ตั้งรัฐบาลพรรคเดียวเลย !

ยังไม่ถึงวันที่ 14  พฤษภาคม 2566   ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งทั่วไป   (เลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วประเทศ) เลยครับ    พรรคก้าวไกล  ก็ประกาศตั้งรัฐบาลแล้ว  พิธา  ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ถึงกับเปิดเผยเป้าหมายว่า  จะเป็นนายกรัฐมนตรีสักระยะหนึ่ง ก็คง 8  ปี  ตอนนั้น ธนาธร  จึงรุ่งเรืองกิจ   ก็พ้นข้อห้ามที่ถูกตัดสิทธิ  กลับมาเล่นการเมืองได้

สำหรับเขา พิธา  ก็จะไปเป็นเลขาธิการสหประชาชาติ

โอ  ชีวิตพวกเขาช่างโรยด้วยกลีบกุหลาบเสียจริง !

ถามว่า อาศัยอะไรมาฝันเสียเพริศพริ้งขนาดนี้  ?

ที่ พิธา ธนาธร ต่างประสานเสียงถึงการเป็นรัฐบาลโดยที่ไม่พักต้องรอดูผลการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม  ก็เนื่องจากผลโพลล์ ทุกสำนัก ที่สำรวจครั้งแรกๆ นั้นพรรคเพื่อไทยนำโด่ง พรรคก้าวไกล แม้จะมาเป็นที่สอง แต่ก็มีระยะห่างกันอยู่มาก แต่พอใกล้วันเลือกตั้ง ก็ปรากฎว่าผลสำรวจพบว่าความนิยม เพิ่มขึ้นมาเรื่อยๆ  จนกระทั่งชนะพรรคเพื่อไทย

แล้วอย่างนี้ อำนาจรัฐจะไปไหนเสีย   !

ผลการสำรวจคะแนนนิยมที่ออกมาเป็นช่วงเดียวกับที่เขา (พิธา  ลิ้มเจริญรัตน์) เพิ่งให้สัมภาษณ์กับนักอ่านข่าวรายหนึ่ง  โดยที่เขาเล่าถึงการถูกกระทำจากฝ่ายทหารเหตุการณ์ที่มีการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549  ตอนนั้นเขาศึกษาอยู่ที่บอสตัน อเมริกา  เขาต้องอาศัยเครื่องบินเช่าเหมาลำที่รัฐบาลเช่าส่ง ทักษิณ และข้าราชการไปประชุมที่นิวยอร์ค แต่เมื่อรู้ว่ามีรัฐประหาร ทักษิณก็ให้เครื่องไปส่งที่ลอนดอน แล้วค่อยนำเครื่องกลับกรุงเทพฯ

เขาเล่าเป็นตุเป็นตะว่าที่เขาได้อาศัยเครื่องบินกลับไทยครั้งนั้น เพราะเขาเป็นทีมงานสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี รัฐบาลขณะนั้น เขาถูกกักตัวจนไปงานศพพ่อไม่ทัน เขาถูกทางการอายัดเงิน บังเอิญว่า ก่อนหน้านี้หลายปีเขาเคยให้สัมภาษณ์รายการหนึ่ง ถึงการเดินทางมางานศพพ่อ อาศัยมากับเครื่องบิน  เพราะรีบมาให้ทันงานศพ  เป็นนักเรียน    (ไม่บอกด้วยซ้ำว่า  นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์   ซึ่งเป็นเลขา ส่วนตัวทักษิณฝากขึ้นเครื่อง)

การพูดไม่อยู่กับร่องกับรอยของคนระดับหัวหน้าพรรค  และว่าที่ นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย มิใช่เรื่องนี้เรื่องเดียว เรื่องเงินสำหรับข้าราชการเกษียณเอย  ปัญหากัญชาเอย  เขาก็ไม่อยู่กับร่องกับรอย

ประชาชนส่วนหนึ่ง รู้สึกจะส่วนใหญ่ด้วยกลับไม่ถือสา  ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก  เพราพการที่ก่อนหน้านี้ หรือ แม้ขณะนี้คะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทย ก็ยังดีอยู่  เชื่อว่าจะชนะและมีโอกาสที่จะได้จัดตั้งรัฐบาลเช่นเดียวกัน

ประชาชนก็ไม่ถือสาว่า ที่ผ่านมาพรรคการเมืองพรรคนี้เคยเป็นรัฐบาล ใช้นโยบายรับจำนำข้าว 15,000 บาท แล้วก็มีการทุจริตอย่างสะบั้นหั่นแหลก สร้างหนี้เอาไว้กว่า  5-6 แสนล้านบาทให้คนไทยใช้หนี้อยู่ทุกวันนี้ยังไม่หมด  ใครมาเป็นรัฐบาลก็ต้องตั้งงบประมาณใช้หนี้ก้อนนี้   มีรัฐมนตรีหลายคนต้องติดคุก

ประชาชนส่วนหนึ่งก็ไม่ถือสา ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะแม้นักการเมืองในพรรคหลายคนผ่านการเลือกตั้งมาหลายครั้ง ผ่านการเป็นรัฐมนตรีมาแล้วหลายกระทรวง ก็ยังยอมรับเด็กวานซืนที่ไม่ประสีประสาทางการเมืองข้ามหัวมาเป็นแคนดิเดตของพรรคในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

โอกาสที่จะได้อำนาจรัฐก็น่าจะมากโขอยู่ ดังจะเห็นได้จาก คำพูดของ เศรษฐา ทวีสิน ที่พูดถึงกระทรวงคมนาคมว่า   “60 วันที่หาเสียงยากลำบาก ไม่ยกกระทรวงดี ๆให้แม่งหรอก”

นี่ยังไม่รู้ว่าจะได้ตั้งรัฐบาลพรรคเดียว   หรือจะต้องเป็นรัฐบาลผสม และยังไม่ทราบเลยว่า “แม่งจะมีพรรคการเมืองพรรคใดร่วมรัฐบาลด้วย”

และโปรดทราบไว้ด้วยว่า กระทรวงกลาโหม กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงศึกษาธิการ  นั่นพรรคก้าวไกลเขาจองไว้แล้ว    เพื่อที่จะเปลี่ยนประเทศไทยใหม่

ถ้าไม่ให้มีปัญหา ก็ต้องชนะให้ถล่มทลายเพื่อจะได้จัดตั้งรัฐบาลเพียงพรรคเดียว

เอาเลยครับ  !

สำเริง  คำพะอุ