ทุกๆ ท่านควรกินอาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ เพื่อควบคุมให้น้ำหนักตัว ดัชนีมวลกาย (หรือ body mass index, BMI) อยู่ไม่เกิน 23, พุงชายหญิง อยู่ไม่เกิน 90,80 ซม.ตามลำดับ ชีพจรอยู่ระหว่าง 70-100 หรือถ้าต่ำกว่า 70 ได้ยิ่งดี ความดันโลหิตระดับบน(systolic) ไม่เกิน 120 ระดับล่างไม่เกิน 80
แค่นี้ก็สุดยอดแล้วครับ ไล่กุ๊ยไปหลายโรคเลยทีเดียว!?
ทั้งนี้ท่านไม่ควรสูบบุหรี่เลย แม้แต่มวนเดียว ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ หรือดื่มไม่เกิน 2 หน่วยแอลกอฮอล์ของอังกฤษ(1 หน่วยแอลกอฮอล์อังกฤษมีแอลกอฮอล์ 8 กรัม ซึ่งน้อยกว่าของอเมริกา (14 กรัม) ญี่ปุ่น (19.75 กรัม) 1 หน่วยแอลกอฮอล์อังกฤษ มี 8 กรัมแอลกอฮอล์ หรือ 25 ซีซีวิสกี้ หรือไวน์ 80 ซีซีหรือเบียร์ 200 ซีซี) ไม่ใช้สารเสพติด มีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย (สรุปง่ายๆ คือ ถ้าท่านจะมีเพศสัมพันธ์กับใครที่ไม่ใช่สามี ภรรยา ควรใช้ถุงยางอนามัย)
และท่านต้องมีจิตใจที่แจ่มใส มีสติ ปล่อยวาง ไม่รัก โลภ โกรธ หลง มาก เดินสายกลางในชีวิต ไม่เครียด ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ฯลฯ
แต่ถึงแม้ท่านทำทุกอย่างตามข้างบนนี้ ท่านก็ยังอาจมีความเสี่ยงต่างๆ ได้ เช่น จากกรรมพันธุ์ กล่าวคือ คุณพ่อคุณแม่เป็นโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน (น้ำตาลในเลือดสูง) มะเร็ง ฯลฯ ท่านก็อาจมีสิทธิ์เป็นโรคต่างๆ เหล่านี้ได้ การที่ท่านมีพฤติกรรมที่ดี เช่นที่กล่าวไว้ข้างบนนี้ ท่านจะลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ เหล่านี้ได้ แต่อาจยังลดไม่พอ แต่ที่แน่นอนคือ ถึงแม้ท่านได้ “เชื้อ”ที่ไม่ดีมาก แต่พฤติกรรมที่ดีของท่านจะลดความเสี่ยงต่อโรคต่างๆ ลงไปได้มากเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม เมื่ออายุท่านถึงเกณฑ์ เช่น อายุ 20 ปี หรือตามแพทย์แนะนำ ถึงแม้ท่านจะสบายดี ไม่มีอาการที่ไม่สบายอะไรเลยท่านก็ควรไปตรวจสุขภาพกับแพทย์ แพทย์จะซักประวัติ ตรวจร่างกายท่าน เช่น วัดความดัน วัดชีพจร ฟังการเต้นของหัวใจ การหายใจ ตรวจทุกระบบของร่างกาย ฯลฯ จะได้ยืนยันว่าความดันโลหิต ชีพจร พุง BMI ท่านเป็นอย่างไรบ้าง และถึงแม้ทุกอย่างปกติ ผมก็ยังอยากให้ท่านตรวจเพิ่มเติมสิ่งต่างๆ เหล่านี้
1) ตรวจปัสสาวะ ดูว่ามีโปรตีน เม็ดเลือดแดง ขาว น้ำตาล ในปัสสาวะหรือไม่ การตรวจปัสสาวะสะดวก ง่าย มีราคาถูก(ถ้าต้องจ่ายตังค์) ไม่แพง แต่สามารถบอกเราได้ว่ามีโรคไต ปัสสาวะติดเชื้อไหม มีน้ำตาลหรือไม่ ซึ่งอาจเป็นโรคเบาหวานได้
2) ตรวจเลือด ที่สำคัญที่สุดคงเป็นการหาระดับน้ำตาลไขมันในเลือด เพราะไขมัน น้ำตาลในเลือดมักจะสูงขึ้นตามอายุโดยที่เรายังไม่มีอาการเลย
น้ำตาลควรอยู่ต่ำกว่า 100 มก.เปอร์เซ็นต์ ถ้าอดอาหารมา 12 ชม. ระหว่าง 101-125 อาจถือได้ว่าเป็น “ว่าที่เบาหวาน” ถ้าสูงกว่า126 2 ครั้ง ถือว่าเป็นโรคเบาหวาน หรือถ้าระดับน้ำตาลสะสมในเลือด(Hb A1C) สูงมากกว่า 6.5 ก็ถือได้ว่าเป็นโรคเบาหวานแล้ว วงการแพทย์มีการตรวจน้ำตาลสะสมเพื่อจะดูว่าผู้ป่วยคุมอาหารเฉพาะช่วงที่ไปหาแพทย์เท่านั้นหรือไม่ กล่าวคือ อาจกินแป้ง ของต้องห้ามมากแต่ 20 วันก่อนจะมาหาแพทย์รีบคุมอาหาร ถ้าเป็นเช่นนี้ระดับน้ำตาล (glucose) ในเลือดอาจอยู่ในเกณฑ์ปกติ หรือสูงแต่ไม่มากแต่ระดับน้ำตาลสะสมจะสูง เพราะเป็นค่าเฉลี่ยของระดับน้ำตาลในเลือด ใน 3 เดือนที่ผ่านมา
ไขมันในเลือดจะประกอบด้วย
1) total cholesterol (ไขมันรวม) ไม่ควรสูงเกิน 200 มก.%
2) triglyceride ไม่ควรสูงเกิน 150 มก.%
3) HDL ควรสูงเกิน 40 มก.% ในชาย หญิง เกิน 50 มก.
HDL ยิ่งสูงจะยิ่งดี จะช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ HDL มักสูงในหญิงมากกว่าชาย
4) LDL ไม่ควรสูงเกิน 100 มก.%
นอกจากดู 4 ตัวนี้แล้ว แพทย์ยังให้ดูอัตราส่วนของไขมันที่ไม่ดีต่อไขมันที่ดี คือ total cholesterol/HDL อัตราส่วนนี้ควรต่ำกว่า 5 ในชาย และ 4 ในหญิง หรือยิ่งต่ำยิ่งดี
ถ้าระดับไขมันในเลือดสูง ควรปรึกษาแพทย์ โดยสรุปถ้าสูงไม่มาก แพทย์จะแนะนำให้ออกกำลังกาย หรือคุมอาหารมากขึ้น แล้วต่อมา เช่น 3 เดือนหลังจากนั้น ถ้าระดับไขมัน น้ำตาล ต่างๆ ยังไม่เข้าเป้า แพทย์อาจให้เริ่มกินยาต่างๆ เลย
ถ้าท่านมีพฤติกรรมที่ดีมาตลอด และทำอย่างจริงจัง สม่ำเสมอ และมาตรวจพบไขมัน น้ำตาล สูง แพทย์อาจตัดสินใจได้เลยให้ท่านกินยา เพราะท่านมีพฤติกรรมที่ดีอยู่แล้ว
ท่านไม่ต้องห่วงว่ากินยาลดไขมันแล้ว ตับจะอักเสบ กล้ามเนื้อจะอักเสบ คนที่มีอาการต่างๆ นี้มีน้อยมาก และถ้ากินยาต่อไปอาการต่างๆ นี้จะหายไปเอง ไม่ว่าจะทำอะไรในชีวิตเราต้องชั่งผลดีกับผลเสีย ปัจจุบันนี้เป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์กันแล้วว่าถ้าระดับไขมัน น้ำตาลในเลือดสูงหลังจากมีพฤติกรรมที่ดีแล้ว การกินยาจะมีผลดีมากกว่าผลเสีย ในโลกนี้แม้แต่การกินน้ำ วิตามิน อาหาร ก็มีทั้งข้อดีและเสีย เราต้องรู้จักหา ฟังข้อมูล และชั่งน้ำหนักว่า กิน ไม่กิน ดี เสียอย่างไร
ข้อดีของยาลดไขมันในกลุ่ม statin (มียาลดไขมันหลายตัวในกลุ่ม statin และมีกลุ่มอื่นๆ นอกเหนือจากกลุ่ม statin)นอกจากลดไขมันแล้ว ยังลดการอักเสบของหลอดเลือดลงด้วย ปัจจุบันนี้แพทย์มีหลักฐานว่าการอักเสบเรื้อรังของอวัยวะต่างๆ เป็นสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ
จะเขียนเรื่องการปฏิบัติตนเองต่อในโอกาสหน้าครับ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี