ผมได้เขียนเรื่องการดูแลสร้างเสริมสุขภาพ ป้องกันโรคบ่อยมากเพราะโรคที่ไม่ติดต่อ (คือโรคที่น่าจะป้องกันได้) เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของชาวโลกถึง 74% WHO) และ 3 บทความหลังผมได้เขียนเรื่อง -แล้วเราจะทราบได้อย่างไรว่าพฤติกรรมที่ดีที่เราอุตส่าห์ทำนั้นมันได้ผล คือ การดู BMI (ดัชนีมวลกาย-ให้ต่ำกว่า 23) พุงชาย หญิง ให้น้อยกว่า 90,80 ซม. ตามลำดับ ความดันโลหิตอยู่ในเกณฑ์ปกติ คือ ระดับบน systolic ไม่เกิน 120 ระดับล่าง diastolic ไม่เกิน 80 มม.ปรอท หรือถ้าเรามีความดันโลหิตสูง ความดันจะลดลงถึงแม้จะกินยาน้อยลงระดับน้ำตาล ไขมันในเลือดลดลง ฯลฯ
วันนี้ผมขอเขียนเรื่องการตรวจคัดกรองหาโรค จริงๆ แล้ว เราก็ตรวจคัดกรองหาโรคมาตลอดชีวิต เช่น ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบ B และ C ถ้ามีเราก็รีบไปพบแพทย์และรักษา ถ้าแพทย์คิดว่าต้องรักษา ถ้าไม่มีเชื้อและเรามีพฤติกรรมที่เหมาะสมเราก็จะป้องกันการติดเชื้อของสองไวรัสตับอักเสบนี้ หลักๆ คือ การมีเพศสัมพันธ์ที่ปลอดภัย การไม่ใช้เข็มฉีดยาที่สกปรก เช่น ในกรณีของการใช้ยาเสพติดที่ต้องใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน ฯลฯ
การตรวจคัดกรองโรคในปัจจุบันนี้ที่ทั่วโลกและประเทศไทยทำมี 3 โรคด้วยกัน คือ หามะเร็งของเต้านมมะเร็งของปากมดลูก และมะเร็งของลำไส้ใหญ่ ทั้ง 3 โรคนี้จะพบโรคบ่อยขึ้นเมื่อมีอายุสูงขึ้น เช่น ในโรคมะเร็งเต้านม แพทย์แนะให้เริ่มตรวจคัดกรองหามะเร็งเต้านมเมื่อมีอายุประมาณ50 ปี ขึ้นไป (50-74 ปี)
การตรวจคัดกรองโรค คือ การตรวจหารอยโรค หรือโรคในระยะเริ่มแรก หรือ “ว่าที่” โรคหรือ “ว่าที่” มะเร็ง คือ การตรวจทั้งๆ ที่ประชาชนยังไม่มีอาการ ยกเว้นเข้าเกณฑ์ตามที่แพทย์กำหนด เช่น ควรตรวจหามะเร็งเต้านมในผู้ที่มีอายุ 50-74 ปี เพราะในช่วงอายุนี้จะพบโรคมะเร็งเต้านมมากกว่าเมื่ออายุน้อยกว่านี้ หรือการตรวจหา “ว่าที่” มะเร็ง หรือมะเร็งของปากมดลูก ในผู้หญิงที่มีอายุ 21-64 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าผู้นั้นมีเพศสัมพันธ์แล้ว มะเร็งของปากมดลูกเกิดขึ้นได้ในทุกๆ คนที่มีปากมดลูก พบได้บ่อยกว่าในผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 45 ปี มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง มีลูกหลายคน หรือมีลูกตั้งแต่อายุยังน้อย เช่น น้อยกว่า 17 ปี มะเร็งปากมดลูกเกิดจากเชื้อไวรัส Humanpapillovirus หรือ HPV ซึ่งเราได้เชื้อด้วยการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อ ทั้งทางปาก ช่องคลอด ทวาร หรือจากการมีการสัมผัสอย่างใกล้ชิดของผิวหนังต่อผิวหนัง
ในความเห็นส่วนตัวของผม มะเร็งของปากมดลูกน่าที่จะป้องกันได้ทุกราย ถ้าทุกๆ คนเข้าถึงบริการทางด้านสาธารณสุขด้วยการฉีดวัคซีน และไปตรวจคัดกรองตามที่แพทย์แนะนำ เป็นมะเร็งที่ป้องกันได้มากที่สุดของมะเร็งเต้านม ปากมดลูก และลำไส้ใหญ่
ขณะนี้ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยกำลังร่วมมือกับ สปสช. เพื่อหาทางจำกัดโรคนี้ด้วยการปูพรมฉีดวัคซีนและกระจายการตรวจคัดกรองให้ทั่วถึงประชาชนทั้งหมดที่อยู่ในเกณฑ์ที่จะต้องตรวจ
ส่วนมะเร็งของลำไส้ใหญ่ก็เป็นมะเร็งอีกอันหนึ่งที่สามารถป้องกันได้ มะเร็งนี้เกิดจากหลายสาเหตุ ตั้งแต่กรรมพันธุ์ การกินเนื้อแดง เนื้อแปรรูปมาก การไม่ออกกำลังกาย
การที่มีโรคอ้วน (โรคอ้วนทำให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งได้ถึง 13 ชนิด) การไม่กินผัก ผลไม้ หรือกินน้อย
และที่สำคัญ คือ มะเร็งของลำไส้ใหญ่ ไม่ได้อยู่ดีๆเกิดมาเป็นมะเร็งเลย แต่รอยโรค (lesion) ที่จะเกิดขึ้นก่อนคือ ติ่งเนื้อ (polyp) ธรรมดาที่ไม่ใช่มะเร็ง เมื่อเรามีอายุสูงขึ้นเช่น 45 ปี อาจมีติ่งเนื้อเกิดขึ้นทั้งๆ ที่ไม่มีอาการ แต่ถ้าประชาชนไม่ทราบข้อมูลนี้ หรือทราบแต่ไม่ยอมไปพบแพทย์ ติ่งเนื้อจะค่อยๆ โตขึ้น จนในที่สุดกลายเป็นมะเร็ง ซึ่งแม้แต่มะเร็งในระยะเริ่มแรกก็อาจยังไม่มีอาการ ฉะนั้นด้วยเหตุนี้เองแพทย์ในประเทศไทยจึงแนะนำให้ประชาชนทั้งชายหญิงที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป (ปัจจุบันนี้ในอเมริกาให้ตรวจคัดกรองตั้งแต่อายุ 45 ปี) ไปตรวจคัดกรองหาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ วิธีการตรวจมีหลายวิธี แต่ที่เป็น gold standard ที่ดีที่สุด คือ การส่องกล้องผ่านรูทวารเพื่อดูลำไส้ใหญ่ ถ้าพบติ่งเนื้อ (polyp) แพทย์จะตัดออกในเวลานั้นเลย ก็จะหมดโอกาสที่จะกลายเป็นมะเร็งหรือถ้าพบมะเร็งในระยะเริ่มแรก ก็อาจให้การรักษาที่หายขาดได้
วันนี้ขอพูดแค่นี้ก่อนครับ วันหลังจะขยายความครับ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี