ไม่ว่าชาติไหนก็มักมีการกำหนดสีธงชาติ ดอกไม้ รวมไปถึงสัตว์เลี้ยงประจำชาติกันทั้งนั้น ไม่เชื่อดูตัวอย่างจากบ้านเราก็ได้  ดอกไม้ประจำชาติไทยคือดอกชัยพฤกษ์หรือดอกคูณสีเหลืองอร่ามงามจับตา แม้ว่าฝรั่งมักจะนึกถึงดอกมะลิหรือดอกบัวก่อนหน้าดอกไม้ชนิดนี้ก็ตาม เพราะสำหรับฝรั่งแล้ว ดอกมะลิ ดอกกล้วยไม้หรือดอกบัวนั้นสื่อถึงความเป็นเอเซียมานานจนคุ้นเคย ส่วนดอกคูณนั้นคือดอกอะไรกันเหรอ..ไอม่ายรู้จัก

เมื่อพูดถึงสัตว์ประจำชาติไทย ชาวโลกมักนึกถึงช้างตัวโตๆ  ฝรั่งติดใจนักหนาว่าช้างไทยนั้นแสนรู้น่ารักแถมยังวาดรูปได้อีกต่างหากตามที่เคยเห็นในสารคดีเกี่ยวกับเมืองไทย บางคนฝันถึงการมาขี่ช้างที่เมืองไทยว่าเป็นเรื่องต้องทำก่อนตายเลยทีเดียวเพราะถือเป็นเรื่องตื่นเต้นที่สุด  รองลงมาคือหมาไทยขนเกรียนหลังอานหางดาบ รวมไปถึงแมวไทยสีสวาดทั้งหลาย ต้องน่าขอบใจที่วอลท์ ดิสนีย์มีส่วนช่วยทำให้แมวไทยเราโด่งดังจากคู่แมวไทยแสนแสบจากการ์ตูนเรื่องทรามวัยกับไอ้ตูบหรือ Lady and the Tramp

ในเมื่อทุกชาติมีภาพลักษณ์ของสัตว์และดอกไม้ประจำชาติ ลุงแซมเองก็มีกับชาวบ้านเหมือนกัน  ใครๆ ก็รู้ว่าสัญลักษณ์ของอเมริกาคือนกอินทรีหัวล้าน ซึ่ง “หัวล้าน” นั้นคือชื่อเรียกสายพันธุ์ของนกอินทรี ไม่ใช่หัวล้านเพราะถูกเมียกระชากตบจนขนหลุดแต่อย่างใด   แต่น้อยคนจะรู้ว่าดอกไม้ประจำชาติอเมริกาคือดอกกุหลาบ

แต่สัตว์อันดับหนึ่งที่ครองใจมวลมหาอเมริกันไม่ยักใช้นกอินทรีหัวล้านแต่อย่างใด หากคือมะหมาหลากสายพันธุ์นั่นเอง คนอเมริกันนั้นคิดว่าหมาคือเพื่อนสนิทอันดับหนึ่งของมนุษย์ หากยึดแนวคิดแบบอเมริกันดรีมเป็นหลักตามแบบครอบครัวแสนสุขจะด้องประกอบด้วยคู่สามีภรรยาที่มีลูกสามคน บ้านของตัวเอง หนึ่งหลัง รถสองคัน และหมาหนึ่งตัว ขออภัยที่งานนี้ไม่รวมแมวเหมียวแต่อย่างใด ใครอยากเลี้ยงแมวนั่นถือว่าเป็นของแถม แต่ครอบครัวสมบูรณ์แบบนั้นต้องมีหมาอย่างน้อยหนึ่งตัวนั่นแหละ จึงจะจัดว่าครบสูตรอเมริกันดรีม

หมายอดนิยมอันดับหนึ่งในอเมริกาคือหมาพันธุ์ลาบลาดอร์ แม้จะไม่ใช่เป็นสายพันธุ์แบบเมดอินยูเอสเอ แต่ก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม อาจจะเป็นเพราะเป็นหมาตัวใหญ่นิสัยน่ารักและไม่ค่อยป่วยง่ายใจเสาะเหมือนพันธุ์อื่น เลยนำลิ่วเป็นหมาพันธุ์ที่มีคนเลี้ยงมากที่สุดในอเมริกา  ไม่ได้นั่งเทียนเขียนซี้ซั้วแต่อย่างใด มีข้อมูลอ้างอิงประกอบอย่างชัดเจนพร้อมเพ็ดดีกรี ผลการสำรวจนี้คือผลล่าสุดที่เพิ่งจัดทำเมื่อปีกลายจากสมาคมสุนัขสายพันธุ์ต่างๆ ในอเมริกา ไม่ได้นั่งเทียนเขียนซี้ซั้วแต่อย่างใด มีข้อมูลอ้างอิงประกอบอย่างชัดเจนพร้อมเพ็ดดีกรี

ลาบลาดอร์เป็นหมายอดนิยมติดต่อกันถึง 3 ปีซ้อนคือ ปี 2013 ปี 2014 และปี 2015  ส่วนอันดับสองคือเจ้าหมาเยอรมันเชฟเฟิร์ดที่ครองแชมป์ที่สองมา 3 ปีซ้อนเช่นกัน ไล่หลังมาด้วยพันธุ์โกลดเดนรีทรีฟเวอร์ที่ครองอันดับสามติดต่อกันสามสมัย

จะว่าไปแล้วหมาทั้งสามสายพันธุ์นี้ไม่มีพันธุ์ไหนเป็นสายพันธุ์อเมริกันแท้ๆ  หมาสายพันธุ์อเมริกันแท้ๆ มีเพียงแค่ไม่กี่สายพันธุ์เท่านั้นเอง  บางพันธุ์ก็เป็นที่รู้จักของคนไทย แต่บางพันธุ์นั้นแทบไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลย สายพันธุ์เหล่านี้คือ  Redbone Coonhound ซึ่งเป็นหมาที่ได้รับความนิยมมากในการนำมาร่วมล่าสัตว์ในสมัยก่อน สายพันธุ์ต่อมาเรียกกันเล่นๆ ว่าสุภาพบุรุษอเมริกัน นั่นคือสายพันธุ์ Boston Terrier ซึ่งเมืองไทยเริ่มนิยมเลี้ยงกันมากขึ้นเพราะฉลาดและน่ารัก  อีกทั้งขนาดกระทัดรัดเลี้ยงได้แม้ในอพาทเมนต์แคบๆ

บอสตันเทอร์เรียนับเป็นสายพันธุ์แรกที่จัดว่าเป็นสายพันธุ์รุ่นบุกเบิก  เพราะถือเป็นสายพันธุ์อเมริกันสายพันธุ์แรกที่ได้รับการผสมในอเมริกา ต้นกำเนิดอยู่รัฐแมสซาชูเซ็ตต์  โดยมีบรรพบุรุษคือสายพันธ์อิงลิช บูลด็อกและอิงลิช ไวท์ เทอร์เรีย ได้รับจดทะเบียนโดยสมาคมพัฒนาพันธุ์สุนัขสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1870  จะว่าไปแล้วหมาบอสตันเทอร์เรียนีแหละที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นหมาสามัญประจำชาติอย่างแท้จริง เพราะเป็นสายพันธุ์แรกที่ถือกำเนิดขึ้นในอเมริกา

ในตอนแรกหมาพันธุ์นี้ถูกผสมขึ้นมาใช้ในการต่อสู้ แต่ตอนหลังไอ้เจ้านี่คงตะกละและขี้เล่นเกินกว่าจะต่อสู้อะไรกับหมาตัวไหนได้ อีกทั้งฟันก็เกอย่างน่าขำ กัดอย่างไรก็คงไม่เข้า สุดท้ายเลยถูกพัฒนาให้เป็นหมาน่ารักประจำบ้านอย่างเดียว ที่สำคัญสายพันธุ์นี้กลายเป็นหมาประจำรัฐรัฐแมสซาชูเซ็ตต์ ในปี ค.ศ.1979  และกลายเป็นสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยแห่งบอสตัน

หมาพันธุ์นี้จัดว่าเป็นหมาพันธุ์เล็กสีขาวดำหรือขาวน้ำตาล ความฉลาด ความเป็นตัวของตัวเองและน่ารักบวกกับลายขาวดำเหมือนคนใส่เสื้อสูทจึงทำให้มีชื่อเรียกเล่นๆ ว่าสุภาพบุรุษชาวอเมริกัน นอกจากแถบสีขาวดำแล้ว บอสตันเทอร์เรียยังมีสีเหลือบๆ คล้ายลายเสือและสีขาวน้ำตาลอีกด้วย

แม้ว่าหมาสายพันธุ์อเมริกันแท้จะมีอยู่หลายพันธุ์ แต่ในใจคนอเมริกันแล้วต่างก็ยอมรับโดยปริยายว่าบอสตันเทอร์เรียคือหมาสามัญประจำชาติเพราะเป็นสายพันธุ์แรกที่ได้รับการพะยี่ห้อว่า “เมดอินยูเอสเอ” แถมมีชื่อเล่นน่ารักว่า “สุภาพบุรุษอเมริกัน” ฟังดูน่าเชิดชูบูชาและน่าเลี้ยงอย่างยิ่ง