คนไม่อยากเป็นคนโง่ เวลามีใครมาว่าโง่ เรามักจะโกรธ หาว่าเขาด่าเรา

แต่ความจริงแล้วคนเราก็โง่ทั้งนั้น โง่ในแง่มุมต่างๆ กัน บางคนรู้มากในบางสิ่งบางอย่าง รู้ดีเสียด้วย แต่บางอย่างก็ไม่รู้เลย แถมไม่ใส่ใจอีกด้วย

แต่การจะทำให้คนรู้หมดทุกอย่างนั้นก็เป็นไปไม่ได้คนจึงยังต้องมีความไม่รู้ปนอยู่ทุกคน มากน้อยต่างกัน ในทางพุทธศาสนาบอกว่าคนเรายังต้องมีความไม่รู้ (อวิชชา) อยู่ทั้งนั้น และเป็นความไม่รู้ในเรื่องของการดำเนินชีวิต ด้านความคิด จิตใจ มากกว่าความไม่รู้ทางด้านเทคโนโลยี

ความโง่หรืออวิชชาที่สำคัญในทางพุทธหมายถึงการมีความโลภ โกรธ หลง ถ้าลด 3 ตัวนี้ได้คนก็จะฉลาดขึ้น ลดความโง่ลง

การจะลดได้ก็ต้องทำสมาธิบ่อยๆ ฟังธรรมบ่อยๆ ถือศีลกำกับไปด้วย จะเกิดปัญญาได้มากขึ้น ลดความโง่หรืออวิชชาลงได้ จะไม่ยึดติดกับโลภ โกรธ หลงอีกต่อไป

ถ้าเป็นในแนวคริสเตียนถือว่าความทุกข์ของมนุษย์มาจาก

1. ความโง่ 2. ความจน (จนทรัพย์ และ จนมิตร) 3. โรคภัยไข้เจ็บ 4. ความบาป ความชั่ว 5. ผี มาร ซาตานมาแกล้ง

คำสอนของพระเจ้าจะทำให้มนุษย์พ้นจากความทุกข์จาก 5 ข้อดังกล่าวมาแล้ว

การจะพ้นจากความโง่ได้เขาสอนให้รู้ว่าจิตวิญญาณเป็นที่ให้ชีวิต เป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด มากกว่าร่างกาย เนื้อหนังมังสา รวมทั้งวัตถุ เงินทอง บ้าน ฯลฯ

เราต้องพัฒนาจิตวิญญาณให้ดี ต้องมีคุณธรรม ต้องเป็นคนดีตลอดไป ไม่ใช่มีแต่ความดี...แต่ไม่เป็นคนดี คือรู้ว่าความดีคืออะไรบ้างแต่ไม่เป็นอย่างที่รู้นั้นจริงๆ

นอกจากนี้จิตวิญญาณที่ดีต้องชื่นชมยินดีในวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า เพราะเขาเชื่อว่าวิญญาณของมนุษย์ทุกคนมาจากวิญญาณของพระเจ้า

และวิญญาณที่ดีต้องรับผิดชอบด้วย ถ้าเรามีคุณสมบัติมากก็ต้องรับผิดชอบมาก ต้องเหนื่อยมากถ้ามีคุณสมบัติน้อย ก็รับผิดชอบน้อย เหนื่อยน้อยหน่อย เราจะไม่เกี่ยง ไม่ปัดความรับผิดชอบไปจากตัว

ทั้งพุทธและคริสต์แนะวิธีลดความโง่โดยให้ความสำคัญที่ความคิด จิตใจ และจิตวิญญาณ แต่ไม่เน้นถึงวิธีให้ความรู้ทางโลกหรือทางเทคโนโลยี

ในวงการศึกษาทุกวันนี้ให้ความสำคัญในเรื่องของทางโลกและเทคโนโลยีมาก ทำให้นักเรียนให้ความสนใจเรื่องของจิตใจ ความคิด และจิตวิญญาณกันน้อยมาก

เราจึงเห็นว่าคนยิ่งเรียนมาก มีความรู้มากมี IQ สูง แต่ก็โง่มากขึ้นทุกทีๆ

ก็เพราะอย่างนี้...จึงเป็นเช่นนี้เอง