โรคมะเร็งเต้านมเป็นมะเร็งที่พบบ่อยในสตรีเป็นอันดับแรกของประเทศไทย และทั่วโลกโดยพบมากในสตรีที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปี ขึ้นไปมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้นมักไม่มีอาการแสดง จึงจำเป็นที่จะต้องตรวจค้นหาด้วยการคลำเต้านม และตรวจด้วยเครื่องมือเฉพาะที่เรียกว่า การตรวจแมมโมแกรม
การตรวจแมมโมแกรม เป็นการตรวจทางรังสีชนิดหนึ่ง คล้ายกับการเอกซเรย์ เครื่องตรวจแมมโมแกรมจะเป็นเครื่องมือเฉพาะ ที่ใช้รังสีในปริมาณน้อยถ่ายภาพเต้านมในลักษณะที่เต้านมถูกกดให้แบนราบให้เนื้อเต้านมกระจายตัวออก ทำให้เห็นความผิดปกติได้ชัดเจนขึ้น และลดปริมาณรังสีที่จะได้รับ
ในการตรวจแมมโมแกรม โดยทั่วไป จะถ่ายรูปเต้านมด้านละ 2 รูป โดยการบีบเนื้อนมเข้าหากันและถ่ายรูปจากด้านบน และ ด้านข้างอย่างละหนึ่งรูปรวมการตรวจแมมโมแกรมในระบบมาตรฐาน 4 รูปในกรณีที่พบจุดสงสัย อาจมีการถ่ายรูปเพิ่มหรือ ขยายรูป เพื่อให้เกิดความชัดเจน
การเตรียมตัวก่อนการตรวจแมมโมแกรม
- ควรหลีกเลี่ยงการตรวจแมมโมแกรมในช่วงสัปดาห์ก่อนที่มีประจำเดือน เพราะเป็นช่วงที่หน้าอกคัดตึงและขยาย อาจช่วยให้เจ็บหน้าอกน้อยลงและถ่ายภาพเอกซเรย์เต้านมได้ดีขึ้น
- แนะนำให้ตรวจหลังมีประจำเดือน 7-10 วัน
- ผู้ที่มีการเสริมหน้าอกต้องแจ้งผู้ตรวจล่วงหน้าว่ามีการเสริมหน้าอก
- ควรแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะดวกต่อการถอดเปลี่ยนก่อนการเอกซเรย์บริเวณเต้านม
- ไม่ควรฉีดน้ำหอม ทาโลชั่น แป้ง หรือโรลออนใดๆ บริเวณระหว่างช่วงแขนลงไปจนถึงหน้าอกก่อนการตรวจแมมโมแกรม ซึ่งอาจทำให้เกิดความคลาดเคลื่อนในการถ่ายภาพได้
- ในกรณีที่มีการตรวจแมมโมแกรมในสถานพยาบาลหรือโรงพยาบาลแห่งใหม่ ควรมีการขอแฟ้มประวัติการตรวจแมมโมแกรมเดิมไปให้แห่งใหม่เพื่อการเปรียบเทียบผลการตรวจที่แม่นยำ
ข้อห้ามในการตรวจแมมโมแกรม
หญิงตั้งครรภ์หรือมีความเป็นไปได้ในการตั้งครรภ์อาจได้รับผลกระทบจากการตรวจแมมโมแกรมเนื่องจากขั้นตอนการตรวจที่ทำให้ร่างกายได้รับรังสี แม้ว่าระดับรังสีจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ แต่ก็มีโอกาสกระทบต่อการพัฒนาของทารกในครรภ์ จึงควรมีการแจ้งแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ฉายรังสีก่อนทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของทารกในครรภ์
ข้อจำกัดของการตรวจแมมโมแกรม
เนื่องจากเนื้อเยื่อภายในเต้านมของผู้หญิงมีความหนาแน่นที่แตกต่างกัน ตามกรรมพันธุ์เชื้อชาติ และ อายุ คนที่เนื้อเต้านมหนาแน่นมากอาจทำให้บดบังก้อนมะเร็ง หรือมองเห็นผิดพลาดจากเนื้อดีกลายเป็นมะเร็งได้
แพทย์จึงมักแนะนำให้มีการตรวจด้วยวิธีการอัลตราซาวนด์ควบคู่กับแมมโมแกรม เพื่อให้ชัดเจนขึ้น
การตรวจแมมโมแกรมควรทำเมื่อไร?
- การตรวจแมมโมแกรมสำหรับคนทั่วไปแนะนำให้ทำเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป โดยทำปีละครั้ง
- แต่ในกรณีที่มีความเสี่ยงสูง เช่น มีกรรมพันธุ์มะเร็งเต้านมในครอบครัว ควรเริ่มต้นค้นหาเร็วกว่าปกติ 5-10 ปี
การตรวจแมมโมแกรมมีอันตรายหรือไม่?
การตรวจแมมโมแกรมมีรังสีในปริมาณน้อย ในระดับที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใด
ทำอัลตราซาวนด์แทนแมมโมแกรมได้หรือไม่?
สิ่งที่แมมโมแกรม สามารถตรวจพบ และดีกว่าการตรวจวิธีอื่น ก็คือ สามารถเห็นจุดหินปูนในเต้านม ซึ่งในบางครั้ง มะเร็งเต้านม อาจมีขนาดเล็กมาก คลำก็ไม่พบ ตรวจอัลตราซาวนด์ก็ไม่พบ สามารถตรวจพบได้เฉพาะในการตรวจแมมโมแกรมเท่านั้น
ดังนั้น แมมโมแกรม จึงมีประโยชน์ในการตรวจหามะเร็งเต้านมขนาดเล็ก และเป็นวิธีค้นหามะเร็งเต้านมในระยะเริ่มต้นที่เป็นมาตรฐานทั่วโลก
พ.ญ.เกวลิน รังษิณาภรณ์ ราชวิทยาลัยรังสีแพทย์แห่งประเทศไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี