การยิ้มเป็นภาษากายที่สำคัญที่สุด เป็นการเปิดประตูของหัวใจรับความสุขและให้ความสุขแก่ผู้อื่น ถือว่าเป็นการลงทุนเพื่อให้ได้ความสุข มิตรภาพ และความรักที่ถูกและง่ายที่สุด

การยิ้มให้ดีต้องยิ้มด้วยจิตใจที่ชื่นชมคนอื่นและชื่นชมตัวเองได้ด้วย จงคิดว่าคุณยิ้มให้กับความดีของคนอื่น ส่วนที่ไม่ดีนั้นทำเป็นไม่เห็น ไม่รู้เสีย จงยิ้มอย่างสดชื่น อารมณ์ดี มีชีวิตชีวา

อย่ายิ้มเฉพาะปาก แต่จงยิ้มทั้งตัว คือยิ้มด้วยใจ ด้วยแววตา ด้วยการแสดงสีหน้าท่าทาง คุณต้องบุคลิกแบบ Open Personality คือ บุคลิกภาพแบบเปิดสัมพันธภาพกับผู้อื่น คุณต้องมองโลกในแง่ดี ทำให้ผู้อื่นและผู้ได้รับรอยยิ้มรู้สึกเป็นสุข อบอุ่น ร่าเริง เบิกบาน มีหวัง มีพลัง และกระชุ่มกระชวย

การยิ้มและหัวเราะนี้ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้าได้ผ่อนคลาย ป้องกันรอยย่นของหน้าได้ คนที่ทำหน้าเครียดหรือบึ้งตึงบ่อยๆ จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณหน้ารัดเกร็ง เกิดเป็นริ้วรอยย่นบริเวณหน้าได้ง่าย

การยิ้มยังทำให้ต่อมไร้ท่อหลั่งฮอร์โมนของความสุขเอ็นโดฟินออกมา ทำให้การสูบฉีดโลหิตดีขึ้น เส้นเลือดขยายตัว ทำให้หน้าตามีเลือดฝาด สดชื่นตามธรรมชาติได้
โดยไม่ต้องใช้ครีมทา และทำให้เกิดความสุขด้วย

เวลาเครียดสมองส่วนลิมบิค ซิสเต็ม และเซเรเบลลั่มจะถูกกด ทำให้คิดอะไรเป็นเหตุเป็นผลไม่ค่อยออก แต่ถ้ายิ้มแล้วสมองส่วนนี้จะคลายตัว ทำให้คิดอะไรได้ดีและสร้างสรรค์

คนจะยิ้มได้ดีก็ต้องมีสุขภาพกายดีและแข็งแรง นอนหลับพอเพียง กินอาหารถูกส่วน หายใจถูกต้อง มีออกซิเจนไปเลี้ยงสมองมากพอ

ลองๆ หัดยิ้มกับกระจกโดยใส่อารมณ์และความรู้สึกดีๆ ดังกล่าวเข้าไป ลองเลียนแบบคนยิ้มสวยๆ แล้วลงมือยิ้มกับผู้คนรอบข้าง เริ่มจากคนข้างๆ ตัวไปก่อน จะมีคนสนใจคุณมากขึ้นทันตาเห็นทันที

จงยิ้มให้ถูกกาลเทศะ ไม่ใช่ยิ้มไปเรื่อยๆ เหมือนคนปัญญาอ่อน ควรยิ้มเมื่อจะพูดกับผู้คนหรือต้อนรับคนอื่น ยิ้มแล้วสบตาเขาด้วย แต่ไม่ใช่จ้องตาอย่างเอาจริงเอาจัง

ลองเปลี่ยนไปมองที่มุมปากหรือจมูกของเขาบ้าง หรือมองสิ่งอื่นๆ บ้างในระหว่างสนทนา ควรยิ้มตอบ
ทุกครั้งที่เขายิ้มมา การยิ้มนั้นควรเป็นไปอย่างธรรมชาติ จริงใจ ไม่เสแสร้ง

อย่ายิ้มแบบนางงามหรือยิ้มแบบดอกไม้พลาสติก หรือยิ้มแหย ยิ้มเย้ย ยิ้มหยัน ยิ้มแสยะเลย

หันมายิ้มแย้มแบบคนมีเสน่ห์ดีกว่าครับ

จะมีคนรักและชอบคุณมากขึ้น เพราะคุณยิ้มเป็นนี่เอง