สถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่น่าเชื่อว่าจะพลิกกลับมากระชั้นถี่และโหมทวีความรุนแรงหนักขึ้น ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่หวาดวิตกถึงความไม่ปลอดภัยกันถ้วนทั่ว โดยเฉพาะคนไทยชาวพุทธ ที่กลายเป็นเป้าหมายหลักของผู้ก่อความไม่สงบในห้วงเวลานี้
ไล่เรียงเหตุการณ์ในช่วงสองสามวันมานี้ ที่เชื่อกันว่าเป็นฝีมือของขบวนการแบ่งแยกดินแดนบีอาร์เอ็น เริ่มตั้งแต่วันที่ 2 พฤษภาคม เหตุเกิดเมื่อเวลา 15.25 น. ที่อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส ชาวบ้านไทยพุทธ 2คน ถูกยิงขณะขับขี่รถจักรยานยนต์ซ้อนกันมา
น่าเศร้าก็ตรงที่ผู้เสียชีวิต คือ นางสง่า แสงย้อย อายุ 76 ปี ชาวบ้านตำบลสุไหงโก-ลก อำเภอสุไหงโก-ลกจังหวัดนราธิวาส เป็นผู้พิการตาบอดทั้งสองข้าง นั่งซ้อนรถจักรยานยนต์ของนายทัศไนย์ ตั้งคง อายุ 50ปี ซึ่งเป็นบุตรชาย กลับมาจากโรงพยาบาลจะแนะ
โดยก่อนกลับถึงบ้านพัก มีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบไล่หลังมา เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุที่อยู่ระหว่าง“บ้านไอร์โซ-บ้านไอร์บือแต”ตำบลช้างเผือก คนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายได้ชักอาวุธปืนสั้นขนาด 9 ม.ม.ยิงใส่นางสง่าและนายทัศไนย์ 3นัดซ้อน นางสง่าถูกยิง 2 นัด เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ส่วนนายทัศไนย์ถูกยิงที่บริเวณซี่โครงด้านขวา 1นัด ถูกส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลจะแนะในเวลาต่อมา
ขณะที่คนร้ายเมื่อก่อเหตุเสร็จ ก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปได้โดยไม่ต้องคาดเดา ซึ่งเจ้าหน้าที่เก็บได้แต่กระสุนปืนพกขนาด 9 ม.ม.ที่ตกอยู่บนถนนจำนวน 2 ปลอก ไว้เป็นของกลางเท่านั้น
เหตุการณ์ที่สอง เกิดขึ้นในวันเดียวกันกับเหตุการณ์แรกแต่เป็นช่วงหัวค่ำโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุเวลาประมาณทุ่มครึ่ง ว่ามีคนร้ายใช้อาวุธปืนกราดยิงใส่บ้านพักในพื้นที่หมู่ 5 ตำบลโฆษิต อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 2 คน
ถือว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าสลดใจอีกเช่นกัน เพราะหนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นเด็กหญิง ชื่อสสิตา จันทร์คง วัย 9ปี อีกสองคน คือ นายดำ จันทร์คง อายุ 46 ปี และนายแดง ตุนาสุข อายุ 59 ปี ส่วนผู้บาดเจ็บ ชื่อนายเชาว์จันทร์คง อายุ 44 ปี กับนายภาคีไนย รังเสาร์ อายุ 29ปี ได้รับการส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์
จากการสอบสวนทราบว่า ขณะเกิดเหตุผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บกำลังนั่งอยู่ภายในบ้านพัก มีคนร้าย 6คน ในเบื้องต้นเชื่อว่าเป็นสมาชิกแนวร่วมผู้ก่อเหตุรุนแรง ขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์มาด้วยกันทั้งหมด3คัน เมื่อถึงที่เกิดเหตุ มือปืนที่นั่งซ้อนท้ายใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด กราดยิงเข้าใส่ในบ้านจำนวนหลายนัด จนทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ 5คนดังกล่าว ซึ่งหลังก่อเหตุคนร้ายขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปได้เช่นเดียวกัน
อีกหนึ่งเหตุการณ์ แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ก็เป็นการท้าทายอำนาจรัฐบาลพรรคเพื่อไทยที่มี“มาดามแพทองโพย”เป็นนายกรัฐมนตรีโดยตรง เพราะผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ลอบวางระเบิดแสวงเครื่อง 2ลูก ก่อนที่นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยจะเดินทางไปเป็นประธานพิธีเปิดงานมหกรรมตาดีกาสัมพันธ์เทศบาลตำบลรือเสาะ ณ มัสยิดอัลฮีดายะห์บ้านบือแนยามู หมู่ที่ 2 ตำบลรือเสาะออก อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส
งานนี้, มีผู้ใหญ่ระดับสูงของจังหวัดมาคอยให้การต้อนรับนางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ อาทิ นายวีรพัฒน์บุณฑริก รองผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส, นายซาการียา สะอิ สส.นราธิวาส เขต 4 พรรคภูมิใจไทย,นายอามีร ซาริคาน นายกเทศบาลตำบลรือเสาะ และนายนิติพงษ์ ทาหานายอำเภอรือเสาะ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร
เหตุเกิดเมื่อเวลา 09.30 น. เมื่อวันเสาร์ที่ 3พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุได้วางระเบิดไว้ที่บริเวณชายป่าสวนผลไม้ของชาวบ้าน ห่างจากด้านหลังเต็นท์จำหน่ายสินค้าในงานมหกรรมดังกล่าว ประมาณ 40 เมตร ซึ่งระเบิดทำงาน 1ลูก ก่อนที่นางสาวซาบีดา ไทยเศรษฐ์ บุตรสาวของนายชาดา ไทยเศรษฐ์ ที่ก็นับถือศาสนาอิสลามจะเดินทางมาถึง ทำให้ชาวบ้านที่เดินทางมาร่วมงานแตกตื่นต่างพากันวิ่งหนีกันอย่างอลหม่าน และพร้อมกันนี้ก็ยังพบอีก 1ลูกในละแวกเดียวกัน แต่ยังไม่ทำงาน ถูกลอบวางไว้ห่างจากลูกแรกที่ระเบิดประมาณ 10 เมตร
เมื่อย้อนไปดูเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ เพียงแค่สองสัปดาห์ก่อน คือในวันที่ 22เมษายนช่วงปลายเดือนที่แล้ว กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใช้อาวุธปืนยิงรถยนต์กระบะของ ร.ต.ท.วัฒนาชูมาปาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา เป็นผลทำให้สามเณรพงษ์กร ชูมาปาน อายุ 16ปี ซึ่งเป็นบุตรของ ร.ต.ท.วัฒนา เสียชีวิต และสามเณรโภคนิษฐ์ โมราศิลป์ อายุ 12 ปี ได้รับบาดเจ็บ
นับเป็นเหตุรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้าที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีหมายกำหนดการจะเดินทางลงไปพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ระหว่างวันที่ 26-27เมษายน และก็ทำให้นายภูมิธรรมต้องยกเลิกกำหนดการทันทีทันใด ซึ่งใครก็รู้ว่าที่เลื่อนเพราะ“กลัวตาย” พร้อมทั้งยังสั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ปฏิบัติการเชิงรุก โดย“ขีดเส้นตาย 7 วัน”ต้องเห็นผล
สุดท้ายผลที่เห็น ก็คือ ปฏิบัติการเชิงรุกของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบที่ก่อเหตุรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนอกจากคนไทยทุกหมู่เหล่าจะต้องร่วมกันประณามการกระทำอันโหดร้ายไร้ความเป็มนุษย์ของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ที่กระทำต่อประชาชน ทั้งพระ-เณร, เด็ก, ผู้หญิง, คนชราและผู้พิการแล้ว “มาดามแพทองโพย”นายกรัฐมนตรี รวมทั้งนายภูมิธรรม เวชยชัยรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ควรจะต้องรับผิดชอบด้วย
เพราะไม่เพียงแต่ไร้น้ำยาในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่กลับมาโหมทวีขึ้น และเน้นเป้าหมายหลักไปที่คนไทยชาวพุทธเท่านั้น แต่ยังยอมให้อดีตนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณชินวัตร ผู้สร้างรอยแค้นให้แก่คนไทยมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไว้เมื่อ 21ปีที่แล้ว คอยชี้นำบงการอีกด้วย
เลิกฝันแบบละเมอเพ้อพกกันได้แล้ว ว่า“ทักษิณชินวัตร”จะเป็นผู้ทำให้เกิดสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี