ผ่านไปแล้วการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 สามวันสามคืน ต้องถือว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ นอกจากพรรคไทยสร้างไทยของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส เนื่องจาก 3 สส.ลูกพรรคโหวตสวนมติพรรคและเป็นมติของพรรคร่วมฝ่ายค้านด้วยการลงมติเห็นชอบรับร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้
สส. 3 คนของพรรคไทยสร้างไทยที่ว่าก็มี นางสุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร, นายหรั่ง ธุรพล สส.อุดรธานี และ นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ ซึ่ง สส.ทั้งสามคนนี้ตามข่าวระบุว่า เป็น สส.หน้าใหม่ของพรรคไทยสร้างไทยที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ทุ่มเทช่วยหาเสียงจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพจำเป็นต้องไปรักษาตัวอยู่ที่ประเทศอังกฤษอยู่ในขณะนี้
การโหวตสวนมติดังกล่าวของ 3 สส.ลูกพรรคไทยสร้างไทย ส่งผลให้ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคไทยสร้างไทยที่มีตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรค ต้องทำหนังสือถึงหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เพื่อขอลาออกจากตําแหน่งเลขาธิการพรรคฯ เพื่อแสดงความรับผิดชอบด้วยเห็นว่า การกระทำของลูกพรรคทั้งสามคนถือว่าเป็นการขัดมติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน และก่อนการลงมตินายฐากรแจ้งว่าก็ได้เรียก สส.ของพรรคประชุมและกำชับให้ลงมติตามมติของพรรคร่วมฝ่ายค้าน
นอกจากนั้น นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด พรรคไทยสร้างไทยอีกคนหนึ่งซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองเลขาธิการพรรค นอกจากจะยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งรองเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทยด้วยแล้ว ก็ได้ทำหนังสือถึงประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ขอลาออกจากการเป็นวิปพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อแสดงความรับผิดชอบโดยระบุเหตุผลในหนังสือขอลาว่า “จากเหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการขาดศักยภาพในการทำหน้าที่ของข้าพเจ้าที่ไม่สามารถควบคุมเสียงได้”
โดยภาพรวมทั้งหมด จากการลงมติผ่านร่างพ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ในวาระแรกเมื่อวันที่ 5 มกราคมสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยคะแนนเสียง 311 เสียง ต่อ 177 เสียงนั้น พบว่าพรรคการเมืองส่วนใหญ่ลงมติเป็นไปตามมติของพรรค จะมีแค่ สส.บางส่วนไม่ปรากฏข้อมูลการลงคะแนนและร่วมเป็นองค์ประชุม
โดยฝ่ายรัฐบาล คือพรรคเพื่อไทย ก็มี พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ, นายสุชาติ ตันเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ และนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็นประธานวิปรัฐบาล (แจ้งว่าลาป่วย),พรรคพลังประชารัฐ ได้แก่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ, นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ สส.เพชรบูรณ์ ไม่ปรากฏลงคะแนน และไม่ปรากฏข้อมูลแสดงตน ขณะที่ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ลงมติเห็นด้วย ยกเว้นนายประภัตร โพธสุธน สส.สุพรรณบุรี ลงมติงดออกเสียง
สำหรับขั้นตอนเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ซึ่งมีวงเงินทั้งหมด 3.48 ล้านล้านบาท หลังจากผ่านวาระแรกไปแล้ว กว่าจะพิจารณาในวาระ 2 ตามรายมาตราในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญเสร็จสิ้นและเข้าสู่สภาวาระ 3 จนประกาศใช้ ก็คาดว่าน่าจะใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3-4 เดือน อันจะส่งผลให้มีช่วงเวลาใช้เงินงบประมาณได้เพียงแค่ 4-5 เดือน ก่อนสิ้นปีงบประมาณ 31 กันยายน 2567 เท่านั้น ดังที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ว่า เป็นงบประมาณฉบับ“เป็ดง่อย” เพราะเป็นการนำงบประมาณจากรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มารื้อทำใหม่หมด ส่งผลให้ปฏิทินงบประมาณปีนี้ต้องล่าช้าไปกว่า 9 เดือน กว่าจะบังคับใช้ก็ประมาณเดือนพฤษภาคม
ในด้านเนื้อหาของ พ.ร.บ.งบประมาณของรัฐบาลฉบับนี้ หลายฝ่ายมองเห็นว่า รัฐบาลยังไม่สามารถชี้แจงได้ชัดว่า จะนำเงินจำนวน 3.48 ล้านล้านบาทนี้ไปใช้ให้มีประสิทธิภาพมากที่สุดได้อย่างไร เพราะการดำเนินนโยบายของรัฐบาลที่เคยประกาศไว้ ไม่มีรายละเอียดใดเลยในงบประมาณฉบับนี้ อีกทั้งหลายฝ่ายมีความห่วงใยในเรื่องของกรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ รวมทั้งที่ประกาศว่าจะนำไปพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ก็สวนทางกับรายละเอียดในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 ที่เป็นการจัดสรรงบประมาณตามความต้องการของรัฐบาล โดยมิได้ยึดโยงกับสภาพปัญหาที่แท้จริงและประโยชน์ของประชาชน คือ ละเลยเรื่องการสร้างงาน การสร้างคน และการสร้างคุณภาพชีวิต
ฟังจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เห็นว่า หลังจากที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สั่งรื้อร่างงบประมาณฉบับของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อแปลงร่างงบประมาณใหม่ แต่สุดท้ายกลับไม่มีอะไรใหม่ และหลายเรื่องแย่ลงกว่าเดิม เป็นต้นว่างบประมาณฉบับนี้ ขาดดุลเหมือนเดิม และจะขาดดุลต่อไปตลอดอายุรัฐบาลนี้ 4 ปีเต็ม, งบประมาณของรัฐบาลเพิ่มขึ้น แต่สัดส่วนงบลงทุนที่เป็นหัวใจของการกระตุ้นเศรษฐกิจกลับน้อยกว่าเดิม และที่สำคัญนายจุรินทร์ว่า “งบประมาณฉบับนี้ จาก“คิดใหญ่ทำเป็น” กลับมาเป็น “คิดกู้ ทำกู้” เพราะงบประมาณสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งกู้ไว้ 5.93 แสนล้านบาท แต่รัฐบาลนี้กลับกู้เป็น 6.93 แสนล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 1 แสนล้านบาท”
ส่วนพรรคก้าวไกลนั้น แม้จะมีเสียงชื่นชมว่าการอภิปรายครั้งนี้พูดได้ดีมีลีลาก็ตาม แต่สำคัญที่สุดเหนืออื่นใด ข้อมูลที่นำมาอภิปรายนั้นจะต้องถูกต้องด้วย ซึ่งปรากฏว่าหลายเรื่องที่ สส.พรรคก้าวไกลนำมาอภิปรายเป็นข้อมูลในครั้งนี้ไม่ถูกต้อง อย่างน้อยข้อมูลเรื่องพลังงานก็ผิดพลาดมีการนำตัวเลขที่ไม่จริงขึ้นมาพูด จนถูกนายพีระพันธุ์สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานสวนกลับกลางสภาฯ !
รุ่งเรือง ปรีชากุล
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี