วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
วันนี้จะขอคุยกันต่อเนื่องจากสัปดาห์ก่อนคือ ผลกระทบของพายุครั้งใหญ่ที่ทำให้เกิดน้ำท่วมในภาคอีสาน ทำให้ทั้งเจ้าของและสัตว์เลี้ยงได้รับผลกระทบตามมา ซึ่งเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้ 2 เรื่องที่ได้กล่าวมาแล้ว นั่นก็คือ “โรคติดเชื้อที่ระบบทางเดินอาหารและอาการท้องเสียครับ”
ท้องเสีย เป็นอาการที่พบได้บ่อยและสร้างความวิตกให้กับเจ้าของได้อย่างมาก เนื่องจากสภาพสัตว์ที่อ่อนเพลีย ประกอบกับกลิ่นและกองอุจจาระที่ทำให้เกิดความไม่น่าดู ที่ได้ฝากรอยไว้ตามพื้นบ้านและสนาม เป็นเหตุให้ต้องทำความสะอาดกันยกใหญ่
โดยปกติ สุนัขและแมวจะถ่ายอุจจาระประมาณ 1-2 ครั้งต่อวัน ซึ่งถ้ามีการถ่ายมากกว่านั้น และอุจจาระมีลักษณะเหลวกว่าปกติ เราก็จะจัดว่าสัตว์มีอาการท้องเสีย ซึ่งใช้การสังเกตจาก “จำนวนครั้งของการถ่าย” และ “ลักษณะของอุจจาระ” รวมถึง “อาการอ่อนเพลียของสัตว์”ก็พอจะใช้เป็นตัวบ่งชี้ได้ แต่ในบางครั้งเราอาจไม่เห็นกองอุจจาระโดยตรงเนื่องจากเจ้าตูบ เจ้าเหมียวไป “แอบไปถ่าย” ในที่ลับตา ดังนั้นการสังเกตจาก “ขนบริเวณก้นที่เปรอะเปื้อน” ก็พอจะบอกถึงภาวะท้องเสียได้ครับ
ความรุนแรงของอาการท้องเสียนั้น อาจเริ่มจาก “ลักษณะของอุจจาระมีเนื้อเหลวมากขึ้น” คล้ายเนื้อยาสีฟัน หรือสังขยา (ที่ทาขนมปัง) จนถึง “ถ่ายพุ่งเป็นน้ำ” ซึ่งในรายที่มีสภาพการอักเสบของลำไส้อย่างรุนแรง อาจมีอาการถ่ายพุ่งและมีเลือดปน มีกลิ่นคาว และมักมีอาการอาเจียนร่วมด้วย ซึ่งต้องรีบนำไปพบสัตวแพทย์โดยด่วน เนื่องจากการเสียน้ำในร่างกายปริมาณมาก จะทำให้เกิดภาวะช็อก และตายได้โดยเฉพาะลูกสัตว์ซึ่งความทนทานต่อโรคต่ำ
สาเหตุ :
ของการท้องเสียนั้น มักเกิดจากการติด “เชื้อโรค” ที่ปนเปื้อนมาในน้ำแฉะๆ ที่ขังตามพื้น จากอุจจาระของสัตว์ป่วย ซึ่งเชื้อเหล่านั้นได้แก่ พยาธิ เชื้อแบคทีเรีย บิด โปรโตซัว หรือไวรัส โดยตัวที่ทำอันตรายอย่างมาก คือเชื้อ “ไวรัสลำไส้อักเสบ (parvovirus)” ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
การรับเชื้อ :
ก็เกิดจากการกินสิ่งที่ปนเปื้อนในอาหารหรือน้ำ พบได้บ่อยที่เจ้าตูบหรือเจ้าเหมียวออกไปเดินย่ำพื้นที่มีน้ำขังซึ่งมีเชื้อโรคปนอยู่ และด้วยพฤติกรรมที่รักสะอาดของเขา จะไม่ชอบให้เท้าและตัวเปียกเลอะเทอะ ดังนั้นเมื่อกลับเข้าบ้านก็มักจะทำความสะอาดตัวเองโดยการเลียเท้าที่เปียกให้แห้ง (ซึ่งไม่ได้ล้างมือ-ล้างเท้า แล้วเช็ดแห้งเหมือนในคน) ทำให้รับเอาเชื้อโรคที่ปนเปื้อนเข้าไปโดยการกินนั่นเอง
เมื่อสัตว์เลี้ยง “เริ่ม” มีอาการท้องเสีย แต่ยังคงกินอาหารได้ดี รวมถึงยังแข็งแรงวิ่งเล่นได้ตามปกติ สิ่งที่เราอาจช่วยเหลือได้เบื้องต้นคือ ใช้ผงเกลือแร่ “ORS”(Oral Rehydration Salt) ที่เราใช้ทดแทนการเสียเหงื่อหรือท้องเสียนั่นเอง ผสมน้ำให้สุนัขกิน เพื่อชดเชยการเสียเกลือแร่จากการถ่าย ให้หลีกเลี่ยงการกินนม และให้งดอาหารสัก 1-2 มื้อเพื่อพักทางเดินอาหาร แต่ถ้ายังถ่ายเหลวหรือมีอาการอื่นร่วม ก็ต้องรีบพาไปพบสัตวแพทย์ได้เลย
ส่วนในกรณีที่เป็นมาก มีการอาเจียน ถ่ายมีเลือดปน และสัตว์อ่อนเพลียมาก เรา“ไม่ควร” ป้อนน้ำหรือยาอะไรเลย เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้ระคายเคืองทางเดินอาหาร ทำให้อาเจียนมากขึ้นอีก ควรรีบพาไปพบสัตวแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อรับการรักษาในช่องทางของยาฉีด เนื่องจากสุนัขมีโอกาสเสียชีวิตเนื่องจากการติดเชื้อโรคลำไส้อักเสบจากเชื้อ parvovirus ได้
การตรวจวินิจฉัย :
สัตวแพทย์จะทำการตรวจอุจจาระของสัตว์ป่วยโดยกล้องจุลทรรศน์เพื่อหาสาเหตุของการท้องเสีย ซึ่งได้แก่ ไข่พยาธิ ปรสิต หรือโปรโตซัวต่างๆ หรือสาเหตุอื่น เช่น ไวรัสลำไส้อักเสบ โดยชุดทดสอบที่สามารถตรวจพบได้อย่างแม่นยำ นอกนั้นก็อาจทำการตรวจค่าเลือดอื่นๆ เพื่อนำไปประกอบการวินิจฉัยและการรักษาด้วย
การป้องกัน :
ท่านเจ้าของสัตว์สามารถป้องกันได้โดยหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนเชื้อในอาหารและน้ำดื่ม ซึ่งทำได้ดังนี้
- ล้างภาชนะใส่อาหารและน้ำให้สะอาดอย่างสม่ำเสมอ
- ป้องกันไม่ให้นก หนู หรือสัตว์อื่นมาเกาะชามอาหาร เนื่องจากสัตว์เหล่านั้นอาจเป็นพาหะนำโรค จากการสัมผัสอุจจาระสัตว์ที่ป่วยมาก่อน แล้วมาแพร่เชื้อที่ชามอาหารของเจ้าตัวน้อยของเราก็ได้
- สำหรับบ้านที่ให้อาหารสด ควรใช้อาหารที่ปรุงสุก ส่วนอาหารเม็ดก็ควรเก็บในที่แห้งและสะอาด
- บางท่านจะให้สุนัขกินโยเกิร์ตในปริมาณน้อยเป็นประจำ (วันละ 1-2 ช้อน) เพื่อเป็นการเพิ่มปริมาณแบคทีเรียที่มีประโยชน์ในกระเพาะและทางเดินอาหารจะช่วยป้องกันท้องเสียได้
- เวลาเจ้าตัวเล็กเดินย่ำบริเวณที่มีน้ำท่วมขังมา ให้ล้างเท้าและเช็ดทำความสะอาดให้แห้ง เพื่อไม่ให้เขาเลียตัวเอง
ถ้าเราทำได้ตามนี้แล้ว ก็จะเป็นการช่วยป้องกันเจ้าตัวน้อยของเราจากอาการท้องเสียได้ครับ และที่สำคัญ การฉีดวัคซีนรวมเป็นประจำ ตามตารางของสัตวแพทย์ ก็จะเป็นการป้องกันโรคลำไส้อักเสบที่รุนแรงที่เกิดจากจากเชื้อไวรัส ซึ่งช่วยป้องกันการเจ็บป่วยและการสูญเสียได้ดีเป็นอย่างดีทีเดียวครับ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ฝ่ายประชาสัมพันธ์และส่งเสริมภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

'อ.เจษฎ์'มาเอง! เปิด7ข้อเคลียร์ความเชื่อผิดๆปมดื่มนมไทย เปิดวาร์ปนมไทยที่เป็นนมโคแท้
'ปราชญ์ สามสี'ฟาด! 'พรรคส้ม' ใช้ 'สองมาตรฐาน' โจมตีกองทัพ แต่ปัดรับผิดคดีในพรรค
ผีตายยาก!เดอ ลิกต์ โขกทดเจ็บบุกแบ่งแต้มไก่
'กัน จอมพลัง' ควงลูกเมียเปิดใจน้ำตาซึม เผยความผิดพลาด เอาเวลาครอบครัวไปช่วยคนอื่น
'กัมพูชา'ขยับแรง! บุกทลาย2รังใหญ่แก๊งสแกมเมอร์ รวบผู้ต้องหากว่า600คนส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี