ทันทีที่ผลการเลือกตั้งออกมาอย่างไม่เป็นทางการว่า พรรคก้าวไกล ได้รับเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่ง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก็ออกมาแถลงว่า ขอบคุณพี่น้องประชาชน ที่เลือกพรรค และว่า “ผมนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่30 ของประเทศไทย พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อพี่น้องประชาชน….”
การไม่สงวนท่าที ของนายพิธา นั่นอาจจะแสดงความตรงไปตรงมา ความกระตือรือร้น และความปลาบปลื้มในชัยชนะ และในการที่จะทำงานเพื่อประเทศชาติ ประชาชน
แต่จริงๆแล้ว การจะเป็นนายกรัฐมนตรี การจะจัดตั้งรัฐบาล นั่นไม่ง่ายนัก
พลอากาศเอก สมบุญ ระหงษ์ แต่งชุดขาวรอรับพระบรมราชโองการ ก็เคยเก้อมาแล้ว อย่าว่าแต่การเลือกตั้งครั้งก่อน 2562 พรรคเพื่อไทย ก็ได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ถึงตอนเสนอชื่อ นายกรัฐมนตรี ยังไม่เสนอชื่อ คุณหญิงสุดารัตน์ นายชัชชาติ หรือนายชัยเกษม ตามบัญชีรายชื่อ แต่กลับสนับสนุน นายธนาธร
ขั้นตอนการยังอยู่อีกยาวไกลพอสมควร
กกต. ต้องประกาศรายชื่อผู้ที่ได้รับเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ พรรคการเมืองต่างๆที่ได้รับเลือกต้องมาตกลงกันว่า พรรคใดจะเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล ต้องรวบรวมเสียงให้ได้เกินกึ่งหนึ่งในสภา ซึ่งก็ต้องรอให้ผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการออกมาเป็นที่เรียบร้อย มีการเรียกประชุมสภา เพื่อเลือกประธานสภา รองประธานสภา แล้วในที่สุดก็ประชุมเลือกนายกรัฐมนตรี
ขั้นตอนเหล่านี้ย่อมทำให้พลิกผันได้
อย่าว่าแต่ ว่าที่นายกรัฐมนตรี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยังมีข้อร้องเรียนไปยัง กกต. เรื่องที่นายพิธาถือครองหุ้นสื่อ ไอทีวี อยู่ จะซ้ำรอย นายธาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่แม้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่ก็ไม่ได้ทำหน้าที่
และถ้า กกต.ชี้ว่า นายพิธาถือหุ้นสื่อ แต่ถือในฐานะผู้จัดการมรดก ไม่ผิด เรื่องก็จบ แต่ถ้า กกต. เห็นว่าถือในฐานะของผู้จัดการมรดก ก็ผิดเพราะนายพิธามีส่วนเป็นเจ้าของ ก็ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป
ผมจึงได้บอกว่า เรื่องยังอีกยาวกว่าจะไปถึงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
ยังมีอีก เกิดพรรคเพื่อไทย ประชุมกรรมการบริหารมีความเห็นว่า ไม่อาจจะร่วมรัฐบาลได้ เพราะติดขัดในนโยบายของพรรคก้าวไกลบางข้อ เป็นต้นว่า การยกเลิกหรือแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือตกลงกระทรวงกันไม่ได้ พรรคหนึ่งอยากดูแลกระทรวงหนึ่ง อีกพรรคหนึ่งคิดในใจว่า “ให้แม่งไม่ได้หรอก กระทรวงนี้เราถนัดหรือกระทรวงนี้งบเยอะ”
ก็ยากที่จะตั้งรัฐบาลได้ ก็อาจจะเป็นโอกาสของพรรคเพื่อไทยที่จะเป็นผู้ติดต่อเจรจาหาพรรคการเมืองอื่นๆ มาร่วมรัฐบาล พรรคเพื่อไทย มีโอกาสที่จะชวน พรรคภูมิใจไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคไทยสร้างไทย หรืออาจจะเป็นพรรคก้าวไกล (โดยขอให้ลดเงื่อนไขนโยบายบางเรื่อง บางประเด็นลงบ้าง) ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับพรรคก้าวไกลเหมือนกันว่า อยากจะร่วมรัฐบาลหรือไม่
เป็นไปได้ทั้งนั้นครับ
พรรคก้าวไกลคงไม่ถึงกับอยากร่วมรัฐบาลเหมือนบางพรรคในอดีตที่คิดว่า การเป็นฝ่ายค้านนั้นอดอยากปากแห้ง ต้องเป็นรัฐบาลจึงจะอิ่มหมีพีมัน
การตั้งพรรคการเมือง ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งทั่วไป 2 ครั้ง ได้รับชัยชนะเหนือพรรคการเมืองอื่นๆ เหนือผู้สมัครรับเลือกตั้งบางคนที่คร่ำหวอดในวงการเมือง ชนะตระกูลดังๆที่เป็นเจ้าถิ่นในหลายจังหวัด หลายสนามการเลือกตั้งด้วยผู้สมัครหน้าใหม่ที่ไม่ค่อยจะมีชื่อเสียงเรียงนาม นี่เป็นการสร้างประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งในวงการเมืองไทย
นักการเมืองหน้าใหม่เหล่านี้จะต้องเข้มงวดตัวเอง ไม่เดินตามรอยนักการเมืองประเภทเจ้าพ่อเจ้าแม่ในอดีต ไม่แสวงหาประโยชน์อย่างที่นักการเมืองเลวๆ ในอดีตที่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ทำมาหากิน ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเขื่อน เหมือง ฝาย สนามฟุตซอล ฯลฯ
ที่สำคัญคือไม่อวดโอ่โอหัง ไม่ตลบแตลง ปลิ้นปล้อน วาจาต้องหนักแน่นดังขุนเขา
สำเริง คำพะอุ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี