เมื่อสัตว์เลี้ยงผสมพันธุ์และมีการตั้งท้องเกิดขึ้น หลายคนสงสัยว่าจำเป็นจะต้องไปฝากท้องเหมือนในคนหรือไม่ วันนี้ผมมีข้อมูลจาก ผศ.น.สพ.ดร.ศุภวิวัธน์พงษ์เลาหพันธุ์ ภาควิชาสูติศาสตร์ เธนุเวชวิทยาและวิทยาการสืบพันธุ์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาฝากครับ
สุนัขและแมวมีการฝากท้องด้วยหรือ?
การฝากท้อง ถือเป็นการดูแลสุขภาพแม่และลูกตั้งแต่ “เริ่มตั้งท้อง” ไปจนถึงระยะ “ก่อนคลอด” ตลอดจนจัดเป็นการวางแผนการคลอดอีกด้วย
ในปัจจุบันการเลี้ยงสุนัขและแมวอย่างใกล้ชิด จนมองว่าสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นเป็นสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัวเลยทีเดียว ซึ่งมีการให้ความเอาใจใส่ต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงเพิ่มมากขึ้นกว่าในอดีตมาก
เมื่อกำลังจะมีสมาชิกในบ้านเพิ่ม จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม หรือบางครั้งอาจแค่สงสัยว่าสัตว์เลี้ยงของเราท้องหรือไม่ การพาสัตว์เลี้ยงไปตรวจนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่สัตวแพทย์แนะนำ เนื่องจากจะทำให้เราทราบว่าสัตว์เลี้ยงของเราตั้งท้องหรือไม่ เพื่อที่เจ้าของจะได้เตรียมตัวเองและเตรียมตัวสัตว์ด้วย
สุนัขและแมวตั้งท้องนานเท่าไหร่?
สุนัขและแมวจะตั้งท้องจะนานประมาณ 9 สัปดาห์ หรือประมาณ 2 เดือน ซึ่งเป็นระยะเวลาที่สั้นกว่าในคนมาก ดังนั้น การดูแลระหว่างการตั้งท้องอาจจะไม่ได้มีรายละเอียดยุ่งยากมากเท่าในคน
การฝากท้องนิยมทำในกรณีใด?
การฝากท้องมักจะทำในกรณีที่แม่สุนัขหรือแม่แมวบางตัวมีภาวะเสี่ยงของการตั้งท้องสูง (high risk pregnancy) หรือกรณีที่เจ้าของมีความคาดหวังสูงที่จะได้ลูกสัตว์ที่แข็งแรงครบทุกตัวเมื่อคลอด เช่น เป็นแม่พันธุ์ที่ประกวด หรือเป็นแม่พันธุ์ที่เป็นตัวที่ผสมติดยากมาก่อน สัตว์เลี้ยงกลุ่มเหล่านี้นั้นเจ้าของจะนิยมเข้าโปรแกรมการฝากท้องกับสัตวแพทย์
การฝากท้องมีข้อดีอย่างไร?
ข้อดีของการฝากท้องในสัตว์มีดังนี้
1. ทำให้เราทราบจำนวนลูกในท้อง ช่วยวางแผนการดูแลระหว่างท้องและคลอด
2. เราสามารถติดตามความสมบูรณ์และพัฒนาการของลูก รวมถึงทราบและการป้องกันอันตรายหรือความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะท้องที่มีภาวะเสี่ยง เช่น แม่สัตว์เคยมีประวัติการแท้งมาก่อน แม่สัตว์เลี้ยงมีสุขภาพไม่แข็งแรง หรือความเสี่ยงที่มาจากความผิดปกติของลูกในท้อง
แม้ว่าความผิดปกติแต่กำเนิดหลายชนิดจะไม่สามารถแก้ไขหรือรักษาได้ แต่การทราบว่าลูกสัตว์สมบูรณ์หรือไม่ตั้งแต่ยังไม่คลอดที่จากการตรวจด้วยการทำอัลตราซาวนด์ จะช่วยให้เจ้าของได้เตรียมใจและวางแผนการดูแลแม่และลูกร่วมกับสัตวแพทย์ได้อย่างเหมาะสม
3. ช่วยทำนายวันคลอด เนื่องจากสุนัขและแมวบอกเราไม่ได้ว่าใกล้คลอดรึยัง หรือมีลูกกี่ตัว เมื่อเจ้าของทราบประมาณวันคลอดและจำนวนลูกในท้องที่ชัดเจน ก็จะได้มีการเตรียมตัวดูแลแม่และลูกในระหว่างคลอดและหลังคลอดได้ดีขึ้นซึ่งจะช่วยลดความสูญเสียจากการที่ลูกสัตว์ตายได้ โดยเฉพาะหากเกิดภาวะคลอดยาก หรือคลอดไม่ออก
ภาวะเสี่ยงของการตั้งท้องคืออะไร?
ภาวะเสี่ยงของการตั้งท้อง เป็นภาวะที่อาจทำให้เกิดการเจ็บป่วย หรือตายได้ในแม่และ/หรือลูกสัตว์ หากไม่ได้รับการตรวจวินิจฉัยและดูแล
ตัวอย่างของภาวะเสี่ยงดังกล่าวได้แก่
- สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงต่อการคลอดยาก เช่น French bulldog ปักกิ่ง
- แม่สัตว์มีความผิดปกติของกระดูกเชิงกราน
- แม่สัตว์เคยมีประวัติแท้งหรือผสมไม่ติดมาก่อน
- มีจำนวนลูกมากเกินไป เช่น แม่สุนัขชิวาวา ที่ตั้งท้องลูก 6 ตัว หรือมีลูกเพียงตัวเดียวจนทำให้ลูกในมดลูกตัวโตมาก
- แม่สัตว์สุขภาพไม่แข็งแรง เช่น โรคพยาธิเม็ดเลือดที่ติดจากเห็บ
- แม่สัตว์ได้รับการฉีดฮอร์โมนคุมกำเนิด (progestins) ระหว่างตั้งท้อง จะทำให้ไม่สามารถคลอดได้และเกิดภาวะลูกตายในท้อง
เราจะทราบได้อย่างไรว่าสัตว์ตั้งท้อง?
หลังผสมสุนัขและแมวอาจจะตั้งท้องหรือไม่ก็ได้ ขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น การตกไข่ คุณภาพน้ำเชื้อ หรือความผิดปกติอื่นๆ ดังนั้น การสังเกตพฤติกรรมขนาดท้องที่ใหญ่ขึ้น อ้วนขึ้น เต้านมขยาย การมีน้ำนม ไม่สามารถบอกได้แน่นอนว่าท้องหรือไม่ท้อง จึงควรไปพบสัตวแพทย์ ซึ่งการตรวจท้องทำได้โดย
1. การคลำตรวจท้อง ในช่วงประมาณสัปดาห์ที่ 4 ของการตั้งท้อง
2. การทำอัลตราซาวนด์ ซึ่งเป็นวิธีที่ตรวจยืนยันการท้องได้เร็วที่สุด คือ ประมาณ14-16 วันหลังผสมในแมว และ 18-20 วันหลังตกไข่ในสุนัข นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทำนายวันคลอด ประเมินความสมบูรณ์หรือความผิดปกติของตัวอ่อน และประมาณจำนวนลูกในท้องได้ แนะนำให้พาไปอัลตราซาวนด์เพื่อตรวจท้องในช่วง 4 สัปดาห์หลังผสม
3. การเอกซเรย์ช่องท้อง สามารถยืนยันการตั้งท้องได้ตั้งแต่ประมาณ 45 วันหลังผสม โดยจะเห็นกระดูกลูกในภาพถ่ายเอกซเรย์ ซึ่งสามารถช่วยประมาณอายุตัวอ่อนและนับจำนวนลูกได้อย่างแม่นยำในการตั้งท้องระยะท้ายด้วย
4. การตรวจโดยชุดตรวจฮอร์โมนรีแลกซินในเลือด สามารถตรวจได้ตั้งแต่ 21-25 วันหลังตกไข่ วิธีนี้สามารถยืนยันการท้องได้ค่อนข้างแม่นยำ แต่ไม่สามารถบอกจำนวนลูกในท้อง หรือทำนายวันคลอดได้
ในปัจจุบัน การทำอัลตราซาวนด์เป็นวิธีการตรวจท้องสุนัขและแมวที่ได้รับความนิยมที่สุด เมื่อเจ้าของทราบว่าสัตว์ท้องแล้ว มักจะถามคุณหมอว่า แล้วต้องพามาตรวจอีกเมื่อไร? ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ในการดูแล ซึ่งในปัจจุบันนี้ มีโรงพยาบาลสัตว์หลายแห่งเริ่มมีโปรแกรมฝากท้องสำหรับสุนัขและแมวอย่างเป็นกิจลักษณะมากขึ้น
ปัญหาที่พบระหว่างสุนัขและแมวตั้งท้องมีอะไรบ้าง?
โดยทั่วไปแล้ว เรามักไม่พบปัญหามากนัก เพราะสุนัขและแมวมีระยะตั้งท้องเพียงแค่ 9 สัปดาห์ ถ้าไม่ใช่การตั้งท้องที่มีภาวะเสี่ยง ทั้งนี้ ปัญหาที่อาจพบได้แก่ การมีเลือดออกจากอวัยวะเพศระหว่างตั้งท้อง ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งผิดปกติเจ้าของควรพาสัตว์เลี้ยงไปพบสูติสัตวแพทย์ทันที การที่เต้านมไม่ขยายใหญ่และอาจไม่มีนมให้ลูกกิน รวมถึงการเกิดความผิดปกติของลูกในท้อง เป็นต้น
สัปดาห์หน้าเรามาคุยกันถึงคำถามที่พบได้บ่อยในขณะสุนัขตั้งท้องรวมถึงคำแนะนำในการดูแลสุนัขตั้งท้องกันครับ
หมอโอห์ม
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายสัตวแพทย์ ดร.ทิลดิสร์ รุ่งเรืองกิจไกร
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ และฝ่ายประชาสัมพันธ์และภาพลักษณ์องค์กร
คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี