โรคที่เกิดจากการติดเชื้อรานั้น เป็นโรคผิวหนังที่พบได้บ่อยในสัตว์เลี้ยง โดยมักพบว่าเกิดจากการติดเชื้อราที่บริเวณผิวหนังชั้นบน ขนและเล็บ โรคนี้มักทำให้สัตว์มีอาการคัน ขนร่วง และที่สำคัญอย่างยิ่งคือโรคนี้สามารถติดต่อจากสัตว์มาสู่คนได้ (zoonosis) วันนี้เราจะมาคุยเรื่องโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อราในสัตว์เลี้ยงกัน ซึ่งเป็นข้อมูลที่น่าสนใจจาก อ.น.สพ. ชัยยศ ธารรัตนะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยครับ
Dermatophytosis คืออะไร
Dermatophytosis เป็นโรคผิวหนังจากเชื้อราที่สามารถก่อโรคได้ในคน
เกิดขึ้นที่ผิวหนังชั้นผิวๆ (cutaneous) ในตําแหน่งที่มีการสร้างเคราติน (Keratin) เช่น ผิวหนังชั้นนอกสุด (Stratum corneum) เส้นผม ขน และเล็บ สามารถติดต่อสู่ผู้เลี้ยงได้จากการสัมผัสโดยตรงกับสัตว์เลี้ยงที่เป็นโรค ร่วมกับสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมของผิวหนังของผู้ติดเชื้อ เช่น ผิวหนังที่เปื่อยยุ่ยจากความอับชื้น
สาเหตุของโรค
เชื้อรากลุ่มนี้ที่พบในสุนัขได้บ่อยๆ คือ เชื้อราในสกุล Microsporum และ Trichophyton ซึ่งการแบ่งจำแนกชนิดของเชื้อรา Dermatophytes นั้น สามารถแบ่งได้ตามแหล่งที่อยู่อาศัยของเชื้อรา เช่น เชื้อราชนิดที่พบตามพื้นดิน (geophilic) ตัวสัตว์ (zoophilic) และผิวหนังมนุษย์ (anthropophilic)
เชื้อราที่พบได้บ่อยที่สุดในสุนัขและแมวคือ Microsporum canis โดยเฉพาะในแมวเปอร์เซียซึ่งอาจเป็นพาหะของโรคได้โดยไม่แสดงอาการทางผิวหนัง สัตว์ป่วยมักติดเชื้อโดยการสัมผัสใกล้ชิดกับสุนัข หรือแมวที่มีการติดเชื้อโดยตรง แต่อาจติดเชื้อสปอร์ของเชื้อราที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมหรือในดินได้เช่นกัน
จะสังเกตอาการเบื้องต้นได้อย่างไร
อาการที่พบมีความหลากหลาย แต่ลักษณะที่พบได้บ่อยคือ ขนหยาบ หักง่าย ขนร่วงแบบเป็นวง โดยขอบเขตของรอยโรคค่อนข้างชัดเจน มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ 1-8 เซนติเมตร อาจมีผื่นแดงและสะเก็ดรังแคร่วมด้วย อาจพบขนร่วงเป็นหย่อมๆ หรือกระจายทั่วตัวได้
ภาพแสดงลักษณะรอยโรคที่ผิวหนังของสุนัขและแมวที่ติดเชื้อรา โดยอาจพบลักษณะขนร่วงเป็นวงอย่างชัดเจนหรืออาจมีอาการเพียงเล็กน้อยเช่น สะเก็ดรังแคบนผิวหนัง
ภาพแสดงลักษณะรอยโรคที่ผิวหนังของเจ้าของที่ติดเชื้อราจากสัตว์เลี้ยง
ภาพแสดงลักษณะรอยโรคที่ผิวหนังของสุนัขและแมวที่ติดเชื้อรา โดยอาจพบลักษณะขนร่วงเป็นวงอย่างชัดเจนหรืออาจมีอาการเพียงเล็กน้อยเช่น สะเก็ดรังแคบนผิวหนัง
ภาพแสดงลักษณะรอยโรคที่ผิวหนังของเจ้าของที่ติดเชื้อราจากสัตว์
ภาพแสดงผลจากการเพาะเชื้อราที่พบการเปลี่ยนสีของอาหารเลี้ยงเชื้อและมีโคโลนีของเชื้อราที่จำเพาะต่อโรค
การวินิจฉัยโรคทำได้อย่างไร
การวินิจฉัยโรคควรใช้หลายอย่างประกอบกัน โดย
การซักประวัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประวัติการเลี้ยงปล่อยหรือสัมผัสกับสัตว์หรือสิ่งแวดล้อมที่อาจมีเชื้อราอยู่
การตรวจร่างกาย สัตวแพทย์จะทำการตรวจร่างกายสัตว์ โดยการดูลักษณะของรอยโรคที่พบ
การตรวจทางห้องปฏิบัติการ มีการใช้วิธีอื่นๆ ช่วยวินิจฉัยโรค เช่นการดึงขนมาส่องกล้องจุลทรรศน์ และการเพาะเชื้อราบนอาหารเลี้ยงเชื้อ ซึ่งวิธีการเพาะเชื้อนั้นเป็นวิธีการที่มีความแม่นยำสูง โดยใช้เวลาประมาณ 7-14 วัน ในการอ่านผลเพาะเชื้อ
ภาพแสดงผลจากการเพาะเชื้อราที่พบการเปลี่ยนสีของอาหารเลี้ยงเชื้อและมีโคโลนีของเชื้อราที่จำเพาะต่อโรค
การรักษา
เป้าหมายของการรักษา คือ การกำจัดเชื้อราที่อยู่บนผิวหนัง และป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อไปสู่สัตว์ตัวอื่น สู่คน และป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อในสิ่งแวดล้อม
นอกจากที่สัตวแพทย์จะให้คำแนะนำในการรักษาที่ตัวสัตว์แล้ว จำเป็นต้องทำการรักษาโดยการควบคุมสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไปด้วย
ยาที่ใช้ในการรักษาโรคนี้ มีทั้งยาในรูปแบบใช้ภายนอกและยากิน การใช้ยาภายนอกนั้นมักใช้ร่วมกับการรักษาด้วยยากิน เนื่องจากการใช้ยาภายนอกเพียง
อย่างเดียว มักไม่ได้ผลดีเท่าการักษาร่วมกัน
การใช้ยาภายนอกเป็นการทำลายเชื้อราที่ติดอยู่ที่ส่วนปลายของเส้นขน และเพื่อเป็นการลดจำนวนของเชื้อราลง โดยอาจพิจารณาเลือกใช้ยาในรูปแบบของครีม สเปรย์ หรือแชมพู (ขึ้นอยู่กับลักษณะและการกระจายของรอยโรค) ที่มีส่วนผสมของตัวยาในการฆ่าเชื้อรา ส่วนการตัดขนจะช่วยให้ประสิทธิภาพในการรักษาดีขึ้น และลดการปนเปื้อนของเชื้อในสิ่งแวดล้อมด้วย
การให้ยากิน จะมีความจำเป็นในกรณีที่พบว่ามีรอยโรคกระจายอยู่หลายจุด หรือพบว่ามีรอยโรคกระจายทั่วตัว หรือใช้ในกรณีที่สุนัขที่มีขนยาว หรือกรณีที่การใช้ยาแบบภายนอกแล้วไม่ได้ผล
สัตว์ป่วยควรได้รับการรักษาจนกว่าอาการของโรคหายไป และควรทำการเพาะเชื้อเพื่อทำการประเมินประสิทธิภาพในการรักษา และยืนยันว่าสัตว์ป่วยหายจากโรคแล้ว โดยมักมีระยะเวลาของการรักษาไม่น้อยกว่า 1 เดือน
อย่างไรก็ตาม ในการรักษาสัตว์ป่วยนั้นจะมีความแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวสัตว์ สิ่งแวดล้อม และการดูแลของเจ้าของสัตว์ป่วยตามคำแนะนำของสัตวแพทย์ ดังนั้น หากสัตว์เลี้ยงของท่านมีอาการคัน เกา ขนร่วง มีรอยโรคที่ผิวหนังล่ะก็ รีบพาไปพบสัตวแพทย์เพื่อทำการรักษาตั้งแตาเนิ่นๆ นะครับ
“หมอโอห์ม”
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี