เกือบทุกคนคงรู้เรื่องข่าว แพทย์หญิงธารดาว จันทร์ดำ และเพื่อนสาวได้ไปเล่นที่ชายหาดอ่าวยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ในคืนวันมาฆบูชา จากนั้นก็มีชายชาวต่างชาติชื่อนายอูร์ส บีท เฟห์ร หรือ เดวิด ชาวสวิตเซอร์แลนด์เข้ามาเตะเข้าที่หลังของเธอจนจุก ขณะเธอและเพื่อนนั่งพักที่บันไดซีเมนต์ริมชายหาด เธอจึงไปร้องเรียนและแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกาย
ครั้งแรกที่ผมอ่านข่าวก็ยังไม่มีรายละเอียดอะไรมาก แต่พอมีข่าวเพิ่มเติมมาเรื่อยๆ ผมก็ติดตามดูเรื่องราวไปเรื่อย กระทั่งไปตามดูการสัมภาษณ์ยาวๆ ของแพทย์หญิงและพ่อของเธอ (ซึ่งอยู่ในแวดวงนักเขียน) ทางโทรทัศน์และช่องยูทูบต่างๆ พบว่า หมอธารดาว เป็นคนพูดจาฉลาดมาก มีกาลเทศะ และภาษาอังกฤษดีเยี่ยม ที่สำคัญคือมีความเข้มแข็ง
ต่อมา นายอูร์ส บีท เฟห์ร เป็นเจ้าของปางช้างและมูลนิธิเกี่ยวกับการดูช้างแห่งหนึ่งในภูเก็ต และเมียคนไทยที่ออกมาพูดคำหยาบและเหยียดหยามคู่กรณีดังที่เห็นในคลิป ก็ออกมาขอโทษ พร้อมข้ออ้างต่างๆ ตั้งแต่สะดุดไปโดนหลังแพทย์หญิง และทำไปด้วยอารมณ์โมโห เพราะคิดว่าแพทย์หญิงกับเพื่อนเป็นกลุ่มคนจีนที่เคยบุกรุกเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว
ดูแล้วก็รู้ว่า ผัวเมียคู่นี้มีอันจะกินพอสมควร เพราะสามารถเช่าอยู่ในวิลล่าหรูๆได้ แต่ก็นั่นแหละ ชั้นของคนไม่ได้อยู่ที่การมีเงิน และความร่ำรวยไม่ได้บอกถึงความเป็นผู้ดีเสมอไป
หลังจากนั้น เรื่องก็บานปลายออกไป กลายเป็นว่า ปศุสัตว์จังหวัดภูเก็ตก็ต้องมาตรวจสอบเรื่องการทำปางช้างว่า มีอะไรผิดถูกแค่ไหน, เจ้าของวิลล่าได้รับคำสั่งจากทางการให้รื้อบันไดที่สร้างล้ำเข้าไปในชายหาด และอาจจะโดนตรวจสอบด้านอื่นๆ อีก, ฝรั่งตัวต้นเรื่องอาจจะถูกอัปเปหิออกนอกประเทศในข้อหามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม, ชาวบ้านเริ่มออกมาชุมนุมแสดงพลัง ฯลฯ
แต่ที่ผมสนใจมากคือ นายอูร์ส บีท เฟห์ร กล้าทำขนาดนี้กับคนไทย, เมียอ้างว่ามีลูกเป็นนายตำรวจและรู้จักตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และนายตำรวจใหญ่คนหนึ่งในพื้นที่บอกว่าไม่รู้จักฝรั่งคนนี้ แต่ภายหลังมีรูปออกมายืนยันว่า นั่งร่วมโต๊ะกันอยู่แบบใกล้ชิด
โดยปกติไม่ว่าที่ไหน คนต่างชาติมักไม่ค่อยอยากมีเรื่องกับคนในท้องถิ่น เพราะเกิดปัญหาทางกฎหมายขึ้นมาจะยุ่งยากมาก ราวสิบปีมาแล้ว เจ้าของร้านแห่งหนึ่งในย่านเที่ยวกลางคืนแถวสุขุมวิท เล่าให้ฟังว่า จะมีฝรั่งประเภทเมาแล้วเปรี้ยวอวัยวะใส่รองเท้า ถูกกระทืบอยู่เป็นระยะ แต่มันจะไม่แจ้งตำรวจ อีกสักสองสามสัปดาห์ หายบอบช้ำก็มาเที่ยวใหม่เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
เพื่อนรุ่นน้องผมคนหนึ่งถูกส่งไปทำงานที่อังกฤษ ถูกวัยรุ่นท้องถิ่นอัดให้ เหตุเพียงเพราะผิวสีและหมั่นไส้ เขาก็ได้แต่อดทน และเดินหนี ถ้าเหตุเกิดในบ้านเราก็คงแหลกกันไปข้างหนึ่ง
ดังนั้น การที่ไอ้ฝรั่งเตะหมอคนนี้เหิมเกริมถึงขนาดทำร้ายคนไทยในพื้นที่ประเทศไทย พอจะบอกได้หรือไม่ว่า เพราะมันมั่นใจว่าจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องถิ่นให้การดูแล หรือมีธุรกิจอะไรที่จะต้องมีค่าบริการมากกว่าเลี้ยงดูปูเสื่อ ก็คงต้องไปพิสูจน์ทราบกันเอาเอง เพราะนักท่องเที่ยวธรรมดา หรือคนทำมาหากินปกติ ไม่จำเป็นต้องให้ใครคุ้มครอง
บ้านเราเป็นประเทศที่ปล่อยปละละเลยกับการเข้ามาทำมาหากินของคนต่างชาติโดยเฉพาะฝรั่ง มานานนัก ผมเคยเขียนบทความไว้ครั้งหนึ่งเมื่อ 20 กว่าปีก่อน เพราะมีเหตุครูฝรั่งสอนภาษาข่มขืนกระทำชำเราเด็กนักเรียนไทยอยู่หลายครั้ง ผมตั้งข้อสงสัยว่า ตอนรับฝรั่งพวกนี้มาเป็นครู เคยได้มีการสอบประวัติย้อนหลังว่ามีคดีอะไรมาบ้างหรือเปล่า หรือแค่เห็นว่าเป็นฝรั่งก็ใช้ได้แล้ว
แต่ทุกวันนี้มีมากกว่าอาชีพครู และมีทุกเชื้อชาติ กลายเป็นว่า ประเทศไทยคือสวรรค์ของพวกธุรกิจสีเทาจากต่างชาติ เรามีมาเฟียรัสเซีย, เดนมาร์ก, นอร์เวย์, อินเดีย, จีน ฯลฯ อยู่ตามเมืองใหญ่ๆ ทั่วไป แม้ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยยุ่งกับคนไทย แต่อย่างไรก็ต้องเกี่ยวพันกันจนได้ และหนักเข้าก็จะนำมาซึ่งความเสื่อมทรามและความรุนแรง หรือหนักกว่านั้น อาจจะถึงกับกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ถามว่า เมื่อชาวบ้านทั่วไปยังรู้ ตำรวจที่ร่ำเรียนมาทุกกระบวนท่าจะไม่รู้เลยเชียวหรือ-คำตอบคงอยู่ในสายลมเหมือนอีกหลายๆ เรื่องที่ผ่านมา
ทิวา สาระจูฑะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี