วันที่ 30 กันยายน ค.ศ.1955
เจมส์ ดีน ดาราภาพยนตร์สุดฮอตแห่งฮอลลีวู้ดในยุคนั้นเอียงคอดูกระจกเป็นครั้งสุดท้าย หลิ่วตาล้อเลียนเงาตนเองในกระจก ยกมือเสยผมปอยปรกหน้าผากด้วยมาดบาดใจสาว ก่อนคว้าแจ็คเกตสีแดงเพลิงตัวโปรด ซึ่งเป็นตัวเดียวกับที่ใส่เล่นภาพยนตร์เรื่อง Rebel Without A Cause เดินผิวปากออกจากที่พัก เจมส์อดหัวเราะไม่ได้เมื่อนึกถึงคำเตือนของเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งชื่อ บิล ฮิกแมน ว่า
“อย่าขับรถเร็วเกินไปนัก”
เจมส์ยักไหล่ นอกจากการเป็นดาราหนุ่มรูปงามกระชากหัวใจสาวๆ ทั่วโลกด้วยมาดแบบ “แบดบอย” แล้ว สิ่งที่ดาราหนุ่มวัย 24 คนนี้โปรดปรานอีกอย่างคือรถพอร์ช สปายเดอร์ หรือที่คนไทยเรียกว่า “เปอร์เช่” ใครจะคาดคิดว่าวันนั้นคือวันสุดท้ายในชีวิตอันรุ่งโรจน์ของดาราหนุ่มตลอดกาล..เจมส์ ดีน
…………………………………………..
เช้าวันที่ 1 สิงหาคม ค.ศ.1955 ความตายของดาราหนุ่มเจมส์ ดีน กลายเป็นข่าวพาดหัวหนังสือพิมพ์ทุกฉบับในโลก ดาราหนุ่มจบชีวิตก่อนวัยอันควรจากอุบัติเหตุจากการขับรถเปอร์เช่ สไปเดอร์สีเงินเปิดประทุนคู่ใจ หรือที่เจมส์ตั้งชื่อเล่นอย่างแสนรักใคร่ว่า “ไอ้เปี๊ยกตัวแสบ” นั่นเอง เจมส์ประสบอุบัติเหตุบนทางหลวงสาย 466 ช่วงเมืองโชเลม แคลิฟอร์เนีย ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสสิ้นใจในที่สุด
แต่ความตายของเจมส์ไม่ใช่จุดสิ้นสุด..หากแต่เป็นจุดเริ่มต้นของความสยดสยองในเวลาต่อมา..
หลังจากเจมส์ ดีนเสียชีวิต รถคันโปรดสภาพบุบบี้ถูกนำมาซ่อมใหม่ และขายต่อเป็นทอดๆ คนที่ได้เป็นเจ้าของรถคนนี้ล้วนแต่ประสบเคราะห์ร้ายอย่างน่าสยดสยอง จนหลายๆ คนเชื่อว่าเป็นรถอาถรรพ์ เพราะเจมส์ ดีนหวงรถคันนี้มาก
ผู้ที่ศึกษาเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติและวิญญาณทราบดีว่า หากบุคคลใดบุคคลหนี่งสิ้นชีวิตอย่างกระทันหัน วิญญาณมักวนเวียนติดอยู่ในสิ่งที่ตนเองรักและเป็นห่วง ดังเคยปรากฎมาแล้วว่ามีวิญญาณสิงอยู่ในตุ๊กตา ในกรณีที่ผู้ตายเป็นเด็ก หรือติดอยู่ในบ้าน เพราะคิดว่าตนนั้นยังไม่ตาย
กรณีรถของเจมส์ ดีนก็เช่นกัน หลายคนสรุปว่าหลังจากเสียชีวิต เจมส์ผูกพันรักใคร่กับรถคันนี้ จึงยังวนเวียนและหวงรถของตนอยู่ และอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนนั้นเสียชีวิตแล้ว
ผู้ที่ซื้อรถคันนี้รายแรกคือ จอร์จ บาร์ริส ซึ่งเป็นผู้ปรับแต่งรถแข่ง ซื้อซากรถในราคา $2,500 หรือประมาณแปดหมื่นสองพันห้าร้อยบาท (อัตราเทียบเงินปัจจุบัน) ขณะที่ตรวจสอบสภาพอยู่นั้น จู่ ๆ ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์อันหนักอึ้งหล่นลงมาทับขาจนกระดูกขาแหลกละเอียดทั้ง 2 ข้าง
ต่อมาสองนายแพทย์ทรอย แม็คอองรีและวิลเลียม เอสชายด์ ซื้อชิ้นส่วนเครื่องยนต์ของรถมรณะคันนี้ไปใส่ในรถแข่งของตน ต่อมาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตระหว่างแข่งขัน สาเหตุเกิดจากการไม่สามารถควบคุมรถยนต์ได้ ก่อนพุ่งเข้าชนรถแข่งคันอื่น ๆ จนเป็นเหตุให้แม็คอองรีเสียชีวิต
เจ้าของรถมรณะรายต่อมาเป็นอู่ซ่อมรถ โดยที่อู่นี้นำรถของเจมส์ ดีนมาซ่อมแซม เพื่อที่จะนำไปตั้งแสดงเป็นอนุสรณ์แก่แฟน ๆ เจมส์ ดีน ได้ชม แต่ในระหว่างที่กำลังซ่อมรถอยู่นั้นเอง เกิดเพลิงไหม้โดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ยังดีที่ดับไฟได้ทัน
ส่วนอาถรรพ์รถที่เกิดขึ้นต่อมาคือ มีวัยรุ่นคนหนึ่งกำลังยืนดูซากรถยนต์อยู่ดี ๆ อยู่ๆ รถหล่นลงมาทับวัยรุ่นคนนั้นทันทีจนกระดูกซี่โครงหักอาการปางตาย
ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น มีการนำซากรถคันนี้ไปแสดงที่โอเรกอนโดยนำขึ้นรถบรรทุก พอรถบรรทุกวิ่งมาถึงตัวเมือง ปรากฎว่า จู่ ๆ เสียหลักแบบไม่มีสาเหตุ เอียงถลาวิ่งเข้าชนร้านค้าที่ตั้งอยู่ริมถนนแถวนั้นจนราบเป็นหน้ากลอง จนคนบาดเจ็บเป็นสิบ ๆ คน
หลายคนเริ่มหวาดกลัวรถคันนี้ แต่ยังมีความพยายามจะนำมาซ่อมเพื่อเป็นอนุสรณ์ของเจมส์ ดีน อาถรรพ์และความเฮี้ยนยังไม่หมดเท่านี้ ระหว่างที่นำมาตรวจสภาพในอู่ มีเสียงดังโครมใหญ่ โดยที่ไม่มีอะไรหล่นลงมา เล่นเอาแทบจะวิ่งกันป่าราบ แม้ว่าคราวนี้จะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
หลังจากที่ตำรวจทางหลวงแคลิฟอร์เนียส่งซากรถมรณะกลับคืนให้เจ้าของที่ลอสแองเจลีส และปล่อยเจ้ารถมรณะทิ้งไว้ไม่มีใครไปยุ่งเกี่ยวอีก จนกระทั่งปี ค.ศ. 1960 ซากรถมรณะก็หายไปอย่างลึกลับไม่มีผู้ใดพบเห็นอีกเลยจนปัจจุบัน
มีการไปเยี่ยมหลุมฝังศพเจมส์ ดีน ในรัฐอินเดียน่าอย่างสม่ำเสมอ นอกจากเรื่องรถผีสิงแล้ว ยังมีข่าวลือเกี่ยวกับวิญญาณของ เจมส์ ดีน ว่าเคยมีผู้พบเห็นวิญญาณในสุสาน แต่ที่น่าแปลกใจที่สุดคือเรื่องราวของรถสุดที่รักอันกลายเป็นรถผีสิงสุดเฮี้ยน และหายไปอย่างลึกลับไร้ร่องรอยจนทุกวันนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี