ผมไม่นึกเลยว่าผมจะเป็นคนที่ทำให้ประเทศไทยมีเครื่อง AED ทั่วประเทศ และเป็นคนติดต่อขอบริจาคเครื่อง AED มาให้ สำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครไว้สอน และสำหรับสภากาชาดไทยด้วย ต่อมาสภากาชาดไทยได้จัดวิ่งการกุศลหลายครั้ง เพื่อหาเงินบริจาคสำหรับซื้อเครื่อง AED ซึ่งทราบว่า ได้บริจาคเครื่องไปให้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ผ่านนายก เหล่ากาชาดจังหวัด รวมแล้วคงเป็นหมื่นเครื่องมั้ง
ที่มาที่ไปของการมีเครื่อง AED? ผมเป็นแพทย์ทางด้านกีฬามานานหลายสิบปี ปัจจุบันเป็นนายกสมาคมกีฬาเวชศาสตร์ นานมาแล้ว คงก่อน 2551-2554 ที่ได้เป็น สว. มีเหตุการณ์หนึ่งที่สะเทือนใจพวกเราทุกๆ คนมาก มีการคัดเลือกตัวเยาวชนไปแข่งเทนนิสเพื่อเป็นทีมชาติที่กทม. มีเด็กอายุ 16-18? มาจากเชียงใหม่มาคัดเลือกตัวที่กทม. หัวใจหยุดเต้น ไม่มีผู้ที่มีความรู้ ทางด้าน 1st aid, CPR และที่สนามนั่นไม่มีเครื่องมืออะไรเลย เด็กผู้นั้นเสียชีวิต คุณพ่อของเด็กเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่เชียงใหม่ทางด้านโรคปอด ถ้าผมจำไม่ผิด ตอนผมเป็น สว. ผมได้เรียนเชิญท่านไปให้ข้อมูล ฯลฯ ที่วุฒิสภา
ด้วยเหตุนี้เอง เนื่องจากสำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาด มีหน้าที่กว้างขวางเรื่องคุณภาพชีวิต ผมซึ่งทำทางด้านนี้ จึงให้ข้อมูลต่างๆ แก่วิทยาจารย์ทั้งหมด เพื่อให้การไปสอนยุวกาชาดสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ผมเองก็ได้มีโอกาสไปบรรยายให้ในนามของสำนักงานยุวกาชาดและอาสาสมัครกาชาดที่ กทม. และต่างจังหวัด ได้รับเชิญจากสำนักบริหารกิจการเหล่ากาชาดไปบรรยายให้อาสาสมัครในหัวข้อต่างๆ เป็นประจำ
รวมทั้งผมได้ย้ำกับผู้ร่วมงานทุกๆ คนว่า เราเป็นเจ้าหน้าที่สภากาชาดไทย เราจะต้องมีความภูมิใจ และต้องพยายามทำหน้าที่อย่างดียิ่ง ต้องดีกว่าคนทั่วๆ ไป เราเป็นผู้ให้บริการ ต้องอดทน มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี หาความรู้ใส่ตัวให้มาก ตีบทหน้าที่ให้แตกจะได้ทำได้อย่างดียิ่ง ผมย้ำเสมอว่า ลูกน้องผม ลูกศิษย์ผมต้องมีความดีเหนือสิ่งอื่นใด ตามด้วยความเก่ง (และเก่ง 7 อย่างคือ เก่งคิดคน งาน เงิน เวลา ขาย และฟัง) รอบรู้ และมีสุขภาพที่ดี รวมทั้งรู้จักพอใช้เงินแต่พอตัว ไม่สร้างหนี้สิน รู้จักออม ลงทุน ฯลฯ (แต่!?...)
สำหรับอาหารกลางวัน ผมมักจะซื้อทานแถวๆ นั้น และทานในที่ทำงาน โดยมากจะสั่งอาหารตั้งแต่เช้าจากร้านอาหารที่สวนงู สถานเสาวภา กับข้าวจานละ 30 บาทเท่านั้น ความจริงถ้ากินจานเดียวกับข้าวสวย 5 บาท 1 จานก็พอแล้ว แต่ผมมักจะสั่ง 4-6 จาน แล้วแต่วันนั้นมีอะไร ที่ผมชอบหรือไม่ ผมจะเอาข้าวสวยจากบ้านไป รวมทั้งผักเป็นจานๆ ผลไม้ และมีกิมจิไปด้วย ผักเป็น prebiotic หรืออาหารสำหรับจุลินทรีย์ที่อยู่ในลำไส้ของเรา ถ้าเรามีจุลินทรีย์มากๆ หลากหลายชนิด เราจะมีสุขภาพที่ดี (ขอสรุปสั้นๆ แค่นี้) ฉะนั้นควรกินผักมากๆ หลากหลายชนิด ส่วนกิมจิคือ probiotic หรือจุลินทรีย์ที่มีชีวิต วงการแพทย์แนะนำให้กินกิมจิ และผักมากๆ
กับข้าวที่ผมชอบคือ ผัดเผ็ดหรือแกงปลาดุก (30 บาท) มีปลาดุก 4 ชิ้นไม่มาก ผมกิน 2 ชิ้น และแบ่งให้คนขับรถ ทส.ประจำตัวผม 2 ชิ้น แกงไก่หน่อไม้ ไข่พะโล้หรือไข่ลูกเขย ซึ่งเขาจะให้2 ลูก เต้าหู้ 4 ชิ้น ผมก็กินครึ่งจานเท่านั้น ผัดผักต่างๆ ผัดวุ้นเส้นที่ชอบ คือ ผัดหมูป่า ผมชอบมากเพราะที่นี่มีหนังหมูเยอะ ชอบเพราะมันกรุบๆ ดี แต่ขอย้ำนะครับว่ามัน หนัง สัตว์บกไม่ดีผมทราบ แต่นานๆ ที และไม่กินมาก โดยสรุปผมจะกินกับข้าวไม่ถึงครึ่งของทั้งหมดที่ซื้อมา ที่เหลือให้คนรถหมด เขาก็กินไม่หมด ที่เหลือเขาเอากลับบ้านไปเป็นมื้อเย็น ซึ่งสรุปเขาก็ได้กินอาหารฟรีทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น
ผมจะกินกับข้าวตามที่บอกกับผักสด ที่ผมกินเปล่าๆ ไม่ใส่น้ำสลัดอะไรเลย จะกินผักระหว่างที่กินกับข้าว บางทีเช้าๆ หรือกลางวันหรือเย็น ก็จะกินผักสดๆ เปล่าๆ รวมแล้ววันละ 2-3 จานทุกวัน ข้าวสวยแทบจะไม่ได้กินเลย ถ้าจะกินก็จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่กิน จะได้ไม่กินมากเพราะชักอิ่มแล้ว ถ้ากินก็คงประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ไม่เหมือนกับ ทส.ผม ที่กินข้าวจานโตๆ ได้ 2-3 จานอย่างสบาย โดยไม่อ้วนเลย!? ผมกินแค่นี้ เดินวันละ 10,000 ก้าว ยังพุงโตเลย!?
การกินข้าวสวย หรือข้าวกล้อง หรือแป้ง ถ้าจะกิน ขอให้เป็นส่วนสุดท้ายที่กิน เพราะถ้าเริ่มต้นก็กินข้าวเลย จะกินมาก และน้ำตาลในเลือดจะขึ้นสูงเพราะยังไม่มีอาหารอื่นเข้าไปในกระเพาะ ร่างกายจึงดูดซึมข้าว (แป้ง-น้ำตาล) ได้อย่างรวดเร็ว ถ้าน้ำตาลในเลือดสูงก็จะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนอินซูลินออกมา และเกิดปฏิกิริยาต่างๆ ฯลฯ (ไปหาอ่านเองนะครับ)
หลักการของการกินอาหารที่จะไม่ทำให้เราอ้วน (มาก) คือ 1) กินน้อยกว่าใช้พลังงาน 2) กินช้าๆ เพราะร่างกายกว่าจะรู้ตัวว่าอิ่มต้องใช้เวลา 20 นาที ฉะนั้นต้องกินช้าๆ กินของที่ไม่ค่อยมีพลังงานก่อน เช่น ดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนกิน กินซุปผัก กินสลัด กินปลา กินอกไก่ที่ไม่มีหนัง กินผักหลายๆ ชนิด บางทีถ้าเรากินตามนี้ช้าๆก่อนที่เราจะกินข้าว ปรากฏว่าเราอิ่มแล้วสมัยก่อนผมชอบ(เดี๋ยวนี้ก็ชอบ) ข้าวมาก กินได้มื้อละ 3 จาน แต่ปัจจุบันนี้แทบไม่แตะข้าว/แป้งเลย
สำหรับโปรตีนผมมักกินปลา ที่นี่(สวนงู)มีปลาผัดขิงอร่อยดี บางทีจานนี้ผมกินเกือบหมด ทส.ไม่ได้กิน แต่มีอย่างอื่นให้เขา ส่วนของหวานผมกินผลไม้แทน แทบไม่มีของหวาน ขนม เลย แต่ที่บ้านอาจกินลูกตาลลอยแก้ว(ทำเอง) หรือเฉาก๊วยที่ไม่หวานจัด ขนมหวานผมนานๆ ก็กินที แต่โชคดีที่ไม่ค่อยชอบขนม คุกกี้ โดนัท เค้ก ไม่ชอบเลย แต่ชอบช็อกโกแลตที่มีรูปร่างเป็นขวด ที่ข้างในมีแอลกอฮอล์ ต้องซื้อจากนอก อร่อยมาก เวลาไม่กินก็ไม่รู้สึกอะไร แต่พอกิน 1 ขวด (1 ชิ้นเล็กๆ) ก็ต้องกิน 2-3 ชิ้น!?
ผมพยายามกินโปรตีนจากปลาทะเล ที่ชอบคือ หัวปลาแซลมอน ซื้อจากแม็คโครหัวละ 60 บาท แบ่งครึ่งซีกกิน เพราะใหญ่มาก มีทั้งเนื้อและมันแต่เป็นมันที่ดีมีโอเมก้า 3 ผมกินอาทิตย์ละ 2 ครั้ง กินกับซอสอาหารทะเลที่แม่ครัวทำให้ อร่อยดีและปลาอีกอย่างที่ชอบคือ ปลาเนื้ออ่อนเนื้อ เนื้อออกหวานดี แต่บางทีตัวเล็กมาก มีแต่ก้าง ราคาค่อนข้างแพง
ใครจะเอาอย่างการกินตามผมได้นะครับ
นพ.พินิจ กุลละวณิชย์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี