เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเราไขข้อสงสัยเกี่ยวกับโรคผิวหนังในสัตว์เลี้ยงไปบางส่วนแล้วนะครับ วันนี้ลงมาคุยกันเกี่ยวกับโรคผิวหนังกันต่อครับ
ข้อข้องใจที่ 5 อาหารที่กิน มีผลกับผิวหนังของสุนัขหรือไม่ ?
ได้ตอบไปคร่าวๆ แล้ว ในข้อของใจที่ 4 แต่จะขอย้ำอีกครั้งว่า “อาหารมีผลต่อผิวหนังสุนัขครับ” เนื่องจากสารอาหารต่างๆ เช่น โปรตีน ไขมัน วิตามิน และเกลือแร่ต่างๆ เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ผิวหนังสุขภาพดี และมีเส้นขนเป็นมันเงางาม การเลี้ยงสุนัขด้วยอาหารที่ไม่มีคุณภาพ หรือขาดความสมดุลขององค์ประกอบ สามารถทำให้ผิวหนังแห้ง ขาดความชุ่มชื้น ขนร่วง หรือมีสะเก็ดตามตัวได้
อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญก็คือ กรณีที่สัตว์ที่เป็น “โรคภูมิแพ้อาหาร” โรคนี้จะทำให้เกิดอาการคัน สุนัขมักจะเกาจนผิวหนังแดง ซึ่งส่วนมากมักมีสาเหตุมาจากการแพ้โปรตีนที่มาจากสัตว์ การแก้ไขที่ถูกต้องคือ ต้องเปลี่ยนอาหารที่ให้ เป็นอาหารพิเศษสำหรับสุนัขที่เป็นโรคภูมิแพ้ หรือเปลี่ยนแหล่งโปรตีนของอาหาร เช่น หากตรวจพบว่า เป็นการแพ้โปรตีนจากเนื้อไก่ ก็ให้เปลี่ยนไปใช้อาหารสูตรเนื้อปลา เนื้อแกะ เนื้อหมู หรือเนื้อสัตว์ชนิดอื่นแทน
ข้อข้องใจที่ 6 มีความจำเป็นที่เจ้าของต้องทำความสะอาดหูให้สัตว์เลี้ยงหรือไม่?
ต้องเรียนให้ทราบก่อนว่าผิวหนังบริเวณด้านในช่องหูนั้น จะมีการผลิตสารที่มีลักษะเป็นไขมันเคลือบช่องหู ซึ่งเป็นกลไกการป้องกันตนเองตามธรรมชาติ ซึ่งนั่นก็จะกลายไปเป็นขี้หูนั่นเอง ดังนั้นเจ้าของสัตว์เลี้ยงควรเช็ดหรือล้างทำความสะอาดหูให้สัตว์เลี้ยงเป็นประจำ อาจทำสัปดาห์ละครั้ง เช่นเดียวกับการอาบน้ำก็ได้ โดยเฉพาะที่สุนัขที่ช่องหูมีการผลิตคราบไขมันในหูมากๆ และไม่เคยล้างได้รับการล้างทำความสะอาดเลย ก็อาจทำให้เกิดสภาวะที่ง่ายต่อการติดเชื้อ ทำให้เกิดโรคหูอักเสบตามมาได้
การทำความสะอาดช่องหู จะมี 2 ระดับคือ การเช็ดทำความสะอาด และการล้างช่องหูด้วยน้ำยาล้างหู
การเช็ดหูอาจทำได้เป็นประจำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง โดยใช้สำลีหรือผ้าก๊อซชุบน้ำยาล้างหูเช็ดบริเวณใบหูด้านในหรือช่องหูส่วนนอก โดยใช้นิ้วมือของเรา ซึ่งจะไม่ต้องกังวลว่าจะทำให้สุนัขเจ็บ เนื่องจากเราจะกำหนดความรุนแรงได้ ส่วนบางท่านอาจใช้ก้านสำลีทำแผล (ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่กว่าที่เช็ดทำความสะอาดหูของคน) เช็ดก็ได้ แต่ต้องระวังจะเกิดอันตราย เนื่องจากสุนัขมักจะเจ็บ และไม่ชอบให้ทำกิจกรรมอะไรในหูเพราะจะรู้สึกวิตกและกลัว จนอาจสะบัดทำให้เกิดอันตรายได้ครับ
การล้างหูที่ถูกวิธีมีความสำคัญมาก ซึ่งเจ้าของสัตว์เลี้ยงสามารถทำเองที่บ้านได้ แต่ควรปรึกษาวิธีที่ถูกต้องจากสัตวแพทย์ก่อน เนื่องจากหูเป็นอวัยวะที่สำคัญ บอบบาง และมีความละเอียดอ่อน และลักษณะทางกายวิภาคของช่องหูสัตว์จะแตกต่างจากของคนด้วย นอกจากนี้ การล้างหูด้วยน้ำยาล้างหูในสุนัขและแมว ต้องมั่นใจว่าเรานำน้ำยาที่ใส่เข้าไปออกมาจนหมดจะไม่ได้กลายเป็นการใส่ของเหลวขังน้ำไว้ในช่องหูด้วยครับ
ความถี่ในการทำความสะอาดหูนั้น จะมีความแตกต่างกันในแต่ละสายพันธุ์ตามลักษณะของใบหู เช่น สุนัขสายพันธุ์ที่มีใบหูใหญ่ ใบหูตก และขนยาว เช่นบาสเซ็ทฮาวนด์ บีเกิ้ล ชิห์สุ หรือพุดเดิ้ล อาจต้องทำความสะอาดบ่อยกว่าพันธุ์ที่มีขนสั้น ใบหูเล็กและหูตั้ง เช่น ชิวาวา สุนัขไทย หรือแจ็ครัสเซลล์ เนื่องจากใบหูตก จะมีการระบายอากาศได้ไม่ดี มีโอกาสหมักหมมเชื้อโรคได้ง่ายกว่าครับ
ส่วนสุนัขที่มีขนในช่องหูมากๆ เช่นพุดเดิ้ลก็มีความจำเป็นที่ต้องถอนขนในช่องหู เพราะอาจเป็นที่สะสมของความชื้นและเชื้อโรคได่ง่ายด้วย แต่การถอนขนหูนั้น ควรศึกษาและรับการแนะนำจากสัตวแพทย์ให้ดีก่อนด้วย เนื่องจากในหูของสุนัขมีส่วนนูนที่ลักษณะเป็นติ่งเป็นก้อนหลายจุด ดังนั้นหากใช้อุปกรณ์ที่หนีบขนไปโดนติ่งในหู อาจทำให้เกิดแผลหรือเกิดการบาดแผลได้ และจะทำให้เกิดปัญหาตามมามากขึ้นด้วยครับ
ข้อข้องใจที่ 7 หากสุนัขหรือแมวที่เลี้ยงอยู่เป็นเชื้อรา ต้องดูแลรักษาอย่างไร สามารถติดคนได้หรือไม่ ?
การรักษาเชื้อราที่ผิวหนัง อาจต้องใช้กระบวนการและขั้นตอนในการรักษาหลายวิธีประกอบกัน นอกจากการกินยาฆ่าเชื้อราเช่น การใช้แชมพูอาบน้ำที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อรา การใช้ยาฆ่าเชื้อราทาภายนอก ซึ่งต้องขอเรียนว่า เชื้อราในสุนัขสามารถติดต่อสู่สัตว์เลี้ยงตัวอื่นและคนได้ ดังนั้นจึงควรแยกสัตว์เลี้ยงตัวที่เป็นเชื้อราออกจากตัวอื่นๆ รวมทั้งตัวเจ้าของสัตว์เลี้ยงเอง ก็ควรเลี้ยงทำความสะอาดบริเวณที่สัมผัสกับสัตว์ให้บ่อยครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้ติดเชื้อราจากสัตว์เลี้ยงด้วย
ข้อข้องใจที่ 8 การทาขมิ้น สามารถรักษาโรคผิวหนังได้จริงหรือไม่?
มีหลายท่านที่ใช้ขมิ้นทาตัวสุนัขที่เป็นโรคผิวหนังจนตัวเหลืองอร่ามก่อนพามาพบสัตวแพทย์ ขอเรียนว่าผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเช่นขมิ้น กำมะถัน น้ำมันมะพร้าวนั้น ไม่ก่อให้เกิดอันคราย เมื่อสัมผัสผิวหนังก็จริง แต่อาจไม่ใช่การรักษาที่ตรงสาเหตุก็ได้ (รวมทั้งยังอาจจะปกปิดหรือทำให้เห็นรอยโรคที่ผิวหนังไม่ชัดเจนอีกด้วย)
ขอเรียนให้ทราบว่าคุณสมบัติของขมิ้นนั้น มีฤทธิ์ช่วยบรรเทาอาการคัน และต้านเชื้อแบคทีเรียได้บ้าง แต่การนำมาใช้ยังต้องผ่านกระบวนการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม เพื่อให้ทราบถึงขนาดความเข้มข้น และความถี่ที่สามารถออกฤทธิ์ดังกล่าวได้ และที่สำคัญ ขมิ้นนั้น “ไม่มีฤทธิ์ในการรักษาไรขี้เรื้อน” ดังนั้น ไม่ได้ห้าม หากเจ้าของสัตว์เลี้ยงต้องการใช้ในกรณีผิวหนังมีปัญหาเพียงเล็กน้อย แต่หากใช้ขมิ้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น แนะนำให้พามาตรวจวินิจฉัยและรักษาโดยสัตวแพทย์ จะได้ทราบสาเหตุที่แท้จริงและมีแนวทางการรักษาที่ตรงจุดที่สุดครับ
ข้อข้องใจที่ 9 สุนัขที่เลียอุ้งเท้าบ่อยๆ เกิดจากสาเหตุใด ?
อาการเลียอุ้งเท้าเป็นประจำของสุนัขนั้น อาจเป็นหนึ่งในกลุ่มอาการคันที่เจ้าของสามารถสังเกตพบได้บ่อยไม่แพ้เรื่องอื่นๆ ส่วนความจำเป็นในการรักษาขึ้นกับความรุนแรง หากมีอาการเลียเท้าเป็นครั้งคราว แล้วพบว่าผิวหนังดูปกติดี ก็อาจเป็นเพียงพฤติกรรมของสุนัข ซึ่งปล่อยไว้ หรือเบี่ยงเบนให้สุนัขสนใจเล่นของเล่นอื่นก็อาจลดพฤติกรรมการเลียไปได้ แต่หากมีอาการเลีย หรือแทะอุ้งเท้าตลอดเวลา จนผิวหนังแดง อักเสบ หรือมีการติดเขื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราแทรกซ้อน ก็ควรพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาต่อไปครับ
ข้อข้องใจที่ 10 สุนัขที่เป็นโรคผิวหนัง จำเป็นต้องโกนขนหรือไม่?
กรณีที่สุนัขและแมวมีปัญหาที่ผิวหนัง ต้องพิจารณาก่อนว่า เนื่องจากสุนัขและแมวเป็นสัตว์ที่มีขนปกคลุม อาจปกิด บดบังการสังเกตุ หรือเป็นตัวกั้นทำให้อากาศผ่านเข้าไปที่ผิวหนังได้ยาก ในทางทฤษฎี จึงแนะนำให้โกนขนบริเวณนั้น เพื่อให้เห็นรอยโรคที่ผิวหนังชัดเจน และช่วยให้ยาที่ทาผิวหนังเข้าถึงรอยโรคที่ผิวหนังได้ง่ายและตรงตำแหน่งที่สุด ที่สำคัญยังช่วยลดความอับชื้นของผิวหนังลง (เนื่องจากระบายอากาศได้ดีขี้น) ส่งผลให้การรักษาหายเร็วขึ้น แต่ในกรณีของการติดเชื้อรา อาจต้องพิจารณาเรื่องการโกนขนเป็นพิเศษ เนื่องจากการโกนขนนั้น อาจทำให้สปอร์เชื้อราแพร่กระจายได้ ดังนั้นเมื่อตัดหรือโกนขนบริเวณที่เป็นเชื้อราออกแล้ว ควรเก็บกวาดอย่างรวดเร็วและเก็บทิ้งให้มิดชิดครับ
หวังว่าทั้งการตอบข้อข้องใจทั้ง 10 ข้อนี้ คงจะช่วยให้เจ้าของสัตว์เลี้ยงได้คลายความสงสัยลงไปได้บ้างนะครับ สำหรับท่านที่ต้องการปรึกษาเกี่ยวกับผิวหนังสัตว์เลี้ยง สามารถติดต่อได้ที่ คลินิกโรคผิวหนัง โรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โทรศัพท์ 02-218-9751 ครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร. ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี