ปรากฏการณ์ทางการเมืองที่เชียงใหม่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เพื่อนพ้องบางคนของผมถึงกับยกสำนวนโบราณมากล่าวว่า “ฝนตกขี้หมูไหล” ซึ่งผมก็แสดงความเห็นแย้งไปแล้วว่า ฝนจะตกหรือไม่ตกคงไม่เกี่ยว ถ้าคนแบบเดียวกันจะมาเจอกันเสียอย่าง
สำหรับผม ไม่มีอะไรผิดคาดเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่เชียงใหม่ นั่งดูไปก็เหมือนดูละครโรงใหญ่ แต่น่าแปลกที่ผมไม่รู้สึกว่าละครโรงนี้มีเรื่องดีๆ มาเล่นเลย มีแต่การต้มตุ๋น, ความเหิมเกริม, ความหน้าด้าน, ความโลภ, การประจบสอพลอ ฯลฯ
ดูไปก็คล้ายซีรี่ส์เรื่อง Furies ที่เล่าถึงโลกใต้ดินของบรรดาแก๊งอาชญากรรมในปารีส ซึ่งอยู่ร่วมกันได้เพราะการแบ่งปันผลประโยชน์ เพียงแต่เรื่องจริงของเราอยู่บนดินอย่างประเจิดประเจ้อ และเหนือกฎเกณฑ์ทั้งปวง
ผมคงจะไม่วิพากษ์วิจารณ์ปรากฏการณ์เชียงใหม่และคนที่ไปนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อเสนอหน้าอยู่แถวนั้น ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือข้าราชการ เพราะมีคนพูดถึงกันเยอะแล้ว และคำวิพากษ์วิจารณ์ก็คงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยส่วนลึกของแต่ละคนได้ เพราะถ้าเปลี่ยนได้คงไม่เป็นอย่างนี้มาจนแก่เฒ่า
แต่ที่น่าคิดคือคนไทยจำนวนไม่น้อยที่เห็นดีเห็นงามกับสิ่งที่เกิดขึ้น คนของเราเองนี่แหละที่ทำให้ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างที่เป็น
จริงๆ เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในบ้านเรา แต่มีอยู่ทั่วโลก นักการเมืองหรืออาชญากรที่พิสูจน์ทราบแล้วว่าสร้างเรื่องชั่วร้ายหรือมัวหมอง ยังได้รับความนิยมชมชอบจากผู้คน ยกย่องกันเป็นฮีโร่ อย่างในอเมริกา ทุกวันนี้คนมากมายยังยกย่องโจร อย่าง สองผัวเมีย บอนนี่ พาร์เคอร์ และ ไคลด์ บาร์โรว์ หรือเจ้าพ่อยาเสพติด แฟรงค์ ลูคัส
ในหนังสือด้านจิตวิทยาโดยปรมาจารย์ระดับโลกทั้งหลายก็คงมีบอก แต่ผมไม่ได้อ่านลึกไปถึงขั้นนั้น จึงมักจะมาแยกแยะเอาเองแบบบ้านๆ ว่า บรรดาคนของเราผู้ที่เทความนิยมให้คนที่ประพฤติมิชอบ หรือกองเชียร์เหล่านั้นเป็นใครกันบ้าง รวมถึงพวกที่พยายามเข้าใกล้ชิด
พวกแรกคือประชาชนที่นิยมชมชอบแบบบริสุทธิ์ใจ รักใคร่ใหลหลงแบบหัวปักหัวปำด้วยความเชื่อว่าผู้ที่ตนนิยมนั้นเป็นคนดี เป็นผู้วิเศษ เก่งกาจสามารถเหนือผู้อื่น แม้กระทั่งความเลวร้ายสารพัดถูกเปิดเผยออกมา หรือกระทั่งถูกตัดสินด้วยกฎหมายไปแล้ว ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความรักหลงของกองเชียร์เหล่านี้ได้ แถมบางทีจะเห็นว่าคนที่ตนรักถูกกลั่นแกล้งอีกด้วย
การศึกษาและข้อเท็จจริงจะช่วยให้คนเหล่านี้เปลี่ยนความคิดหรือไม่ คำตอบก็คือ “ไม่” เพราะความคลั่งไคล้ใหลหลงเป็นอคติชนิดหนึ่ง เรียกว่าฉันทาคติ หลายคนที่เรียนจบปริญญาโทหรือปริญญาเอกก็ยังเป็น จะว่าคนพวกนี้โง่ก็พูดไม่ได้เต็มปาก จะบอกว่าฉลาดก็งงๆ อยู่
พวกที่ 2 เขยิบเส้นรอบวงเข้ามาหน่อย เป็นพวกชื่นชอบเพราะได้รับผลประโยชน์จากคนที่มีอำนาจ ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น อาจจะรู้สึกว่าในช่วงที่ใครบางคนนั้นมีอำนาจ เผอิญเป็นช่วงที่ได้ประโยชน์จากนโยบายบางอย่าง บ้างก็อาจจะได้งานเล็กๆ น้อยๆ มาสร้างรายได้ให้กิจการของตนเองเป็นกอบเป็นกำ บ้างเป็นนักการเมืองที่เหมือนดาวเคราะห์ ไม่มีแสงในตัวเอง ต้องอาศัยพึ่งบุญญาบารมีของคนมีอำนาจ หรือกระทั่งข้าราชการที่รับใช้เข้าตา จึงได้รับการอวยยศอวยตำแหน่ง เหมือนการซื้อใจเพื่อให้ยอมศิโรราบไปตลอดอายุราชการ
พวกนี้จะเป็นทาสที่ปล่อยไม่ไปชนิดหนึ่ง คอยปกป้องและเถียงแทนข้อกล่าวหาต่างๆ เพราะยังมีความหวังว่าจะได้เศษส่วนของผลประโยชน์อยู่ห่างๆ อย่าลืมว่าในทางชีววิทยา คนยังเป็นสัตว์ชนิดหนึ่งที่ต้องการจ่าฝูง
พวกที่ 3 ตีวงให้แคบเข้ามาจนถึงชั้นใน คนพวกนี้จะชื่นชมนิยมรักด้วยใจจริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่ผลประโยชน์มีจริงแน่ และเป็นเป้าหมายหลักที่ทำให้คนเหล่านี้เกาะเกี่ยวเหนียวแน่น พยายามให้คนที่มีอำนาจเหนือกว่าได้เห็นหน้าเห็นตาอยู่เสมอ ป้องกันการถูกลืม และคาดคะเนถึงสถานการณ์ของอำนาจตลอดเวลา
ด้วยระดับสติปัญญา คนพวกนี้รู้แน่นอนว่าอะไรถูกอะไรผิด แต่แบบว่า “กูไม่สน”จึงไม่แปลกที่เราได้เห็นอดีตอัยการระดับสูง,อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัย, อดีตปลัดกระทรวง, อดีตตำรวจยศสูง หรือกระทั่งอดีตนักเรียนทุนพระราชทาน เข้าไปรับใช้นักการเมืองบางคนที่มีข้อครหายุ่บยั่บไปหมด
แม้จะไม่พูดถึงปรากฏการณ์เชียงใหม่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ในช่วงเวลานั้นมีใครหลุดปากขานรับ “พ่ะย่ะค่ะ” ไปมั่งหรือยัง
ทิวา สาระจูฑะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี