วันอังคาร ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ผมเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งสามสถาบันที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้และประสบการณ์ชีวิตนักเรียนนิสิตนักศึกษาแก่ผม ล้วนมีกิจกรรมการแข่งขันฟุตบอลประเพณีระหว่างสถาบันด้วยกันทั้งสิ้น
ฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ - ธรรมศาสตร์ มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2477 นับจนถึงวันนี้ ก็มีต่อเนื่องกันมา 89 ปีแล้ว
ฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรสามัคคี เป็นการแข่งขันฟุตบอลประเพณีระดับมัธยมศึกษาระหว่าง 4 โรงเรียนชายล้วนเก่าแก่ที่มีอายุกว่าหนึ่งร้อยปีขึ้นไป ประกอบด้วยโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย, โรงเรียนเทพศิรินทร์, โรงเรียนอัสสัมชัญ และโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย มีขึ้นครั้งแรกระหว่างวันที่ 16 ตุลาคม ถึง 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2507 นับจนถึงวันนี้ ก็มีต่อเนื่องกันมา 59 ปีแล้ว
กิจกรรมภายในงาน นอกจากการแข่งขันฟุตบอลอันเป็นกิจกรรมด้านกีฬาแล้ว ยังมีกิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์และกระชับความสามัคคีระหว่างสมาชิกของสถาบัน เช่น การวางแผนเตรียมงานในภาพรวมร่วมกัน การจัดขบวนพาเหรดและการแปรอักษรทั้งแบบสวยงาม ให้แง่คิด และล้อการเมือง การเชียร์ การให้กำลังใจ และกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์อื่น ๆ ที่แต่ละสถาบันจะจัดทำกัน
ผมก็เช่นเดียวกับเพื่อนอีกหลายท่านที่โชคดีได้มีโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมทั้งในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ – ธรรมศาสตร์ และงานฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรสามัคคี อันเป็นงานที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรี มีเวทีให้เยาวชนได้แสดงออกอย่างสร้างสรรค์ สามัคคี และมีน้ำใจนักกีฬา
ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นงานประเพณีที่งดงามที่สร้างและสืบสานต่อเนื่องกันมาจากรุ่นสู่รุ่นกว่าครึ่งค่อนศตวรรษด้วยความวิริยะอุตสาหะ เหน็ดเหนื่อย แต่ภาคภูมิใจ
ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีดราม่าก่อกวนการแปรอักษรในงานฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรสามัคคี ครั้งที่ 30 ซึ่งกำลังจัดอยู่ในขณะนี้ ด้วยการแจกใบปลิวและติดป้าย “เลิกบังคับแปรอักษร” ไปตามเส้นทางที่นักเรียนโรงเรียนเทพศิรินทร์เดินไปยังสนามศุภชลาศัย ของกลุ่มที่อ้างว่าเป็นศิษย์เก่าเทพศิรินทร์ และตามมาด้วยการเคลื่อนไหวของ สส. พรรคก้าวไกลจำนวนหนึ่งที่ออกมาประสานเสียงไปในทิศทางเดียวกัน ผมจึงจำต้องออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับกระแสดราม่าเหล่านั้น
ประเด็นหลัก ๆ ที่พวกนักกิจกรรมที่ชอบดุนหลังเด็กออกมาเคลื่อนไหวแทนตน และ สส.พรรคก้าวไกลกลุ่มนี้ออกมาคัดค้านกิจกรรมการแปรอักษร ก็คือ การอ้างว่ามีการบังคับเด็กให้เข้าร่วมกิจกรรมแปรอักษรโดยใช้คะแนนในรายวิชาชุมชนหรือชมรมมาบังคับ ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิเด็ก ตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ.2546 การปล่อยให้เด็กนั่งตากแดดเป็นเวลานานเกินกว่า 8 ชั่วโมง ทำให้สุขภาพผิวเสียหาย นักเรียนเสี่ยงเป็นลมแดดเพราะอากาศที่ร้อน ถูกบังคับห้ามไปเข้าห้องน้ำ ทำให้ต้องฉี่ใส่ขวดน้ำหรืออุจจาระใส่กล่องอาหารที่ทานแล้ว (เขากล่าวหาอย่างนั้นจริง ๆ …!) นักเรียนบนอัฒจันทร์จำเป็นต้องจัดให้มีปัจจัยอื่นใดที่จำเป็นต่อการดำรงชีพอย่างมีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์์บนอัฒจันทร์ เช่น ครีมกันแดดสำหรับใบหน้าและร่างกาย นอกจากนี้ยังมีเรื่องต่อเติมอัฒจันทร์และเรื่องอื่น ๆ อีกจิปาถะเท่าที่จะโยงกันออกมาได้
ผมอ่านเหตุผลการคัดค้านข้างต้นแล้ว ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า การเอาความร่วมมือในการเข้าร่วมกิจกรรมของทางโรงเรียน เช่น กิจกรรมการแปรอักษรในฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรสามัคคี มาเป็นส่วนหนึ่งในการให้คะแนนในรายวิชาชุมชนหรือชมรม มันผิดตรงไหน ?
ถ้าในวิชาพลศึกษา เด็กนักเรียนไม่ออกมาเรียนกลางแจ้ง เอาแต่เล่นมือถืออยู่ในห้อง อ้างว่าแดดร้อน เด็กต้องมีสิทธิ์เลือกโดยสมัครใจ ไม่ควรบังคับเด็กให้ออกไปเรียนพลศึกษากลางแจ้ง อย่างนั้นหรือ ?
ฟุตบอลประเพณีจตุรมิตรสามัคคีนั้น จัดกัน 2 ปีครั้ง มันจะหนักหนาอะไรกับการขึ้นไปนั่งแปรอักษรกลางแดด 8 ชั่วโมงในรอบ 2 ปี ?
มันจะทำให้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์์หมดไปเพราะไม่มีครีมกันแดดทาตอนนั่งแปรอักษรอยู่บนอัฒจันทร์เชียวหรือ ?
แล้วทีเวลาหลอกให้เด็กออกไปชุมนุมเดินขบวนกันทั้งวันทั้งคืนจนต้องคดีติดคุกติดตะรางกันอยู่บ่อย ๆ ครีมกันแดดก็ไม่ให้ล่ะ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์์ของเด็กเหล่านั้นอยู่ที่ไหน ?
เวลาตัวเองตะลอนหาเสียงหลอกชาวบ้าน ไม่ตากแดด ไม่กลัวผิวเสียบ้างหรือ ไม่กลัวศักดิ์ความเป็นมนุษย์ของตนจะหายไปหรือ ?
ชีวิตจริงของคนเรานั้น มันต้องกัดฟัน มันต้องอดทน ไม่ใช่เอาแต่ใจ เอะอะโวยวายหาแต่ความสะดวกสบาย หาแต่สิทธิเสรีภาพของตนเอง แต่ไม่สนใจความรับผิดชอบต่อเสรีภาพที่ตนมี ไม่สนใจว่าคนอื่นเขาก็มีสิทธิและเสรีภาพที่จะปกป้องถนอมรักขนบประเพณีของเขาเหมือนกัน
ดูคลิปภาพเด็กนักเรียนที่ลงมาจากอัฒจันทร์แปรอักษรอย่างภาคภูมิใจและมีความสุข อ่านคำให้สัมภาษณ์ของศิษย์ปัจจุบันและศิษย์เก่าจำนวนมากที่มีต่อดราม่าของพวกคุณบ้าง อาจทำให้คุณเข้าใจว่า สังคมของเด็กนักเรียนเหล่านี้ เขาบริสุทธิ์ มีความสามัคคี มีความสุข และใสสะอาดกว่าสังคมการเมืองของพวกคุณมาก
ในฐานะศิษย์เก่าสวนกุหลาบคนหนึ่ง ผมอยากบอกว่า พวกเราดีใจที่ได้เป็นนักเรียนสวนกุหลาบ และผมก็เชื่อว่า สุภาพบุรุษจตุรมิตรอีกสามสถาบันทุกคน ก็ดีใจที่ได้เป็นนักเรียนกรุงเทพคริสเตียน นักเรียนเทพศิรินทร์ และเป็นอัสสัมชนิก
บางที พวกคุณอาจไม่ทราบว่า นอกจากเราจะดีใจที่ได้มีโอกาสเข้าเรียนในโรงเรียนที่เรารักแล้ว ครูเก่าของโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยแทบทุกคน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า
“โชคดีที่ได้เป็นครูสวนกุหลาบ”
เพราะประเพณีของศิษย์สวนกุหลาบ ไม่เคยหมดความเคารพและไม่เคยทอดทิ้งครูที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้แก่ตน ครูท่านใดประสบปัญหา ครูท่านใดเจ็บไข้ได้ป่วย ไม่ว่าจะอยู่จังหวัดไหน ไม่ว่าจะอยู่โรงพยาบาลใด ศิษย์เก่าสวนกุหลาบที่อยู่จังหวัดนั้น หรือที่เป็นนายแพทย์จะรับเป็นธุระดูแลประหนึ่งญาติผู้ใหญ่ที่ตนเคารพ
ชีวิตพวกคุณคงไม่มีโอกาสสัมผัสเรื่องดี ๆ และความรู้สึกดี ๆ เหล่านี้ เพราะคุณมองครูเป็นแค่แรงงานรับจ้างในระบอบทุนนิยม มองโรงเรียนเป็นแค่ที่ที่คุณจะเข้าไปแหกกฎ
คนจีนแต้จิ๋วมีคำพูดสำนวนหนึ่งว่า "เจี๊ยะป้าบ่อสื่อ" แปลตามศัพท์ คือ "กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำ"
เมื่อไม่มีอะไรทำ ก็เลยทำแต่เรื่องไร้สาระ เพราะเห็นว่าเรื่องไร้สาระสนุกกว่าเรื่องมีสาระ
ทั้งที่เรื่องมีสาระและเป็นเรื่องแย่ ๆ ในพรรคตัวเองก็มีมากมาย ไม่รู้จักไปสะสาง มาปั่นหัวเด็กให้ต่อต้านคัดค้าน ล้มล้างขนบประพณีอันดีงามที่เขาสร้างและสืบทอดกันมา
คนไทยโบราณ ก็มีสำนวนโบราณอยู่สำนวนหนึ่ง คือสำนวน “พ่อมึงตาย” ซึ่งคนรุ่นปัจจุบันเข้าใจผิดว่าเป็นคำด่าทอของคนยุคนี้
ความรู้เกี่ยวกับสำนวน “พ่อมึงตาย” นี้ ผมได้มาจาก พี่สำเริง คำพะอุ ศิษย์สวนกุหลาบผู้พี่ นักหนังสือพิมพ์อาวุโส และอดีตนายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย 2 สมัย (พ.ศ. 2530 และ พ.ศ. 2531) ที่เขียนคอลัมน์ “ราชดำเนิน อเวนิว” สลับกับผมที่นี่
ในอดีต สำนวน “พ่อมึงตาย” ใช้พูดตอบกลับคู่สนทนา หรือพูดโต้แย้งเรื่องราวที่ได้ยินได้ฟังมา แล้วรู้สึกไม่เห็นด้วย รู้สึกว่าเป็นเรื่องเพ้อเจ้อ ไร้สาระ กระทั่งเป็นเรื่องที่มีนัยชั่วร้ายแอบแฝงอยู่
ดังนั้นเมื่อผมได้ยินคนพวกนี้พูดว่า การแปรอักษรในฟุตบอลจตุรมิตรสามัคคี เป็นการบีบบังคับนักเรียน เด็กถูกกดทับ ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ทั้งที่แง่งามของการแปรอักษร คือการใช้ความคิดสร้างสรรค์ คือการแสดงออกซึ่งสายสัมพันธ์และความสามัคคี สปิริต และความรับผิดชอบที่นักเรียนพึงมีและพึงให้ความร่วมมือตามสมควรกับเพื่อนนักเรียนและสถาบันที่ตนศึกษาเล่าเรียน ผมจึงไม่เห็นด้วย
และถ้าพวกเขามาพูดต่อหน้าผม ผมก็จะบอกเขาว่า... “พ่อมึงตาย”
ณรงค์ฤทธิ์ ศรีรัตโนภาส
๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๖

ซึ้ง! อบอุ่นหัวใจทุกโมเมนต์ 'กลัฟ คณาวุฒิ' พาเหล่าลูกบอลร่วมเดินทางกลับบ้าน
โค่นมือ2! 'ไหม'ทะยานชิงเหรียญทองเทนนิส
เจ๋ง ดอกจิก ป่วยเส้นเลือดสมอง! ศาลเลื่อนอ่านฎีกาคดี นปช.ก่อการร้าย ไปเป็น 20 ม.ค.69
แพทย์แผนจีนไม่ใช่อภินิหาร แต่คือวิทยาศาสตร์ที่บันทึกมานับพันปี!?
อนุทิน ตรวจสอบแล้ว รถขนน้ำมันช่องเม็กไปลาว ไม่เลี้ยวเขมร

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี