สัปดาห์ก่อน เราพูดถึงโรคเบาหวานในสุนัข สัปดาห์นี้เรามารู้จักโรคเบาหวานในแมวกัน เพราะแมวเป็นโรคเบาหวานได้ แมวส่วนใหญ่เป็นเบาหวานชนิดที่คล้ายกับเบาหวานชนิดที่ 2 ของคน คือมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin Resistance) ร่วมกับการเสื่อมของเบต้าเซลล์ตับอ่อน
เบาหวานในแมวจัดแบ่งประเภทได้ ดังนี้
ชนิดที่ 1 ตับอ่อนไม่ผลิตอินซูลิน แต่พบได้น้อยมาก
ชนิดที่ 2 พบบ่อยที่สุดคือร่างกายยังผลิตอินซูลินได้ แต่ใช้งานไม่ปกติ หรือเบต้าเซลล์เริ่มเสื่อม
และยังมีโรคเบาหวานจากภาวะรอง เกิดจากโรคอื่นที่รบกวนระบบอินซูลิน เช่น คุชชิง, ตับอ่อนอักเสบ, หรือจากยากลุ่มสเตียรอยด์
ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่มีผลต่อการเกิดโรคเบาหวาน
• โรคอ้วน เพิ่มการเกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ผ่านกลไกของ cytokines จากไขมัน (adipokines เช่น TNF-α, IL-6) ในแมวอายุมากกว่า 7 ปี ประสิทธิภาพการใช้อินซูลินจะลดลงตามวัย
• แมวตัวเพศผู้ โดยเฉพาะที่ทำหมันแล้ว ยิ่งมีความเสี่ยงสูง
• พันธุกรรม แมวพันธุ์ Burmese มีรายงานว่าพบเบาหวานสูงกว่า
• ยาสเตียรอยด์/progestogens กระตุ้นให้ร่างกายดื้อต่ออินซูลิน เช่น prednisolone, megestrol acetate
• ภาวะตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง
• ภาวะเครียดเรื้อรัง ทำให้ระดับคอร์ติซอลเพิ่ม จึงดื้อต่ออินซูลินได้ง่าย
วงจรพยาธิการเกิดโรค (Pathogenic Cycle)
1. อ้วนแล้วเกิดอาการเครียด แล้วจึงใช้สเตียรอยด์
2. ภาวะดื้อต่ออินซูลิน ทำให้เซลล์ไม่ดูดซึมน้ำตาล
3. มีน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้เบต้าเซลล์ทำงานหนัก
4. มีปัญหาเบต้าเซลล์ (β-cell fatigue + glucotoxicity + amyloid accumulation)
5. เบต้าเซลล์เสื่อม ทำให้ขาดอินซูลิน
6. น้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรัง (chronic hyperglycemia)
7. ภาวะแทรกซ้อน ketoacidosis, neuropathy, hepatic lipidosis
อาการของแมวที่เป็นเบาหวาน น้ำหนักลด แม้จะกินได้ปกติ กินน้ำมาก ปัสสาวะบ่อย (Polyuria, Polydipsia) ขนหยาบ ขนร่วง อ่อนแรง เดินไม่ปกติ (Peripheral neuropathy เดินปลายขาหน้าเหมือนลงส้น) ลมหายใจมีกลิ่นความหวาน (ketone breath) ส่วนในกรณีมีภาวะคีโตแอซิโดสิส จะเกิดตับโต ตัวเหลือง โดยเฉพาะในแมวที่มี hepatic lipidosis
การตรวจวินิจฉัยเบาหวาน
การตรวจน้ำตาลในเลือด (Blood glucose) หากเลือดมีค่าปกติจะมีน้ำตาลน้อยกว่า 120-130 mg/dL หากเป็นเบาหวานจะมีน้ำตาลมากกว่า 250 mg/dL
ตรวจระดับ Fructosamine เพื่อบอกระดับน้ำตาลเฉลี่ยช่วง 2-3 สัปดาห์
ตรวจปัสสาวะ หากเจอน้ำตาลในปัสสาวะ และบางกรณีอาจมีคีโตน CBC + Biochem
ตรวจตับ ไต และภาวะแทรกซ้อน โดยการ Ultrasound ในกรณีสงสัยตับอ่อนอักเสบร่วมด้วย
เมื่อแมวเป็นเบาหวาน จะส่งผลอะไรต่อร่างกาย และอวัยวะต่าง ๆ สิ่งแรกที่จะมีปัญหาคือตับ(Hepatic lipidosis) จากภาวะ catabolism
ต่อมาคือระบบประสาท Peripheral neuropathy จาก demyelination
และมีปัญหาที่ไต Glomerular damage เพราะ proteinuria
และเกิดปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรงเพราะมีพลังงานไม่เพียงพอ
มีปัญหาตับอ่อนเสื่อมจาก amyloid accumulation
โรคร่วมและภาวะแทรกซ้อน Diabetic Ketoacidosis (DKA) ภาวะฉุกเฉินที่พบได้เมื่อร่างกายขาดอินซูลินขั้นรุนแรง ทำให้ต้องใช้ไขมันเป็นพลังงาน จึงต้องสร้างคีโตนมาก ส่งผลให้เป็นกรดในเลือด
Hyperosmolar hyperglycemic state (HHS) กรณีนี้พบได้น้อย แต่ทว่ารุนแรงมาก
Hepatic lipidosis เกิดจากการที่แมวป่วยเบาหวานไม่กินอาหาร จึงเกิดปัญหาไขมันสะสมในตับ
UTI ภาวะมีน้ำตาลในปัสสาวะ จึงเป็นแหล่งอาหารของแบคทีเรีย ทำให้ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี