“ไม่มีความเลวร้ายใด ที่จะยิ่งใหญ่ไปกว่าความเลวร้ายที่ได้กระทำโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายหรือในนามกระบวนการยุติธรรม”
ข้อความดังกล่าวที่ยกมาเปิดหัวเรื่องนั้น มงแต็สกีเยอ (Montesquieu) เคยกล่าวไว้ ซึ่งนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร นำมาโพสต์ในทวิตเตอร์ส่วนตัวทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2560 ขณะที่ยังเป็นนักโทษหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ
“ทักษิณ ชินวัตร” ทวีตข้อความนี้ก็เพื่อต้องการวิพากษ์วิจารณ์กระบวนการยุติธรรมไทย อันเนื่องมาจากน้องสาวคือ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ถูกดำเนินคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและได้หลบหนีการฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปอยู่กับตนที่ดูไบ ซึ่งในเวลาต่อมาศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2560 สั่งจำคุกยิ่งลักษณ์เป็นเวลา 5 ปี โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รอลงอาญา
สิ่งที่เป็นประจักษ์พยาน ก็คือ แม้วันนี้“ทักษิณ ชินวัตร” จะเป็นนักโทษเด็ดขาดที่กระทำความผิดในคดีทุจริตระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี (พ.ศ.2544-2549) แต่ก็ยังมีอำนาจเหนือรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ทำให้เขามีอภิสิทธิ์เป็น “นักโทษเทวดา” ไม่ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำเหมือนนักโทษทั่วไป
หากเรายังปล่อยให้นักการเมือง ทั้งที่เป็นนักโทษและเป็นรัฐบาลใช้อำนาจรัฐแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบให้ตนเอง ปล่อยให้บ้านเมืองไร้กฎระเบียบ ปล่อยให้ความอยุติธรรมครอบงำสังคมได้ ปล่อยให้กรมราชทัณฑ์มีอำนาจเหนือคำพิพากษาของศาล แล้วปล่อยให้การทุจริตคอร์รัปชั่นเกิดต่อไป โดยผู้ก่อเหตุไม่ต้องได้รับโทษทัณฑ์ ก็อย่าหวังเลยว่าประเทศชาติจะเกิดความสงบสุขที่แท้จริง
นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานรัฐสภา ซึ่งเป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีพรรษาการเมืองมากที่สุดของบ้านเราในเวลานี้ กล่าวไว้ดีมากในโอกาสขึ้นปีใหม่ปีนี้ นายชวนว่า “ประเทศเราจะรุ่งเรือง เมื่อบ้านเมืองสุจริต กฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์ และต้องไม่เลือกปฏิบัติ ทุกคนต้องอยู่ภายในกฎหมายอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะรวยหรือจน ประชาธิปไตยก็จะมีประสิทธิภาพ และบ้านเมืองจะพัฒนาไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ยาวนานและยั่งยืน”
ดังนั้น เมื่อบ้านเมืองเริ่มจากรัฐบาลไม่สุจริตในการบังคับใช้กฎหมายจากกรณีของ “ทักษิณ ชินวัตร”แล้ว ก็ป่วยการที่จะไปพูดถึงการแก้ไขปัญหาเรื่องอื่นๆของประเทศ เพราะเมื่อบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป ไม่มีกฎระเบียบ กฎหมายไม่เป็นกฎหมาย อีกไม่ช้านานบ้านเมืองก็จะลุกเป็นไฟ เนื่องจากประชาชนไม่ได้กินหญ้ากินแกลบ คงไม่มีใครยอมอยู่ใต้อำนาจของอธรรมอย่างแน่นอน
กรณีของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตรนั้น ปีนี้สถานการณ์จะแหลมคมขึ้น เพราะนับตั้งแต่ทักษิณกลับเข้ามาในประเทศไทยในวันที่ 22 สิงหาคมปีที่แล้ว รัฐบาลซึ่งใครก็รู้ว่าอยู่ภายใต้การชักใยของนักโทษรายนี้ใช้กฎหมายแบบสองมาตรฐาน ด้วยอาการเอื้อประโยชน์ให้ทักษิณมีอภิสิทธิ์เหนือนักโทษคนอื่นๆ ซึ่งคงไม่มีประเทศไหนในโลกนี้นอกจากประเทศไทย ที่ปล่อยให้นักโทษคดีทุจริตโกงบ้านกินเมืองไม่ต้องติดคุกตามคำพิพากษาของศาล
วันที่ 12 มกราคม 2567 สัปดาห์หน้า เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป นับได้ว่าเป็นการเริ่มศักราชใหม่ในการต่อสู้ของภาคประชาชน โดยเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ได้ประกาศเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยทุกคนไม่ว่าจะสวมเสื้อสีอะไรที่เห็นว่า รัฐบาลไม่ดำรงไว้ซึ่งหลักคุณธรรมของกระบวนการยุติธรรมในกรณีของนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ออกมาแบบ “ใส่รองเท้าผ้าใบร่วมกันทำกิจกรรม ณ ทำเนียบรัฐบาล สะพานชมัยมรุเชฐ
“ดังนั้น ขอเชิญ พี่น้อง ไม่ว่าคุณจะใส่เสื้อสีอะไร มีมือตบ ตีนตบ มีนกหวีดฯ ถ้าคุณอยากดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม เราจะเป็น 1 คนที่พูดความจริง ดีกว่าเป็น 100 คน ที่ร่วมกันเงียบเพื่อปกปิดความยุติธรรม ข้อเรียกร้อง คปท.คือ ให้รัฐบาลดำรงไว้ซึ่งหลักคุณธรรมของกระบวนการยุติธรรม ในกรณี น.ช.ทักษิณ ชินวัตร” พิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท.กล่าว
อย่างไรก็ดี หากมองไทม์ไลน์กรณีนักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์เดือนหน้าก็ถือว่าจะเหลือโทษ 1 ใน 3ของโทษจำคุกทั้งหมด 1 ปี เท่ากับว่าเข้าเกณฑ์ “การพักโทษ” ประกอบกับมีเงื่อนไขพิเศษที่กรมราชทัณฑ์บันทึกประวัติไว้ ว่าเป็นผู้ต้องขังสูงวัยพร้อมทั้งมีอาการเจ็บป่วย 4 โรคเรื้อรัง และยังอยู่ระหว่างการนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ จึงคาดกันว่าทักษิณจะได้รับการพักโทษให้กลับไปอยู่บ้านโดยไม่ต้องติดคุกเลยแม้แต่วันเดียว
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม นักโทษเด็ดขาดชายทักษิณ ชินวัตร ยังมีคดีความผิดเกี่ยวกับมาตรา112 อีกหนึ่งคดีที่ยังคาอยู่ในศาลและมีหมายจับอยู่ด้วย ซึ่งจะต้องจับตาดูว่าเรื่องราวจะดำเนินไปอย่างไร และในความศักดิ์สิทธิ์ของศาลยุติธรรม เชื่อว่ารัฐบาลคงมิอาจเข้าไปแทรกแซงอำนาจตุลาการเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับนักโทษเทวดาผู้นี้ได้
รัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน ระวัง ! ไว้ให้ดีก็แล้วกัน เพราะกรณี “ทักษิณ ชินวัตร” นี้ แม้แต่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังประกาศเตือนไว้กลางสภาฯเมื่อวานนี้ระหว่างอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 วันแรกว่าจะกลายเป็นปัญหา “น้ำผึ้งหยดเดียว”!
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี