สถานการณ์ของโรคระบาดฝีดาษลิงจากวันที่ ๑๓ พฤษภาคม จนถึงวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๕ รายงานโดยองค์การอนามัยโลกในวันที่ ๔ มิถุนายน แจ้งว่า มีผู้ติดเชื้อยืนยันแล้ว ๗๘๐ รายจาก ๒๗ ประเทศสมาชิกที่ไม่ได้เป็นดงโรคฝีดาษลิง พบมากในเพศชายในกลุ่ม LGBTQ (แม้ว่าเพศชายและหญิงเสี่ยงเท่ากันที่จะติดเชื้อ) การติดต่อเกิดจากการสัมผัสอย่างแนบเนื้อทางผิวหนังต่อผิวหนัง ปากกับปากหรือผิวหนัง โดยเฉพาะขณะมีเพศสัมพันธ์ มีบุคลากรทางการแพทย์ ๑ รายติดเชื้อเมื่อตนไปรักษาผู้ติดเชื้อในระยะที่ยังไม่ทราบว่าเป็นโรคฝีดาษลิงจนถึงวันนี้ยังไม่มีผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้เสียชีวิต ส่วนสถานการณ์โรคฝีดาษลิงในทวีปแอฟริกาตั้งแต่ต้นปีนี้จนถึงวันที่ ๑ มิถุนายน พบผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อ ๑,๔๐๘ ราย ผู้ติดเชื้อยืนยันแล้ว ๔๔ ราย มีผู้เสียชีวิต ๖๖ รายจาก ๗ ประเทศที่เป็นดงโรคฝีดาษลิงในทวีปแอฟริกา
รายงานฉบับเดียวกันยังแจ้งว่า ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่อยู่ในทวีปยุโรป(๖๘๘ รายหรือร้อยละ ๘๘) อยู่ในทวีปอเมริกา ๘๐ ราย(ร้อยละ ๑๐) อยู่ในเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก ๙ ราย(ร้อยละ ๑) และอยู่ในแปซิฟิกตะวันตก(ออสเตรเลีย) ๓ ราย(น้อยกว่าร้อยละ ๑) สหราชอาณาจักรเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากที่สุดถึง ๒๐๗ ราย (ค้นดูในรายงานของสหราชอาณาจักรเองแจ้งว่า พบ ๒๒๕ รายแล้ว!!) รองลงมา ได้แก่ สเปน ๑๕๖ ราย โปรตุเกส ๑๓๗ ราย แคนาดา ๕๘ ราย เยอรมนี ๕๗ ราย เป็นต้น หากดูจำนวนผู้ติดเชื้อที่ยังเพิ่มขึ้นในรายงานมาจนถึงวันนี้ ซึ่งเลยระยะเวลาฟักตัวหนึ่งรอบที่นานที่สุดคือ ๒๑ วันแล้ว แสดงว่า ยังการมีแพร่กระจายเป็นวงเล็กต่อมาอีกหลายวงจากคนสู่คนอย่างต่อเนื่อง องค์การอนามัยโลกเชื่อว่า จำนวนที่แท้จริงของผู้ติดเชื้อยังมีมากกว่านี้แน่นอน
สาเหตุที่โรคนี้ยังแพร่กระจายต่อไปอีกหลายวง อาจจะเกิดจากโรคไม่รุนแรงถึงตายและผู้ติดเชื้อไม่ทราบว่าตนเองกำลังป่วยอยู่ หรือประชาชนยังไม่ทราบวิธีเข้มข้นในการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อ รายงานฉบับนี้ยืนยันว่า รอยโรคที่ผิวหนังหรือในปากของผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่แสดงออกมาแบบหลากหลาย ผื่นพุพองไม่ได้กระจายไปทั่วร่างกายอย่างเห็นได้ชัดเจนตามที่แสดงในรูปภาพทั่วไป ผื่น/ตุ่มขนาดเล็กพบได้ที่อวัยวะเพศและผิวหนังที่ก้นและรอบทวารหนัก ผู้ติดเชื้อบางรายพบผื่น/ตุ่มในบริเวณดังกล่าวเป็นอาการนำก่อนจะมีไข้ตามมา ลักษณะแบบนี้ชี้แนะว่าติดเชื้อขณะมีเพศสัมพันธ์ อาการอื่นที่พบร่วมด้วยได้แก่ ไข้ ต่อมน้ำเหลืองโตและเจ็บ หลายรายมีไข้เป็นอาการนำมาก่อนจะมีผื่นขึ้นที่ผิวหนัง ผู้ป่วยส่วนมากรักษาตนเองที่บ้าน มีน้อยรายที่รักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากมีอาการปวดมาก บางรายปวดตามลำคอขณะกลืนอาหาร หรือเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนที่แผล หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจากโรคฝีดาษลิง โรคนี้ไม่ได้จัดให้เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ การสวมถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์จึงไม่ช่วยลดการติดเชื้อโรคฝีดาษลิง เพราะติดเชื้อจากแผล/ผื่นที่อยู่ตามร่างกายนอกอวัยวะเพศหรือจากปากได้ เมื่อตรวจรหัสสายพันธุกรรมของเชื้อในผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้ยังคงพบว่า เป็นเชื้อสายพันธุ์แอฟริกาตะวันตก
ดังนั้น วิธีการติดต่อที่สำคัญที่สุดของโรคนี้ในขณะนี้นอกดงโรคฝีดาษคือ การสัมผัสอย่างแนบแน่นระหว่างใบหน้ากับใบหน้า ปากกับปาก(จูบกัน)หรือกับผิวหนัง ปากกับอวัยวะเพศผิวหนังกับผิวหนังในขณะมีเพศสัมพันธ์ แผลอาจจะอยู่ที่ริมฝีปากหรือผิวของเยื่อบุช่องปากก็ได้ ทำให้ตรวจพบยากหรือเห็นไม่ชัด ได้นำรอยโรคที่ผิวหนังจำนวน ๖ ภาพจาก The UK Health Security Agency (UKHSA) มาให้ดู นอกจากนี้สารคัดหลั่งที่ออกมาจากปากหรือแผลที่ผิวหนัง ทำให้เชื้อออกมาปนเปื้อนกับผ้าปูที่นอน หรือของใช้ในห้องนอนได้ด้วย
เมื่อครบหนึ่งเดือนต่อจากนี้ เราจะเห็นผลว่า โลกสามารถป้องกันการแพร่กระจายของโรคฝีดาษลิงได้ดีหรือไม่? รายงานชาวต่างชาติรายใหม่ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงลดลงต่ำกว่า ๑๐ ไหม?โดยเฉพาะในเพศชายหรือกลุ่ม LGBTQ คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวด้วย หากผู้ติดเชื้อมีไข้ ผื่น/ตุ่มพุพองชัดเจนที่ผิวหนัง ต่อมน้ำเหลืองโตและเจ็บ ควรไปพบแพทย์และเก็บกักตัวเองได้จนหายดีก่อน ส่วนบางรายที่แสดงอาการไม่ตรงแบบ เช่น เห็นผื่นหรือแผลไม่ชัด แผลขนาดเล็กอาจจะอยู่ในปากหรือที่อวัยวะเพศหรือผิวหนังรอบทวารหนัก อาจจะยังไม่มีไข้หรือมีไข้ต่ำๆ กลุ่มนี้อาจจะไม่รู้ตัวว่าป่วย ดังนั้น วิธีการป้องกันการติดเชื้อที่ดีที่สุดของคนไทยในพื้นที่ท่องเที่ยวในขณะนี้ คือการงดมีเพศสัมพันธ์กับชาวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวในประเทศไทยจนกว่าการระบาดของโรคฝีดาษลิงในต่างประเทศจะสงบแล้วรัฐต้องสื่อสารเรื่องฝีดาษลิงและการป้องกันตนเองอย่างเข้มข้นในจังหวัดท่องเที่ยว ให้ทั้งประชาชนและชาวไทยทั้งชายและหญิงที่เป็นกลุ่มเสี่ยงทราบเพื่อให้ประพฤติตนให้รอดพ้นจากการติดเชื้อ การล้างมือบ่อยๆ จะช่วยลดการปนเปื้อนเมื่อจับสิ่งของที่เป็นของใช้สาธารณะ ผู้ที่สัมผัสชาวต่างชาติอย่างใกล้ชิดแล้วมีอาการคัดจมูก เยื่อบุตาแดง ให้สวมหน้ากากอนามัยแล้วมาพบแพทย์ หากตนเองคิดว่าเผลอติดเชื้อไปแล้ว เช่น มีไข้ ผื่นขึ้นและมีต่อมน้ำเหลืองโตภายใน ๒๑ วันหลังการสัมผัสอย่างใกล้ชิดแนบแน่นกับชาวต่างชาติ ให้รีบมาพบแพทย์เพื่อจะได้ให้การรักษาและคำแนะนำเป็นการส่วนตัว ถึงวิธีการป้องกันการแพร่เชื้อต่อไป เพื่อมิให้โรคฝีดาษลิงแพร่กระจายเข้าคนไทยรายต่อไป ประเทศไทยจะเสี่ยงต่อการทำให้โรคนี้กลายเป็นโรคประจำถิ่นอีก ๑ โรคเมื่อไม่สามารถหยุดยั้งการแพร่กระจายโรคฝีดาษลิงจากคนไทยสู่คนไทยในเดือนมิถุนายน นี้
จึงขอขอบคุณคนไทยทุกท่านที่ค้นหาความรู้ในโรคฝีดาษลิง ช่วยกันประพฤติตนให้พ้นภัยโรคฝีดาษลิงในจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยว ไม่ทำให้โรคนี้เข้ามาเป็นโรคประจำถิ่นในประเทศ ขอขอบคุณเป็นพิเศษ สำหรับชาวไทยที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างรู้เท่าทัน โดยเฉพาะกลุ่ม LGBTQ และป้องกันตนเองโดยงดการมีเพศสัมพันธ์กับชาวต่างชาติจนกว่าโรคฝีดาษลิงจะสงบราบคาบในต่างประเทศ รวมถึงคนไทยที่อาจจะเผลอติดเชื้อหรือเสี่ยงสูงที่ได้ทำการกักกันตนเองจนกระทั่งหายดีและปลอดจากการแพร่เชื้อ หากทุกประเทศที่ไม่ใช่ดงโรคนี้ควบคุมการแพร่กระจายของโรคจนมีสัญญาณว่า โรคจะสงบลงได้ดีเมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน ชาวไทยทุกท่านก็จะปลอดภัยจากโรคนี้อย่างแน่นอนในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๕ ครับ
สรุปว่า นาทีทองสำหรับประเทศไทยในเดือนนี้ โรคนี้ต้องจบ ไม่จ่าย ไม่แจกต่อ.....หรือว่า จะเสี่ยงกลายเป็นโรคประจำถิ่นของประเทศไทยให้คนไทยทุกท่านต้องมารับมือกับโรคนี้กันถ้วนหน้าต่อไป ผลลัพธ์จะออกมาอย่างใด ก็อยู่ในมือของคนไทยทุกท่านแล้วครับ
ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์อมร ลีลารัศมี
กรรมการแพทยสภา และ รองอธิการบดี ม.สยาม
๖ มิถุนายน ๒๕๖๕
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี