ชายหนุ่มคนหนึ่งขับรถฝ่าความมืดไปโรงงานร้างในพอยต์ เพลสเซนต์ รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย โดยมีหญิงสาววัยเดียวกันนั่งมาด้วย บริเวณนี้เป็นที่รู้กันว่าเป็นแหล่งที่ชายหญิงมาพรอดรัก ทันใดนั้นหญิงสาวกรีดร้อง ชี้นิ้วสั่นระริกไปหน้ารถ แสงไฟเจิดจ้าจับภาพร่างประหลาดกึ่งคนกึ่งนกสูงประมาณ 7 ฟุต ดวงตาสีแดงจ้ามองเขม็ง ร่างนั้นมีปีกขนาดใหญ่ 2 ปีก คอสั้น และศีรษะมหึมา
หนังสือพิมพ์ขนานนามสัตว์ประหลาดนั้นว่ามอธแมน และลงข่าวนี้ในวันรุ่งขึ้น จากนั้นก็แพร่กระจายจนกลายเป็นความสนใจระดับชาติ ที่น่าแปลกใจคือมีคนจำนวนมากแจ้งความว่าเห็นสัตว์ประหลาดก่อนหน้านี้ แต่ไม่กล้ามาแจ้งความ เพราะกลัวถูกหาว่าสติไม่ดี ได้แต่เก็บความหวาดกลัวไว้ในใจ มีผู้อ้างว่าพบเห็นมอธแมนมากกว่า 100 ราย โดยเฉพาะที่โรงงานผลิตระเบิดทีเอ็นที สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นตึกร้างกลางป่าที่สองหนุ่มสาวเจอร่างประหลาดนั่นเอง
ในเดือนและปีเดียวกันนั้น เดวิดกับลินดา สแรบเบอรี่ พร้อมเพื่อนคือสตีฟและแมรี่ เมลเลตต์ ขับรถผ่านรัฐเวสต์เวอร์จิเนียยามราตรี พลันเห็นดวงไฟสีแดงจ้าในเงามืด จึงหยุดรถด้วยความสงสัย สิ่งที่เห็นคือดวงไฟสีแดงสองดวงนั้นคือดวงตาของสัตว์ประหลาดที่ไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต
โธมัส อูรี่ ขับรถมาตามถนนสาย 62 ทางทิศเหนือของเมือง เห็นสิ่งมีชีวิตประหลาดชนิดหนึ่งบินอยู่ข้างรถ เจ้าสิ่งนั้นกระพือปีกไล่กวดมาติดๆ ต่อมาในวันที่ 27 พฤศจิกายนปีเดียวกัน สองหนุ่มสาวพบเห็นมอธแมนใกล้ตึกที่กำลังก่อสร้างแถบเวสต์เวอร์จิเนีย และมีรายงานว่าเห็นมนุษย์ครึ่งคนครึ่งนกในบริเวณนั้น
ไม่มีใครรู้แน่ชัดเกี่ยวกับที่มาที่ไปของมอธแมน แต่พอประมวลลักษณะคร่าวๆ ว่าสูงประมาณเจ็ดฟุต ไม่มีหัวและดวงตาอยู่แถวๆ อก ปีกสีเทายาวประมาณ 10 ฟุต ผิวหนังเป็นเกล็ด มีขนอุยเหมือนค้างคาว ดวงตาสีแดงเจิดจ้า ร้องเสียงแหลมรบกวนคลื่นวิทยุ โดยเสียงร้องนี้มีคลื่นความถี่สูงเหมือนเลื่อยไฟฟ้า เชื่อกันว่าสัตว์ตัวนี้สามารถหยั่งรู้อนาคต
ชาวเมืองนั้นเชื่อว่าเมื่อมอธแมนปรากฏตัวย่อมหมายถึงการเตือนภัยพิบัติที่จะมาถึงล่วงหน้า เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 16 ธันวาคม ค.ศ. 1967
สะพานซิลเวอร์เป็นสะพานที่สร้างขึ้นด้วยการยึดโยงด้วยโซ่เส้นใหญ่ 40 ปีผ่านไป สะพานเริ่มทรุดโทรม แต่ทางการไม่มีโอกาสซ่อมแซม เพราะยังใช้งานหนักรองรับการจราจรคับคั่งช่วงเทศกาลคริสต์มาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งไฟควบคุมการจราจรปลายสะพานด้านหนึ่งไม่สามารถใช้งานได้
เช้านั้นผู้คนจำนวนมากเห็นร่างประหลาดเกาะอยู่บนราวสะพานซิลเวอร์ ซึ่งเป็นสะพานเหล็กความยาว 700 ฟุต เชื่อมต่อระหว่าง พอยต์ เพลสเซนต์ กับรัฐโอไฮโอ มีคนถ่ายภาพเอาไว้ได้ จึงเห็นว่าเป็นรูปสิ่งมีชีวิตมีปีกขนาดใหญ่เกาะส่วนยอดของสะพาน
ตอนเย็นสะพานซิลเวอร์ถล่มลงมาในช่วงที่การจราจรหนาแน่น ชาวเมือง 46 คนเสียชีวิตจากเหตุการณ์หายนะครั้งนี้ รถยนต์ดิ่มจมลงไปในแม่น้ำโอไฮโออันเย็นเฉียบ ก่อนพระอาทิตย์ตกดินเพียงเล็กน้อย ความเสียหายครั้งนี้นับเป็นหายนะครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นในพอยท์ เพลสเซนต์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีจำนวนพลเมืองน้อยกว่า 6,000 คนเท่านั้น
นอกจากในรัฐเวสต์เวอร์จิเนียแล้ว ยังมีรายงานการเห็นมอธแมนในรัฐอื่นด้วย เช่น ในรัฐอิลลินอยส์ ที่น่าแปลกคือ มีการรายงานว่าพบที่ย่านใจกลางชิคาโก
ในปี คศ. 1951 เกิดแผ่นดินไหวในเมืองชิคาโก ซึ่งเป็นเมืองที่แทบจะไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวมาก่อน หลายวันก่อนเกิดแผ่นดินไหว ผู้คนที่กำลังล่องเรือในทะเลสาบมิชิแกนต่างให้การว่ามองเห็นสัตว์ประหลาดร่างยักษ์สีดำบินอยู่บริเวณเส้นขอบฟ้าเมืองชิคาโก ส่วนพนักงานที่ทำงานล่วงเวลาบนตึกสูงก็รายงานว่ามองเห็นแสงไฟกระพริบวิบวับอยู่เหนือทะเลสาบมิชิแกนเช่นกัน
เรื่องของมอธแมนกลายเป็นที่รู้จักกว้างขวางมากขึ้น เมื่อนักเขียนคนหนึ่งชื่อ จอห์น คีล เดินทางมายังพอยต์ เพลสเซนต์ เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับมอธแมน จากนั้นเขียนหนังสือชื่อ The Mothman Prophecies ขึ้น ซึ่งหนังสือเล่มนี้กลายเป็นหนังสิอที่ขายดีเล่มหนึ่ง ต่อมาทางฮอลลีวู้ดก็ได้สร้างในปี ค.ศ. 2002 ในชื่อเดียวกัน โดยบทภาพยนตร์ดัดแปลงมาจากหนังสือเล่มนี้
ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร แต่เรื่องราวของมนุษย์แมลงมอธแมนยังเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี