หลายคนเข้าใจว่าโรคพิษสุนัขบ้า หรือโรคหมาบ้า (ภาษาชาวบ้าน) คือโรคที่เกิดกับสุนัขเท่านั้น และต้องเกิดในช่วงหน้าร้อนเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ เพราะโรคนี้เกิดได้กับสัตว์อื่น ๆ เช่น แมว และสัคว์เลี้ยงลูกด้วยนมอีกหลายชนิด แล้วก็เกิดได้ทุกฤดู แต่เพียงจะพบมากในช่วงหน้าร้อน
เมื่อเข้าใจผิดก็ทำให้แก้ไขและป้องกันโรคได้ไม่ถูกต้อง ไม่ตรงประเด็น ดังจะพบว่าผู้เลี้ยงสุนัขมักนำสุนัขไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคกลัวน้ำในช่วงหน้าร้อนกันมาก ทั้ง ๆ ที่สามารถนำสุนัขไปฉีดวัคซีนได้ทุกฤดู เมื่อครบวงรอบการฉีดวัคซีนประจำปี
ผู้เลี้ยงสุนัขจำนวนไม่น้อยเข้าใจว่าหากเลี้ยงสัตว์ไว้ในบ้าน ไม่ปล่อยให้สัตว์ไปอยู่ภายนอก สัตว์จะไม่มีพิษสุนัขบ้า แต่ความจริงนั้น โรคนี้ติดต่อได้ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น หนู ดังนั้นหนูจึงเป็นพาหะของโรคพิษสุนัขบ้าได้ เพราะฉะนั้น หากในบ้านมีหนูหลุดรอดเข้าไป แล้วสุนัขหรือแมวไปสัมผัสกับเชื้อจากหนู ก็มีโอกาสติดโรคได้
เพราะฉะนั้น ขอย้ำว่าโปรดนำสุนัข แมว ไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าเป็นประจำทุกปี จะช่วยป้องกันปัญหาได้ดีที่สุด ทั้งนี้ตามพระราชบัญญัติโรคพิษสุนัขบ้า พ.ศ. 2535 ผู้ครอบครองสัตว์เลี้ยงต้องพาสัตว์ไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า
โรคพิษสุนัขบ้า (Rabies) เป็นโรคติดต่อร้ายแรงเกิดจากเชื้อไวรัส Lyssavirus และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเป็นพาหะหลักของเชื้อนี้ โดยเฉพาะสุนัข แมว และสัตว์ป่าบางชนิด เชื้อโรคชนิดนี้ส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้มีอาการทางสมอง เป็นอัมพาตได้ แล้วเสียชีวิตในที่สุด
ขอย้ำว่าในปัจจุบันยังไม่มียารักษาโรคพิษสุนัขบ้า ดังนั้น การป้องกันด้วยการฉีดวัคซีน และควบคุมกำจัดสัตว์พาหะของโรคจึงสำคัญและจำเป็นมากที่สุด
สาเหตุและการก่อเชื้อโรค
ต้นเหตุคือเชื้อ Rabies virus (RABV) ซึ่งเป็น RNA virus เชื้อนี้มีลักษณะเป็นทรงกระบอก (bullet-shaped) และถูกทำลายได้ง่ายโดยความร้อน แสงแดด และสารฆ่าเชื้อ เช่น เอทานอล และสารประกอบฟีนอลิก
การแพร่เชื้อโรคพิษสุนัขบ้า
1.ผ่านน้ำลาย เพราะถูกกัด หรือข่วนจากสัตว์ที่มีเชื้อ
2. สัมผัสเยื่อเมือก จากตา จมูก ปาก กับน้ำลายที่ปนเปื้อนเชื้อ
3. การสูดดม แต่พบน้อยมาก ที่พบคือมักเกิดในถ้ำที่มีค้างคาวจำนวนมาก
สัตว์พาหะหลักของโรก ได้แก่ สุนัข นับเป็นพาหะหลักในประเทศกำลังพัฒนา แมว สัตว์ป่า เช่น ค้างคาว สุนัขจิ้งจอก แรคคูน สกั้งค์
อาการทางคลินิกในสัตว์เลี้ยง แบ่งเป็น 2 แบบหลัก
1. แบบดุร้าย (Furious Rabies) ระยะแรก อาการยังไม่เฉพาะเจาะจง เช่น มีไข้ ซึม เบื่ออาหาร
ระยะต่อมาจะมีความกระวนกระวาย ก้าวร้าว ไวต่อสิ่งเร้า กลืนอาหารและน้ำลำบาก น้ำลายไหลเยิ้มตลอด อาจกัดสิ่งของหรือคนโดยไม่มีเหตุผล แล้วสัตว์ที่ติดเชื้อจะตายภายใน 2–7 วัน
2. แบบอัมพาต (Paralytic/Dumb Rabies) มีอาการอัมพาต คอตก เดินขากระเผลก น้ำลายไหลเนื่องจากกลืนไม่ได้ แต่มักไม่แสดงอาการดุร้าย สัตว์ที่ติดเชื้อนี้จะตายภายใน 3–5 วัน
การวินิจฉัย
1.การตรวจทางน้ำเหลือง (Serology) ตรวจหาแอนติบอดีต่อเชื้อ
2.การตรวจทางเนื้อเยื่อ (Histopathology) ตรวจพบ Negri bodies ในเซลล์ประสาท แต่่เฉพาะในบางกรณี
3.RT-PCR และการเพาะเชื้อไวรัส เพื่อตรวจสารพันธุกรรมของไวรัสจากน้ำลายหรือสมองของสัตว์ที่ติดเชื้อ
การวินิจฉัยหลังตาย (Post-mortem) โดยตรวจสมอง ซึ่งถือเป็นวิธีที่แม่นยำที่สุด
การป้องกันและควบคุมโรค
1. ฉีดวัคซีน ในสุนัขและแมว ควรฉีดวัคซีนครั้งแรกเมื่อสัตว์อายุ 3–4 เดือน และฉีดกระตุ้นซ้ำทุกปี
สำหรับในสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ เช่น เฟอร์เรต กระต่าย ก็ควรฉีดวัคซีนให้ด้วย
2. การควบคุมสัตว์จรจัด โดยทำหมัน และฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้ในกลุ่มสัตว์เร่ร่อน เพื่อให้ลดการแพร่เชื้อ
การจัดการเมื่อถูกสัตว์กัด ล้างแผลทันทีด้วยน้ำสะอาดและสบู่อย่างน้อย 15 นาที แล้วรีบไปพบแพทย์เพื่อรับวัคซีน Rabies PEP (Post-Exposure Prophylaxis)
โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคติดต่อร้ายแรงที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนให้สัตว์ รวมถึงต้องควบคุมสัตว์พาหะ เพราะช่วยลดการระบาดในสัตว์เลี้ยงและมนุษย์ได้ และต้องให้ความรู้กับผู้เลี้ยงสัตว์ถึงการระวังโรคและป้องกันโรค และต้องสอนเด็ก ๆ ที่ชอบเล่นกับสุนัข แมว และสัตว์อื่น ๆ ว่าต้องระวังและป้องกันตัวอย่างไร แล้วเมื่อเด็กถูกสุนัขกัดหรือข่วน ต้องบอกผู้ปกครองทันทีให้พาไปพบแพทย์ เพื่อรับวัคซีนโดยด่ว เมื่อได้รับวัคซีนครบถ้วนแล้วจะปลอดภัย แต่หากถูกกัดแล้วไม่รับวัคซีนทันที แค่ปล่อยให้เกิดอาการ ก็ต้องย้ำว่าหมดหนทางรักษา แล้วจะเสียชีวิตในทุกกรณี
น.สพ. นนทษิต ชุติญาณวัฒน์
โรงพยาบาลสัตว์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี