วันศุกร์ ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2568 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 บรรยายสรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาต่อ คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว(Interim Observer Teamหรือ IOT) ว่าตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายเขมร พบว่ามีโดรนเขมรบินว่อนอยู่ตามชายแดนไทย-กัมพูชามากถึง 71 ลำ!
แต่ที่ชาวบ้านเจอน่าจะมากกว่านี้ เพราะเห็นกันเกือบทุกค่ำคืน บางทีมาเป็นชุด ชุดละ 10-20 ลำ และเห็นมาตั้งแต่ทำข้อตกลงหยุดยิงกันเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ยิ่งกว่านั้น เขมรก็เคลื่อนไหวอาวุธและกำลังพลตลอดมา ไม่ได้ปิดลับอะไร เพราะมีคลิปที่ทหารและชาวเขมรเองถ่ายโชว์ออกมาเป็นระยะ
ที่เหมือนละครแอปเซิร์ฟคือ พลจัตวา ซัมซุล ริซัล บิน มูซาผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย ในฐานะหัวหน้าคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว IOT บอกว่า “ทางคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวประเทศไทย ทําหน้าที่ในการสังเกตการณ์ถึงข้อเท็จจริง แล้วนําข้อเท็จจริงที่ได้มารายงานขึ้นไปให้หน่วยเหนือได้ทราบจากนั้นทางหน่วยเหนือจะพูดคุยกัน และจะมาจบลงที่การพูดคุยทวิภาคีระหว่างทั้ง 2 ประเทศ พร้อมเน้นย้ำว่าทางคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวทั้ง 2 ประเทศ ทั้งไทยและกัมพูชา เราไม่ได้มาเพื่อกล่าวหาว่าฝ่ายใดผิด แต่เรามาเพื่อสังเกตการณ์และมาเพื่อดูถึงข้อเท็จจริง”
สรุปของสรุปอีกที แบบนี้ภาษาบ้านๆ เรียกว่า “กั๊ก” ไม่มีอะไรคืบหน้า และหาสารประโยชน์อะไรไม่ได้
อีกด้านหนึ่ง ขณะที่ประชาชนไทย ทั้งที่อยู่ชายแดนและอยู่ทั่วประเทศ เรียกร้องให้สร้างรั้วหรือกำแพงกั้นบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชามาตั้งนาน เพราะต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความหวาดผวา ทำมาหากินลำบาก แต่ทางสภาความมั่นคงเพิ่งอนุมัติให้สร้างได้เมื่อไม่กี่วันมานี้ โดยระยะเริ่มแรก 5 กิโลเมตร
ผมยังสงสัยว่า หาก สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒนฯ ไม่ทรงเปิดกองทุน“หทัยทิพย์” พระราชทานเงิน 1 ล้านเป็นทุนตั้งต้นสำหรับสร้าง “กำแพง-บังเกอร์” ชายแดนไทย-กัมพูชา สภาความมั่นคงจะขยับตัว และมีมติอนุมัติให้สร้างรั้วกั้นหรือเปล่า
นอกจากนั้น อย่างที่ผมเคยเขียนไปเมื่อกลางเดือนสิงหาคมว่า “...ยังมีคนอีกสองสามพวกที่ไม่ต้องการให้กั้นรั้วชายแดน หนึ่ง-รัฐบาลเขมรของ ฮุนเซน, สอง-รัฐบาลไทยยุคนี้ (ยุคนายกฯแพทองธาร), สาม-กลุ่มอิทธิพลที่ไปลงทุนบ่อนการพนันในกัมพูชา และสี่-พ่อค้านายทุนที่ส่งสินค้าอุปโภค-บริโภคเข้าไปขายในกัมพูชา”
ผลประโยชน์ของทุกกลุ่มเหล่านี้จะสะดวกราบรื่นย่อมต้องมีการใส่น้ำมันหล่อลื่นผ่านข้าราชการ, ทหารระดับสูง และกระทั่งมาเฟียท้องถิ่น จึงทำให้ปัญหาชายแดนไทย-เขมรเหมือนริดสีดวงทวารระยะ 3-4 ถ้าไม่ผ่าตัดผูกเย็บแบบถาวร ก็จะเกิดการอักเสบให้ทุกข์ทรมานอยู่เรื่อยไป
ย้อนหลังไปในการสู้รบระหว่างวันที่ 24-28 กรกฎาคม เกือบจะเบ็ดเสร็จสะเด็ดน้ำอยู่แล้ว ก็มีความเร่งรีบจัดประชุมด่วน 3 ฝ่าย โดยการเรียกร้องของเขมร และมีมาเลเซียเป็นเจ้าภาพหรือคนกลาง จากนั้นทุกอย่างก็วนกลับไปอึมครึมเหมือนเดิม ด้วยข้ออ้างมากมาย โดยเฉพาะความต้องการรักษาภาพลักษณ์ของไทยในสายตาประชาคมโลก
การปราศรัยในเวทีสหประชาชาติของ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยเมื่อเร็วๆ นี้ ได้รับคำสรรเสริญอย่างอึกทึกครึกโครมว่า พูดได้เด็ดขาดทำให้โลกรู้สันดานเขมร แต่เอาเข้าจริง จะมีใครสนใจสักเท่าไหร่กัน ฟังจบแล้วก็กลับไปประเทศใครประเทศมัน-แค่นั้น
ฝรั่งผิวขาวในประเทศตะวันตกมันจะมาสนใจอะไรความขัดแย้งไทย-เขมร อยู่ก็ห่างไกล ค้าขายกันก็จุ๋มจิ๋ม ถ้าดัดจริตทับศัพท์อย่างที่นิยมกันตอนนี้ก็คือไทยรบเขมรไม่ได้มี impact อันใดต่อพวกยุโรป ยกเว้นพวกที่มีผลประโยชน์มากๆ ในเขมร อย่าง อเมริกา, จีน, ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส และถ้าประเทศเหล่านี้มาเกี่ยวพันด้วย ก็ยิ่งไม่ได้มีผลดีกับไทยด้วยซ้ำ
ผลประโยชน์ที่สลับซับซ้อนบริเวณชายแดนไทย-เขมร ไม่ใช่ผลประโยชน์ของคนไทยส่วนใหญ่ แต่มีส่วนฉุดรั้งไม่ให้มีปฏิบัติการทางทหารอย่างเด็ดขาดรวบรัด และยังสมทบด้วยนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงที่ห่วงหน้าตามากกว่าอธิปไตย
แม้ว่าประชาชนยังรัก, ให้กำลังใจ และเห็นใจทหารแนวหน้าอยู่เช่นเดิม แต่สิ่งที่อดีตแม่ทัพภาค 2 - พล.ท.บุญสิน พาดกลาง และเหล่านักรบทุกหน่วยได้ร่วมกันสร้างวีรกรรมไว้เมื่อวันที่ 24-28 กรกฎาคม ซึ่งทำให้คนไทยทั้งประเทศแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน สนับสนุนเป็นกำแพงหลังอย่างหนักแน่น ชักเริ่มสั่นคลอนเพราะความคลุมเครือ และยิ่งแย่ลงกว่านั้น เมื่อความเชื่อถือในตัวรัฐมนตรีกลาโหมปัจจุบันของคนส่วนใหญ่ มีค่าเป็น 0
ตอนนี้คนไทยไม่ต้องการคำอธิบายจากรัฐเพื่อขอความเข้าใจ ขณะเดียวกัน ก็ไม่ต้องการคำปลอบประโลมว่า รัฐเข้าใจความเดือดร้อนของพวกเขา
ทิวา สาระจูฑะ

'เจ้าท่าตราด'คุมเข้ม! หลังเรือโดยสารท่องเที่ยวล่ม เหตุคลื่นลมแรง
ตำรวจทางหลวงล็อกตัว‘เป็ด บ้านหมอ’คารถไฟ หนีคดี‘รับซื้อของโจร’พระพุทธรูปเก่า
หาดใหญ่ท่วมฉับพลัน! ‘บ้านปลักธงจมน้ำ’ ทม.เตรียมรับมือตลอด 24 ชม.
น้ำท่วมพัทลุง เด็กชายวัย12จมน้ำเสียชีวิตแล้ว ประกาศพื้นที่ภัยพิบัติ3อำเภอ
‘มาริษ’แนะดึงจีนร่วมกดดันกัมพูชา สื่อสารสหรัฐฯโดยตรง ไม่ผ่านคนกลาง

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี