รากฐานที่ดีของชีวิตมาจากบ้าน โรงเรียน กลุ่มเพื่อน สังคมสิ่งแวดล้อม และสื่อมวลชน เด็กที่มีรากฐานของชีวิตที่ดีจะช่วยพัฒนาสังคมให้ดีตามไปด้วย ส่วนเด็กและเยาวชนที่ได้รับการปลูกฝังคุณธรรรมและแนวทางประชาธิปไตยมาจากบ้าน และจากโรงเรียน เด็กและเยาวชนเหล่านั้นก็จะยึดมั่นในหลักคุณธรรมและวิถีประชาธิปไตยตลอดไป
คณะกรรมาธิการการสังคม เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ร่วมกับคณะกรรมการโครงการส่งเสริมคุณธรรมและวิถีประชาธิปไตยในโรงเรียน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ร่วมกับมูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ได้เดินทางไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับการดําเนินการจัดการศึกษาของสถาบันและแนวทางการจัดการศึกษาที่ส่งเสริมคุณธรรมและวิถีประชาธิปไตยของสถาบันการศึกษา ณ จังหวัดลพบุรี โดยมีประเด็นที่น่าสนใจ และสถานที่ที่น่าสนใจ ดังนี้
โรงเรียนสัตยาไส จังหวัดลพบุรี
การศึกษาดูงานเกี่ยวกับการดำเนินการจัดการศึกษาของโรงเรียนและแนวทางการจัดการศึกษาที่ส่งเสริมคุณธรรมและวิถีประชาธิปไตยของโรงเรียน
โรงเรียนสัตยาไส ก่อตั้งและอำนวยการโดย ดร.อาจอง ชุมสาย ณอยุธยา โดยได้รับแรงบันดาลใจจากการได้ไปพบท่านสัตยาไส บาบา ที่เมืองพุทธปาตี ประเทศอินเดีย เป็นโรงเรียนประจำ เปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ตั้งอยู่เลขที่ ๙๙ หมู่ ๒ ตำบลลำนารายณ์ อำเภอชัยบาดาล มีพื้นที่ประมาณ ๓๐๐ ไร่เศษ เป็นธรรมชาติ ป่าเขา หนองบึง สงบ ร่มรื่น ปัจจุบันมีนักเรียนตั้งแต่ ชั้นอนุบาล ๑ ถึงมัธยมศึกษาปีที่ ๖ ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ มีนักเรียนจำนวน ๓๕๐ คน นักเรียนระดับอนุบาลมาเรียนเฉพาะกลางวัน สำหรับนักเรียนประถมและมัธยมอยู่ประจำซึ่งกลับบ้านเฉพาะช่วงปิดเทอม รับเฉพาะเด็กบ้านใกล้โรงเรียน สำหรับในระดับมัธยมปลาย มีสาย วิทย์-คณิต ศิลป์-ภาษา(อังกฤษ,ญี่ปุ่น,จีน) และจะเปิดสอนในสายอื่นๆ ตามลำดับมี Summer เพื่อให้นักเรียนได้เลือกประเทศที่ต้องการและไปอยู่กับ Hostfamily แลกเปลี่ยนภาษาและวัฒนธรรม โรงเรียนสัตยาไส ไม่มีการเก็บค่าเล่าเรียนแต่ผู้ปกครองต้องรับผิดชอบค่าอาหารและค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด ๑๕,๐๐๐ บาท ต่อเทอม (๔ เดือน) โรงเรียนเปิดรับนักเรียน ๓๐ คนต่อปี นักเรียนรับประทานอาหารมังสวิรัติของทางโรงเรียน ภายใต้กฎ “ความรัก ความเมตตา”
โรงเรียนใช้หลักการ “การเรียนรู้โดยนักเรียนเป็นศูนย์กลาง” และ “การเรียนรู้แบบบูรณาการ” เช่น ให้นักเรียน (เริ่มตั้งแต่ชั้นอนุบาล) ร่วมกำหนดหัวข้อที่จะเรียนรู้ แล้วครูเป็น ผู้เอื้ออำนวย (ไม่ใช่สอน) ให้นักเรียนได้เรียนรู้ โดยเน้นการเรียนรู้จากการได้ปฏิบัติ ได้เห็นได้ฟัง ได้สัมผัส ได้ทดลอง ได้คิด อย่างเหมาะสม ทำให้เด็กเป็นคนเก่งคนดี ในส่วนของการเรียนรู้อย่างบูรณาการก็มีตัวอย่างของการ “บูรณาการการเรียนรู้ เรื่อง สุขกาย สบายใจ” ซึ่งนักเรียนชั้น ม. ๑-๓ เรียนด้วยกัน เริ่มต้นด้วยการนั่งสมาธิร่วมกัน แล้วแบ่งเป็น ๔ กลุ่ม แยกย้ายไปเรียนรู้ไปตามฐานการเรียนรู้ ๔ ฐาน กลับมารวมกันในช่วงท้าย แต่ละกลุ่มนำเสนอผลการเรียนรู้จากแต่ละฐานพร้อมอภิปรายแล้วจบด้วยการทำสมาธิ แผ่เมตตา และทำความเคารพ
โรงเรียนนำหลัก “ศีล สมาธิ ปัญญา” มาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน เน้น “ความรักความเมตตา” และ “คุณธรรม” โดยบูรณาการเข้าไปในการเรียนการสอนและกิจกรรมทั้งหลาย เช่น ก่อนรับประทานอาหาร จะมีการสวดมนต์ ขอบคุณพ่อแม่ ครู ธรรมชาติ โดยมีนักเรียนเป็นผู้นำ นักเรียนทุกคนกล่าวถ้อยคำ “ข้าวทุกจาน อาหารทุกอย่าง .....” ตามด้วยคำพูดภาษาอังกฤษ
นอกจากโรงเรียนมี “สถาบันเพื่อการศึกษาสัตยาไส” (Institute of Sathyasai Education) สำหรับผู้ต้องการเรียนรู้วิธีการศึกษาแบบสัตยาไส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวต่างประเทศ และปัจจุบันได้มีการก่อตั้งโรงเรียนแบบสัตยาไสจำนวน ๕๗ โรงเรียน ใน ๓๕ ประเทศ โดยเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายระหว่างกันโรงเรียนสัตยาไสในประเทศไทยเป็นต้นแบบของโรงเรียนสัตยาไสในประเทศอื่นๆ โดยใช้หลัก “Educare” โดยมุ่งดึงสิ่งที่ดีจากนักเรียนตั้งคำถามที่ดีและสร้างสรรค์ ให้สวดมนต์และปฏิบัติสมาธิระลึกถึงบุญคุณของผู้อื่น บุญคุณของสรรพสิ่ง มีความนอบน้อม มีความเคารพ มีความเมตตากรุณาอยู่เป็นปกตินิสัยโรงเรียนมี “คุณธรรมหรือคุณค่าความเป็นมนุษย์ ๕ ประการ” ซึ่งถือเป็นหลักในการดำเนินชีวิตและดำเนินกิจกรรมทั้งหลายในโรงเรียนสัตยาไส คือ (๑) เปรมา (ความรักความเมตตา) (๒) สัตยา (ความจริง) (๓) ธรรมะ (ความประพฤติชอบ) (๔) สันติ (ความสงบสุข) และ (๕) อหิงสา (ความไม่เบียดเบียน)
วิธีการคัดเลือกนักเรียน
๑.สอบคัดเลือกครั้งที่ ๑ เป็นการสอบข้อเขียนเฉพาะผู้ปกครอง เพื่อวัดทัศนคติผู้ปกครองว่ามีแนวความคิดตรงกับโรงเรียนหรือไม่ เพื่อการพัฒนาเด็กร่วมกัน
๒.สอบคัดเลือกครั้งที่ ๒ เข้าค่ายสอบสัมภาษณ์ผู้ปกครองและนักเรียน เพื่อให้ทดลองใช้ชีวิตในโรงเรียน เพื่อพิจารณาว่าจะให้บุตรหลานเรียนหรือไม่ และเป็นการทดสอบเด็ก
โรงเรียนได้จัดกิจกรรมการเรียนการสอนและการพัฒนาผู้เรียนโดยจัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของผู้เรียน เน้นกระบวนการคิดวิเคราะห์ การปฏิบัติจริง เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำไปสู่การปฏิบัติในชีวิตประจำวันได้ เช่น การเรียนวิชาคุณค่าความเป็นมนุษย์โดยโรงเรียนจะกำหนดหัวข้อคุณธรรมประจำสัปดาห์เพื่อออกแบบกิจกรรมที่สอดคล้องกับคุณธรรมดังกล่าวให้นักเรียนได้เรียนรู้และจัดกิจกรรมให้เหมาะสมกับวัยของนักเรียน กิจกรรมด้านความซื่อสัตย์ (สวดมนต์ สมาธิ นิทาน ร้องเพลงและเกมด้านคุณธรรม) โดยให้นักเรียนได้สะท้อนความคิดของตนเอง การบูรณาการหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในกลุ่มสาระการเรียนรู้ การเรียนการสอนแบบโครงงาน และจัดบรรยากาศและสภาพแวดล้อมในโรงเรียนให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ส่งเสริมและพัฒนาการแสวงหาความรู้การประดิษฐ์ ค้นคว้า ทดลองต่างๆ เช่น พลังงานทดแทน แหล่งการเรียนรู้เรื่องน้ำกับคุณค่าความเป็นมนุษย์ แหล่งการเรียนรู้เกษตรธรรมชาติ เช่น บ้านประหยัดพลังงาน บ้านลอยน้ำ โรงงานผลิตก๊าซธรรมชาติ การผลิตไบโอดีเซลใช้ภายในโรงเรียน การปลูกพืชและข้าวไว้บริโภคในโรงเรียนโดยใช้ระบบเกษตรอินทรีย์ เป็นต้น โดยมีหน่วยงานภาครัฐให้การสนับสนุน เช่น กระทรวงพลังงาน
การเชื่อมโยงของการใช้หลักวิจารณญาณกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ได้มองทั้งมิติวัตถุ มิติวัฒนธรรม มิติสิ่งแวดล้อม มิติทางสังคม โดยใช้ความพอประมาณ ความมีเหตุผล ความมีภูมิคุ้มกันในตัวที่ดี เป็นหลักคิดให้แก่เด็กนักเรียน ให้นักเรียนได้พิจารณาว่าสิ่งนั้นดีกับตัวเองหรือไม่ และดีกับทุกคนทุกสิ่งหรือไม่ ซึ่งนักเรียนได้ทั้งความรู้และคุณธรรม
โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ลพบุรีในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
โรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ลพบุรี ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นโรงเรียนที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติและน้อมรำลึกถึงพระเมตตาและพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีที่ทรงห่วงใยและสนพระทัยในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเหล่าพสกนิกร โดยส่งเสริมการเรียนรู้ มุ่งพัฒนาผู้เรียนเป็นคนดี มีคุณธรรมนำความรู้ ดำเนินชีวิตตามแนววิถีพุทธ สร้างจิตสำนึกรักความเป็นไทย และวิถีชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่นักเรียนทุกคน ทั้งนี้ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการธำรงรักษาประเทศชาติ ตลอดจนพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของคนไทยทุกคน ตามพระราชปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
โรงเรียนจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๐ บนที่ดินขนาดกว่า ๑๖๐ ไร่ ที่ได้รับบริจาคจากนายสรสินธุ ไตรจักรภพ ประธานกรรมการบริษัทเพชรชโลธร จำกัด ปัจจุบันมีนายวรเทพ หอมจันทร์ ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน มีคณะครูและบุคลากรทางการศึกษา จำนวน 33 คน และนักเรียน รวมจำนวนทั้งสิ้น 277 คน ทั้งนี้ โรงเรียนได้พัฒนากระบวนการปลูกฝังให้นักเรียนเกิดความตระหนักในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ โดยเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สังคมด้วยการจัดการเรียนการสอนแบบสหศึกษา โดยรับนักเรียนอยู่ประจำตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๖
๑.นโยบายของโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ ลพบุรี ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
๑.๑ วิสัยทัศน์ (VISION)
“ภายในปี 2564 ผู้เรียนได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาต่างประเทศ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม มีทักษะการดำรงชีวิตตามแนววิถีพุทธและความเป็นอยู่ที่ดีบนพื้นฐานของความเป็นไทย มีระเบียบวินัย มีคุณธรรมนำความรู้ สืบสานงานพระราชดำริตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง”
๑.๒ พันธกิจ (MISSION)
๑.๒.๑ ส่งเสริมการจัดการศึกษาให้ผู้เรียนได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพ ด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาต่างประเทศ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม
๑.๒.๒ พัฒนาคุณภาพการศึกษาของผู้เรียนให้สูงกว่าประเทศ
ทุกกลุ่มสาระ
๑.๒.๓ พัฒนาผู้เรียนให้เป็นผู้มีทักษะการดำรงชีวิตบนพื้นฐานของความเป็นไทย มีระเบียบวินัย มีคุณธรรม นำความรู้ ตามหลักสูตรและค่านิยมหลักของคนไทย 12 ประการ
๑.๒.๔ ปลูกฝังให้ผู้เรียนดำเนินชีวิตตามแนววิถีพุทธและหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงพัฒนาตนเองโดยยึดแนวพระราชดำริ และได้ดำเนินการในลักษณะเป็น “โรงเรียนวิถีพุทธ”
๑.๒.๕ พัฒนาสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ของผู้เรียนให้มีคุณภาพ มีความปลอดภัยและอยู่อย่างมีความสุข
๑.๒.๖ พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาให้มีความเป็นมืออาชีพ
๒. แนวทางการจัดการเรียนการสอน
โรงเรียนได้จัดการเรียนการสอนผ่านนวัตกรรมที่เรียกว่า SMART model หมายถึง “ต้นแบบแห่งปัญญา” ซึ่งเป็นการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาบูรณาการกับหน่วยการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อปลูกฝังอุปนิสัยพอเพียง ปลูกฝังคุณธรรมและพฤติกรรมจริยธรรม โดยการน้อมนำพระราชจริยวัตรของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และหลักธรรมคำสอนของศาสนามาเป็นแนวทางในการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมให้กับนักเรียนการส่งเสริมและสนับสนุนศักยภาพของนักเรียนให้มีความเป็นเลิศทางวิชาการมีความตั้งใจเพียรพยายามในการแสวงหาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ทั้งภายในและภายนอกโรงเรียน ปลูกฝังความสามารถในการควบคุมตนเองของนักเรียนให้ประพฤติปฏิบัติอย่างมีระเบียบแบบแผน เคารพปฏิบัติตามกฎหรือข้อบังคับของสังคม รู้จักใช้สิทธิและหน้าที่ของตนเอง ปลูกฝังความภาคภูมิใจ และเห็นคุณค่าร่วมอนุรักษ์สืบทอดภูมิปัญญา ประเพณีศิลปวัฒนธรรม ความกตัญญูกตเวที การใช้ภาษาไทยในการสื่อสารได้อย่างถูกต้องเหมาะสม การจัดการเรียนการสอนตามทฤษฎีคอนสตรัคส์ติวิส การเรียนรู้โดยเน้นประสบการณ์สะท้อนความคิดอย่างสร้างสรรค์ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่สามารถสร้างองค์ความรู้ใหม่ กระบวนการเรียนรู้ใหม่ที่เน้นการปฏิบัติจริงตามสภาพจริง ซึ่งผู้เรียนสามารถนำความรู้ทักษะประสบการณ์ที่ได้รับไปใช้ในการดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสม มีคุณภาพ ตลอดจนสามารถเป็นผู้นำเยาวชนในการพัฒนาสังคมตามพระราชจริยวัตรของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีได้อย่างยั่งยืนนอกจากนี้ยังมีการหล่อหลอมปลูกฝังพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี โดยระลึกนึกถึงและกตัญญูต่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า อยู่ตลอดเวลาด้วยการให้นักเรียนได้รับการศึกษาหลักสูตรท้องถิ่นเฉพาะของโรงเรียนสู่การเป็นนักเรียนที่ดีการเป็นหลานย่าที่สมบูรณ์แบบด้วยการสร้างฉลากระบุอัตลักษณ์บุคคลหรือฝัง “Clip” ซึ่งเป็นกระบวนการใช้ประโยชน์หรือคำถาม ในการพัฒนาการคิดซึ่งจะช่วยกระตุ้นหรือเร้าความสนใจของผู้เรียนเกิดกระบวนการคิดหลากหลายรูปแบบ การฝังคลิปให้นักเรียนของโรงเรียนด้วยประโยคที่ว่า “เราคือหลานสมเด็จย่า” ไม่ว่านักเรียนจะประพฤติปฏิบัติสิ่งใดพึงระลึกอยู่เสมอว่าเราคือหลานสมเด็จย่า ตลอดจนจัดกิจกรรมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ตามรอยสมเด็จย่า เช่น การเรียนรู้ผ่านกิจกรรมจิตอาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (จอ.สว) ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ปลูกฝังให้นักเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ มีน้ำใจและจิตสาธารณะ รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ รู้จักการเสียสละเพื่อสังคม สร้างความสามัคคี สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ตามแบบอย่างของสมเด็จย่า
(อ่านต่อฉบับหน้า)
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ถนนอู่ทองใน ดุสิต กทม. 10300 email : dek_senate@hotmail.co.th หรือ Facebook: กมธ.พัฒนาสังคม
หรือ กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็กฯ วุฒิสภา โทร.02-831-9225-6 แฟกซ์ 02-831-9226
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี