เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2568 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 บรรยายสรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาต่อ คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว(Interim Observer Teamหรือ IOT) ว่าตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายเขมร พบว่ามีโดรนเขมรบินว่อนอยู่ตามชายแดนไทย-กัมพูชามากถึง 71 ลำ!
แต่ที่ชาวบ้านเจอน่าจะมากกว่านี้ เพราะเห็นกันเกือบทุกค่ำคืน บางทีมาเป็นชุด ชุดละ 10-20 ลำ และเห็นมาตั้งแต่ทำข้อตกลงหยุดยิงกันเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ยิ่งกว่านั้น เขมรก็เคลื่อนไหวอาวุธและกำลังพลตลอดมา ไม่ได้ปิดลับอะไร เพราะมีคลิปที่ทหารและชาวเขมรเองถ่ายโชว์ออกมาเป็นระยะ
ที่เหมือนละครแอปเซิร์ฟคือ พลจัตวา ซัมซุล ริซัล บิน มูซาผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย ในฐานะหัวหน้าคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว IOT บอกว่า “ทางคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวประเทศไทย ทําหน้าที่ในการสังเกตการณ์ถึงข้อเท็จจริง แล้วนําข้อเท็จจริงที่ได้มารายงานขึ้นไปให้หน่วยเหนือได้ทราบจากนั้นทางหน่วยเหนือจะพูดคุยกัน และจะมาจบลงที่การพูดคุยทวิภาคีระหว่างทั้ง 2 ประเทศ พร้อมเน้นย้ำว่าทางคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวทั้ง 2 ประเทศ ทั้งไทยและกัมพูชา เราไม่ได้มาเพื่อกล่าวหาว่าฝ่ายใดผิด แต่เรามาเพื่อสังเกตการณ์และมาเพื่อดูถึงข้อเท็จจริง”
สรุปของสรุปอีกที แบบนี้ภาษาบ้านๆ เรียกว่า “กั๊ก” ไม่มีอะไรคืบหน้า และหาสารประโยชน์อะไรไม่ได้
อีกด้านหนึ่ง ขณะที่ประชาชนไทย ทั้งที่อยู่ชายแดนและอยู่ทั่วประเทศ เรียกร้องให้สร้างรั้วหรือกำแพงกั้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชามาตั้งนาน เพราะต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความหวาดผวา ทำมาหากินลำบาก แต่ทางสภาความมั่นคงเพิ่งอนุมัติให้สร้างได้เมื่อไม่กี่วันมานี้ โดยระยะเริ่มแรก 5 กิโลเมตร
ผมยังสงสัยว่า หาก สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒนฯ ไม่ทรงเปิดกองทุน“หทัยทิพย์” พระราชทานเงิน 1 ล้านเป็นทุนตั้งต้นสำหรับสร้าง “กำแพง-บังเกอร์” ชายแดนไทย-กัมพูชา สภาความมั่นคงจะขยับตัว และมีมติอนุมัติให้สร้างรั้วกั้นหรือเปล่า
นอกจากนั้น อย่างที่ผมเคยเขียนไปเมื่อกลางเดือนสิงหาคมว่า “...ยังมีคนอีกสองสามพวกที่ไม่ต้องการให้กั้นรั้วชายแดน หนึ่ง-รัฐบาลเขมรของ ฮุนเซน, สอง-รัฐบาลไทยยุคนี้ (ยุคนายกฯแพทองธาร), สาม-กลุ่มอิทธิพลที่ไปลงทุนบ่อนการพนันในกัมพูชา และสี่-พ่อค้านายทุนที่ส่งสินค้าอุปโภค-บริโภคเข้าไปขายในกัมพูชา”
ผลประโยชน์ของทุกกลุ่มเหล่านี้จะสะดวกราบรื่นย่อมต้องมีการใส่น้ำมันหล่อลื่นผ่านข้าราชการ, ทหารระดับสูง และกระทั่งมาเฟียท้องถิ่น จึงทำให้ปัญหาชายแดนไทย-เขมรเหมือนริดสีดวงทวารระยะ 3-4 ถ้าไม่ผ่าตัดผูกเย็บแบบถาวร ก็จะเกิดการอักเสบให้ทุกข์ทรมานอยู่เรื่อยไป
ย้อนหลังไปในการสู้รบระหว่างวันที่ 24-28 กรกฎาคม เกือบจะเบ็ดเสร็จสะเด็ดน้ำอยู่แล้ว ก็มีความเร่งรีบจัดประชุมด่วน 3 ฝ่าย โดยการเรียกร้องของเขมร และมีมาเลเซียเป็นเจ้าภาพหรือคนกลาง จากนั้นทุกอย่างก็วนกลับไปอึมครึมเหมือนเดิม ด้วยข้ออ้างมากมาย โดยเฉพาะความต้องการรักษาภาพลักษณ์ของไทยในสายตาประชาคมโลก
การปราศรัยในเวทีสหประชาชาติของ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับคำสรรเสริญอย่างอึกทึกครึกโครมว่า พูดได้เด็ดขาดทำให้โลกรู้สันดานเขมร แต่เอาเข้าจริง จะมีใครสนใจสักเท่าไหร่กัน ฟังจบแล้วก็กลับไปประเทศใครประเทศมัน-แค่นั้น
ฝรั่งผิวขาวในประเทศตะวันตกมันจะมาสนใจอะไรความขัดแย้งไทย-เขมร อยู่ก็ห่างไกล ค้าขายกันก็จุ๋มจิ๋ม ถ้าดัดจริตทับศัพท์อย่างที่นิยมกันตอนนี้ก็คือไทยรบเขมรไม่ได้มี impact อันใดต่อพวกยุโรป ยกเว้นพวกที่มีผลประโยชน์มากๆ ในเขมร อย่าง อเมริกา, จีน, ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส และถ้าประเทศเหล่านี้มาเกี่ยวพันด้วย ก็ยิ่งไม่ได้มีผลดีกับไทยด้วยซ้ำ
ผลประโยชน์ที่สลับซับซ้อนบริเวณชายแดนไทย-เขมร ไม่ใช่ผลประโยชน์ของคนไทยส่วนใหญ่ แต่มีส่วนฉุดรั้งไม่ให้มีปฏิบัติการทางทหารอย่างเด็ดขาดรวบรัด และยังสมทบด้วยนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงที่ห่วงหน้าตามากกว่าอธิปไตย
แม้ว่าประชาชนยังรัก, ให้กำลังใจ และเห็นใจทหารแนวหน้าอยู่เช่นเดิม แต่สิ่งที่อดีตแม่ทัพภาค 2 - พล.ท.บุญสิน พาดกลาง และเหล่านักรบทุกหน่วยได้ร่วมกันสร้างวีรกรรมไว้เมื่อวันที่ 24-28 กรกฎาคม ซึ่งทำให้คนไทยทั้งประเทศแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สนับสนุนเป็นกำแพงหลังอย่างหนักแน่น ชักเริ่มสั่นคลอนเพราะความคลุมเครือ และยิ่งแย่ลงกว่านั้น เมื่อความเชื่อถือในตัวรัฐมนตรีกลาโหมปัจจุบันของคนส่วนใหญ่ มีค่าเป็น 0
ตอนนี้คนไทยไม่ต้องการคำอธิบายจากรัฐเพื่อขอความเข้าใจ ขณะเดียวกัน ก็ไม่ต้องการคำปลอบประโลมว่า รัฐเข้าใจความเดือดร้อนของพวกเขา
ทิวา สาระจูฑะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี