันก็สามารถทำมาหารับประทานได้ทั้งนั้น อยู่กระทรวงสาธารณสุข แวดล้อมด้วยคนที่มีภูมิความรู้ มีคุณธรรม ก็ติดคุกเพราะทุจริตให้เห็นมาแล้ว แถมยังไปแพร่เชื้อชั่วนี้ไปเกือบจะทุกกระทรวงทบวงกรม
การประกาศแจกเงิน 1 หมื่นบาทของพรรคเพื่อไทย ซึ่งว่ากันว่าจะเริ่มแจกได้วันที่ 1 มกราคม 2567 จึงเป็นการซื้อเสียงที่แพงที่สุด เป็นการซื้อครั้งใหญ่ที่สุด เพราะซื้อทุกคนที่มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ และไม่ได้ใช้เงินของพรรค หรือตัวผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง หากแต่ใช้เงินภาษีของประชาชน
แยบยล อย่างบัดซบ
เพราะอะไร ?
พรรคเพื่อไทยโดยนายเศรษฐา ประกาศแจกทุกคนไม่ว่ายากดีมีจน ตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป นั่นเท่ากับแจกทุกคนที่มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566
แน่ละ พรรคเพื่อไทยหรือนายเศรษฐา ไม่ได้บอกหรอกว่าใครไปลงคะแนนให้แล้วจะเอางบประมาณแผ่นดินมาให้ 1 หมื่นบาทซึ่งเป็นการซื้ออย่าโต้งๆ การแจกปลาทูเค็ม การซื้อเสียง 300 บาท 500 บาท ทั่วประเทศ ผ่านหัวคะแนน เขาก็มีวิธีพูดวิธีจูงใจ เช่นเดียวกับที่บอกว่า จะทำให้เศรษฐกิจพลิกฟื้นขึ้นมา จากที่เขามองว่า รัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ ที่มาจากการรัฐประหารแช่แข็งประเทศไทยมาแล้ว 8 ปี ประชาชนยากจนข้นแค้น
ครั้นถามว่าจะเอาเงินที่ไหนมาแจกให้คนมากมายก่ายกองขนาดนี้ ?
ผู้ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป ทั้งยากดีมีจนมีอยู่ประมาณ 55 ล้านคน จะต้องใช้เงิน 5.5 แสนล้านบาท คนในพรรคเพื่อไทย และนายเศรษฐาบอกว่า มีงบที่เก็บภาษีเพิ่มมาได้ 2.6 แสนล้านบาท ที่เหลือ ก็จะไปตัดงบโน่นนี่เอามาโปะ
ถามว่า ทำไมจึงต้องแจกตั้งแต่อายุ 16 ปี มันบอกว่า ถ้าแจกตั้งแต่อายุ 18 ปีคนจะเข้าใจว่า เป็นการซื้อเสียง
ก็อยากจะบอกว่า นี่แหละคือการเลี่ยงข้อครหาว่าซื้อเสียง เพราะเว้นให้คนอายุ 16 ปี 17 ปี เท่านั้นเอง แล้วคนที่อายุ 1 วันจนอายุ 15 ปี ไม่ต้องกินต้องใช้ และไม่ใช่คนหรืออย่างไร ตอบหน่อยซิ
สารวัตร เฉลิม อยู่บำรุง ลูกพรรคเพื่อไทย พูดให้สะใจโก๋ว่า อาจจะตัดงบทหาร งบเรือดำน้ำ มาแจก
นายเศรษฐา และบรรดาลูกพรรคเพื่อไทย พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นับ 8 ปีมาแล้วตั้งแต่ที่ พลเอกประยุทธ์ ทำรัฐประหาร และสืบทอดอำนาจมาจนวันนี้ประเทศไทยย่ำแย่ ประชาชนอดอยาก เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า
เออ แล้ว รัฐบาลประยุทธ์ประยุทธ์สามารถเก็บภาษีเกินเป้ามาได้ยังไงตั้ง 2.6 แสนล้านบาท
เออ ถ้าเศรษฐกิจมันย่ำแย่ขนาดนี้ ธุรกิจของนายเศรษฐามันจะได้กำไรตั้ง 4 พันล้านบาทได้ยังไง
นี่ทำให้ผู้ที่ติดตามสถานการณ์สับสน ไม่เข้าใจ
เช่นเดียวกับที่ไม่เข้าใจว่า ทักษิณซึ่งอยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทยมาแต่ไหนแต่ไรบอกว่า การแจกเงินเป็นเรื่องของคนปัญญาอ่อน รัฐบาลที่ดีควรจะใช้สติปัญญาทำให้ประชาชน ทำมาหากิน สร้างรายได้ขึ้นมาเอง
เออ! หรือว่าพรรคนี้มันปัญญาอ่อนกันทั้งพรรคไปแล้ว เหลือแต่ทักษิณคนเดียว ?
ยังมีปัญหาอื่นๆอีกเยอะนะครับกับ นโยบาย เส็งเคร็ง นี่
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี