การเคลื่อนไหวของพรรคก้าวไกลเกี่ยวกับการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้แก่บุคคลที่ได้กระทำผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง ซึ่งพรรคก้าวไกลได้เสนอร่างกฎหมายเข้าสภาฯไปแล้ว และระหว่างนี้อยู่ในขั้นตอนรับฟังความคิดเห็น และขอเสียงสนับสนุนนั้น ถ้าหากพรรคก้าวไกลทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ โดยไม่มีวาระซ่อนเร้นเพื่อพรรคการเมืองของตนเองและพวกพ้อง ก็เป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนและควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง
ย้อนไปดูก่อนหน้านี้ พรรคก้าวไกลโดยนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ได้เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับของพรรรคก้าวไกล ให้แก่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา
ประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 5 ตุลาคมเดือน ที่แล้ว โดยมีเจตนารมณ์ตามที่นายชัยธวัชชี้แจงว่า เพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน นับตั้งแต่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.)ในปี 2549 จนกระทั่งลุกลามบานปลายจนเกิดการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 และต่อเนื่องมาจนถึงการรัฐประหารในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
เนื้อหาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกลฉบับนี้ มีสี่ประเด็นที่สำคัญ คือ 1.กำหนดให้บรรดาการกระทำใดๆ ของบุคคลที่ผู้เข้าร่วมเดินขบวนและชุมนุมประท้วงทางการเมือง ตลอดจนการกระทำทางกายภาพ หรือการแสดงความคิดเห็นใดๆ ที่เป็นความผิดตามกฎหมายช่วงเวลาที่ถูกดำเนินคดีตามกฎหมายตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2549 คือนับตั้งแต่วันแรกของการชุมนุมของกลุ่ม พธม. จนถึงวันที่พระราชบัญญัตินี้ได้มีผลบังคับใช้ หากการกระทำดังกล่าวมีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองก็ให้ผู้กระทำพ้นจากความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง ทั้งนี้ เท่าที่ไม่ขัดกับพันธะกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศ
2.การนิรโทษกรรมจะไม่ครอบคลุมถึงการกระทำของบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สลายการชุมนุมหากเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ ตลอดจนจะไม่นิรโทษกรรมการกระทำความผิดต่อชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา และไม่นิรโทษกรรมการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
3.กลไกในการนิรโทษกรรมจะกำหนดให้มีคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดการกระทำความผิดเพื่อการนิรโทษกรรม คณะกรรมการชุดนี้ในร่างของพรรคก้าวไกลเสนอให้มีจำนวน 9 คน ซึ่งประธานรัฐสภาจะเป็นผู้แต่งตั้งองค์ประกอบมาจากประธานสภาผู้แทนราษฎรผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร บุคคลที่ได้รับเลือกจากคณะรัฐมนตรี 1 คน บุคคลที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเลือกอีก 2 คน นอกจากนี้ เพื่อให้มีความรอบคอบมากขึ้นจะมีองค์ประกอบที่มาจากผู้พิพากษา หรืออดีตผู้พิพากษาในศาลยุติธรรม 1 คนซึ่งมาจากการเสนอในที่ประชุมใหญ่ของประธานศาลฎีกา และมาจากตุลาการ หรืออดีตตุลาการศาลปกครอง พนักงานอัยการ หรืออดีตพนักงานอัยการอีก 1 คน ที่มาจากการนำเสนอของศาลปกครองและอัยการเอง และเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
และ 4.กำหนดสิทธิ์ผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหาย โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อันเนื่องมาจากระเบียบประกาศคำสั่งคำวินิจฉัย หรือมติหรือการกระทำของคณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดการกระทำผิดเพื่อการนิรโทษกรรมตามพระราชบัญญัตินี้ด้วย คือมีสิทธิ์ที่จะฟ้องคดีต่อศาลปกครองได้
ดูภาพกว้างๆ จากสี่ประเด็นดังกล่าว ยังคิดได้ว่าอาจจะมีอะไรหมกเม็ดอยู่ก็เป็นได้ เมื่อฟังความเห็นจากหลายภาคส่วนของสังคม ส่วนใหญ่มีความเป็นห่วงว่า พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกลฉบับนี้ อาจจะมีวาระซ้อนเร้นเพื่อช่วยเหลือ สส.ของพรรค มวลชนของพรรค ตลอดจนผู้นำจิตวิญญาณของพรรคก้าวไกลที่ถูกดำเนินคดีอาญา มาตรา 112
ถ้าไล่เลียงดู สส.ในพรรคก้าวไกลอย่างน้อยมีสามคนไม่นับรวมนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลที่อยู่ในสภาพลูกผีลูกคน ทั้งคดีถือหุ้นสื่อ ไอทีวี และคดีเกี่ยวเนื่องกับพรรคก้าวไกลชูนโยบายหาเสียงเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ซึ่ง สส.พรรคก้าวไกลสามคนที่เป็นจำเลยในคดีความผิดมาตรา 112 ก็มี นายปิยรัฐ จงเทพ หรือ “โตโต้” อดีตหัวหน้าการ์ดวีโว่ สส.กทม., ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือ “ลูกเกด”สส.ปทุมธานี และ รักชนก ศรีนอก หรือ “ไอซ์” สส.กทม.
อีกสามคนที่ถือว่าเป็น “ปลาตัวใหญ่” ของพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นอดีตผู้นำพรรคอนาคตใหม่ ที่เวลานี้ได้ออกมาเคลื่อนไหวในนาม “คณะก้าวหน้า” หลังถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองคนละ 10 ปี อันมีผลมาจากการที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบพรรคก่อนจะอวตารมาเป็นพรรคก้าวไกล นั่นก็คือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, ปิยบุตร แสงกนกกุล และ ช่อ-พรรณิการ์ วานิช ที่ถูกดำเนินคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ทั้งสามคน
และที่ว่ามานั้น ยังไม่นับรวมแกนนำ“ม็อบสามกีบ” และมวลชนของพรรคก้าวไกลอีกหลายสิบคนที่ถูกดำเนินคดีมาตรา 112 และบางคนศาลก็ได้พิพากษาตัดสินแล้วแต่ยังมีคดีความในความผิดเดียวกันอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอีก
อย่างไรก็ดี เรื่องนี้แม้ว่านายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะเดินสายไปพูดคุยกับนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือพุทธะอิสระ อดีตแกนนำ กปปส. เพื่อขอเสียงสนับสนุนร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกลก็ตาม แต่นายสุวิทย์เชื่อว่า พ.ร.บ.ฉบับนี้น่าจะ “เหมารวม” คดีที่เกี่ยวข้องกับความผิดตามมาตรา 112 เมื่อดูจากตัวบุคคลของพรรคก้าวไกล รวมไปถึงบุคคลที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลทั้งที่ถูกดำเนินคดี ถูกตัดสินจำคุก และกำลังจะถูกจำคุกในความผิดตามมาตรา 112 พร้อมทั้งยังส่งเสียงปรามว่า หากการเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกลจะเหมารวมคดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 112 เข้าไปด้วย เขาจะคัดค้านต่อต้านอย่างถึงที่สุด
ยิ่งฟังนายชัยธวัช ตุลาธน พูดเป็นนัยว่า หมายถึงคดีการเมืองที่เกิดขึ้นจากการแสดงออกทางการเมือง หรือการชุมนุมเพื่อการแสดงความคิดเห็นต่างการเมืองยิ่งทำให้เห็นชัดว่า การชุมนุมในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาของ “ม็อบสามกีบ” แม้จะถูกดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 112 ก็ถือว่าเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมือง หรือแสดงออกทางการเมือง
ดังที่นายชัยธวัช ตุลาธน บอกว่า “การเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมในครั้งนี้ มุ่งหวังให้เป็นกฎหมายสำคัญสำหรับคืนชีวิตใหม่ให้กับพี่น้องประชาชนที่โดนนิติสงคราม หรือเข้าไปมีส่วนร่วมทางการเมือง หรือแสดงออกทางการเมืองใดๆ แล้ว ได้รับและถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย”
นี้จึงคิดได้ดังที่หลายภาคส่วนตั้งข้อสังเกตว่า อาจจะเป็นเพราะบุคคลของพรรคก้าวไกลมีคดีมาตรา 112 ติดตัว จึงดิ้นรนที่จะเข็นกฎหมายนิรโทษกรรมออกมาให้ได้เร็วที่สุด เพราะกลัวว่าเจ้าของพรรคก้าวไกลตัวจริง ตลอดจน สส.ของพรรคก้าวไกล และบรรดาแกนนำ “ม็อบสามกีบ”จะติดคุกหัวโตนั่นเอง !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี