วันอาทิตย์ ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์ผู้หญิง / ทันโลกทันเหตุการณ์
ทันโลกทันเหตุการณ์

ทันโลกทันเหตุการณ์

แพทยสภา
วันพฤหัสบดี ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2568, 15.08 น.
วัคซีนและยาลดความรุนแรงจากโรคติดเชื้อ RSV

ดูทั้งหมด

  •  

คนทั่วไปจะรู้จักเชื้อไวรัสหลายชนิดที่ก่อโรคในระบบการหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่างได้ดีโดยเฉพาะเชื้อโควิด-19 ไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดนก ปัจจุบันขอแนะนำเชื้อไวรัสอีก 1 ตัวที่ก่อโรคในระบบทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่างที่พบได้บ่อย บางรายติดเชื้อและป่วยรุนแรงจนต้องเข้าไปรักษาในโรงพยาบาล  ขณะนี้เรามีวัคซีนและโมโนโคลนอล แอนติบอดีมาช่วยลดความรุนแรงของโรคนี้ได้แล้วโดยเฉพาะในทารกและผู้สูงวัย เชื้อไวรัสตัวนี้คือเชื้อไวรัส Respiratory syncytial virus (RSV)  เชื้อแบ่งตามแอนติเจนได้เป็น 2 กลุ่มคือ A และ B  เชื้อแพร่กระจายผ่านละอองขนาดเล็กใหญ่ และผ่านละอองน้ำมูก น้ำลาย จากการไอ จาม หรือผ่านการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเช่น มือ ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ทั้งที่ทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่าง  อาการมีตั้งแต่เล็กน้อย เจ็บคอ น้ำมูกไหล ไอ ไปจนถึงหายใจลำบาก หายใจเร็วหรือหอบ ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลและใช้เครื่องช่วยหายใจโดยเฉพาะในเด็กทารกคลอดก่อนกำหนด ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคหอบหืดและปอดเรื้อรัง รวมทั้งคนที่อ้วนมาก  RSV เป็นเชื้อโรคหลักที่ทำให้เด็กต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนล่างและเป็นสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วยและเสียชีวิตในทารกจากโรคติดเชื้อไวรัสในระบบหายใจ  หลักฐานจากการศึกษาหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่าการติดเชื้อ RSV ที่รุนแรงในช่วงวัยทารกมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการเกิดโรคหืดในวัยเด็กตอนโตแล้ว  

ข้อมูลจากต่างประเทศพบว่า การเจ็บป่วยจากโรคติดเชื้อ RSV เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดีในสหรัฐอเมริกาและยุโรปประมาณร้อยละ 3-7 ต่อปี ในสหรัฐอเมริกามีผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลประมาณ 177,000 รายและเสียชีวิตประมาณ 14,000 รายต่อปี ความรุนแรงของโรคในผู้สูงอายุที่ถูกรับเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลพบว่า มีถึงร้อยละ 18 ที่ต้องรับเข้าไปรักษาในหออภิบาล, ร้อยละ 31 ได้รับการบริการดูแลสุขภาพต่อที่บ้านหลังจำหน่ายจากโรงพยาบาลแล้ว และร้อยละ 26 เสียชีวิตภายใน 1 ปีหลังเข้ารับการรักษา  ในประเทศสเปนพบว่าฤดูกาลปี 2564 ถึง 2565 มีการระบาดของโรคติดเชื้อ RSV จนทำให้เกิดการเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลปฐมภูมิประมาณหนึ่งล้านครั้ง และมีการเข้ารักษาในโรงพยาบาลด้วยโรค RSV จำนวน 23,000 ครั้ง ซึ่งข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่า การติดเชื้อ RSV เกิดขึ้นบ่อยครั้งและเป็นภาระด้านสุขภาพอย่างมากในประเทศสเปนและประเทศต่าง ๆทั่วโลก


 

โรคนี้ทำให้สมาชิกในครอบครัวตั้งแต่ผู้ปกครอง พี่น้อง ต้องกลายเป็น“ผู้ป่วยมือสอง” เพราะต้องติดตาม ดูแลผู้ป่วยที่เป็นทารก เด็กเล็ก หรือผู้สูงวัยที่มารับการบริการทางการแพทย์ที่คลินิกหรือโรงพยาบาลแบบคนไข้นอกหรือโอพีดี และบางรายป่วยรุนแรงจนต้องรักษาในโรงพยาบาล  การระบาดของเชื้อ RSV เกิดขึ้นบ่อยในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงพฤศจิกายนของทุกปี ข้อมูลในประเทศไทย ณ วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 จากนายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล กล่าวว่าข้อมูลจากระบบเฝ้าระวังโรคดิจิทัล (Digital Disease Surveillance: DDS) กองระบาดวิทยา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จนถึง 21 กรกฎาคม 2568 พบว่า มีผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัส RSV 1,631 ราย ยังไม่พบผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยบ่อย 3 อันดับแรก เป็นกลุ่มอายุ 0-4 ปีจำนวน 1,246 ราย รองลงมาคืออายุ 5-9 ปี 141 ราย และอายุ 60 ปีขึ้นไปมีจำนวน 60 ราย แน่นอนว่าหากมีเครื่องมือช่วยตรวจแบบ ATK ในการวินิจฉัยโรคนี้  เชื่อว่าจะพบผู้ป่วยจำนวนมากขึ้นกว่าที่รายงานนี้อย่างแน่นอน

หลังจากรอคอยมานาน  เราก็เริ่มมีวัคซีนมาใช้ป้องกันโรคและลดความรุนแรงของอาการต่าง ๆ  ขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สหรัฐอเมริการับรองแล้วมี 3 ขนานคือ Arexvy®, Abrysvo®, และ mRESVIA®  ประเทศไทยจะมีวัคซีน 2 ขนานแรก ข้อมูลจากงานวิจัยทำให้มีข้อบ่งใช้ต่างกันเล็กน้อยเช่น Arexvy® ใช้ฉีดในผู้ใหญ่อายุ 60 ปีหรือมากกว่าและอายุ 50-59 ปีในผู้ที่เสี่ยงสูงที่จะป่วยรุนแรงจากการติดเชื้อ ผู้ที่เสี่ยงสูงคือ กลุ่ม 608 ผู้ที่อ้วนมาก ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องและน่าจะรวมผู้ติดสุราเรื้อรังด้วย ส่วน Abrysvo® และ mRESVIA® ใช้ฉีดในผู้ใหญ่อายุ 60 ปีหรือมากกว่าและผู้ที่มีอายุ 18-59 ปีที่เสี่ยงสูงที่จะป่วยรุนแรง  นอกจากนี้วัคซีน Abrysvo® ยังมีข้อบ่งใช้ในการฉีดมารดาในช่วงอายุครรภ์ 32-36 สัปดาห์เพื่อกระตุ้นให้มารดาสร้างภูมิคุ้มกัน IgG แล้วถ่ายทอดผ่านรกไปยังทารกในครรภ์ ทำให้ทารกมีภูมิคุ้มกันป้องกัน RSV ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 เดือนแรกได้ด้วย เป็นการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 1 ครั้ง  ทำให้มารดาและลูกมีภูมิคุ้มกันต่อโรคติดเชื้อ RSV

ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนในโรคติดเชื้อ RSV มีดังนี้

วัคซีน Arexvy® มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคทางเดินหายใจส่วนล่างที่เกิดจากไวรัส RSV ในผู้ใหญ่อายุ 60 ปีขึ้นไป โดยมีประสิทธิภาพในการป้องกัน RSV-LRTD ที่ร้อยละ 52.6 และป้องกันภาวะ RSV-LRTD รุนแรง (Severe RSV-LRTD) ที่ร้อยละ 94.1 หลังการติดตามนานโดยเฉลี่ย 6.9 เดือน และยังคงมีประสิทธิภาพป้องกันโรคในระยะยาว  ส่วนใหญ่มีผลข้างเคียงเล็กน้อยและชั่วคราว เช่น อาการปวดบริเวณที่ฉีด อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ

เมื่อติดตามประสิทธิภาพของวัคซีนนานถึง 17.8 เดือนหรือ 2 ฤดูกาลของการระบาดของโรค RSV พบว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนสำหรับการป้องกัน RSV-LRTD อยู่ที่ร้อยละ 74.5 และ severe RSV-LRTD อยู่ที่ร้อยละ 82.7 และประสิทธิภาพในการป้องกันโรคสำหรับกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 1 โรคคือร้อยละ 74.5

เมื่อติดตามผู้ฉีดวัคซีนไปนานถึง 3 ฤดูกาลติดต่อกันของการระบาดของเชื้อ RSV พบว่าประสิทธิภาพสะสมของการลด RSV-LRTD หลังการฉีดเข็มเดียวอยู่ที่ร้อยละ 62.9 และลด severe RSV-LRTD ได้ร้อยละ 67.4 ซึ่งก็ยังถือว่าอยู่ในระดับดี

แนะนำให้ฉีดในผู้ใหญ่ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปทุกรายและในผู้ใหญ่ที่มีอายุ 50 ถึง 59 ปีที่มีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยรุนแรงจากการติดเชื้อ RSV

วัคซีน Abrysvo® มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคทางเดินหายใจส่วนล่างที่เกิดจากไวรัส RSV ในผู้ใหญ่และทารก การศึกษาในผู้ใหญ่อายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 34,284 ราย พบว่า สามารถลดอัตราการเจ็บป่วยจากการติดเชื้อ RSV โดยผู้ป่วยมีอาการอย่างน้อย 2 และ 3 อาการขึ้นไปได้ประมาณร้อยละ 67 และ 86 ตามลำดับ  และลดอัตราการเจ็บป่วยแบบเฉียบพลันจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ร้อยละ 62  ฤทธิ์ไม่พึงประสงค์พบน้อยและใช้ได้อย่างปลอดภัย  เมื่อติดตามผู้ฉีดวัคซีนต่อไปในฤดูกาลที่มีการระบาดของ RSV ติดต่อกัน 2 ฤดูพบว่าการฉีดวัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อทั้ง RSV เอ และ บี (RSV-LRTD) ได้ที่ร้อยละ 77.8 ส่วนในมารดาที่ฉีดวัคซีนชนิดนี้สามารถลดการติดเชื้อ RSV ที่รุนแรง (severe RSV-LRTD) ในทารกหลังคลอดได้ร้อยละ 81.8 และ 69.4 หลังทารกคลอดได้ 90 และ 180 วันตามลำดับ

ผลข้างเคียงมีเล็กน้อยและเป็นอยู่ชั่วคราวเท่านั้น ถือว่าเป็นวัคซีนมีความปลอดภัยสูงเช่นกัน

ปัจจุบัน ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความจำเป็นสำหรับการฉีดวัคซีนซ้ำหลังจากเข็มแรก   สำหรับผู้สูงอายุที่เคยติด RSV นั้นสามารถฉีดวัคซีน RSV ได้ 1 เข็มเมื่อหายจากโรค RSV 

เนื่องจากโรคติดเชื้อ RSV เกิดได้ในทารกและสามารถก่อความรุนแรงในระบบทางเดินหายใจได้ จึงมีการผลิตโมโนโคลนอล แอนติบอดี เป็นภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปขึ้นมาใช้ หรือฉีดวัคซีนให้มารดาที่ตั้งครรภ์เพื่อผลิตแอนติบอดีแล้วส่งผ่านรกไปให้ทารก  วัคซีน Abrysvo® สามารถนำใช้ฉีดในหญิงตั้งครรภ์ได้    แต่ถ้ามารดาไม่ได้ฉีดวัคซีนนี้มาก่อนหรือคลอดลูกก่อนที่จะได้ฉีดวัคซีนนานเกิน 14 วัน ก็ยังมีโมโนโคลนอล แอนติบอดีที่มีระยะกึ่งชีพยาว(421 ถึง 172 วัน) 2 ชนิดที่ป้องกันทารกจากการติดเชื้อ RSV ที่รุนแรงได้ ยา 2 ขนานนี้คือ Nirsevimab  และ Clesrovimab ซึ่งมาใช้แทนที่ยาเก่า Palivizumab  ยาทั้งคู่ใช้ฉีดเข้ากล้ามครั้งเดียวสำหรับทารกอายุน้อยกว่า 8 เดือน แต่ Nirsevimab ยังมีข้อมูลที่แนะนำใช้ในฤดูกาล RSV ครั้งที่ 2 สำหรับทารกกลุ่มเสี่ยงสูงอายุ 8 ถึง 19 เดือน  ยา Nirsevimab มีใช้ฉีดทั้งขนาด 50 มิลลิกรัมในทารกน้ำหนักตัวน้อยกว่า 5 กิโลกรัม และฉีด 100 มิลลิกรัมสำหรับทารกน้ำหนักตัวตั้งแต่ 5 กิโลกรัมขึ้นไป ยาขนานนี้ขึ้นทะเบียนในประเทศไทยแล้ว  ส่วนยา Clesrovimab ฉีดในขนาดเดียวคือ 105 มก. ควรฉีดยานี้ก่อนเข้าฤดูฝนก่อนช่วงที่โรคนี้จะระบาด    

ทารกและเด็กเล็กโดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะป่วยรุนแรงสูงเช่น ทารกแรกเกิด, เด็กที่คลอดก่อนกำหนด, เด็กที่มีโรคปอด โรคหัวใจแต่กำเนิด หรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง, และเด็กที่อยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็ก ควรฉีดยานี้ในช่วงก่อนฤดูระบาดของ RSV  ยังไม่แนะนำให้ฉีดยาขนานนี้เพื่อป้องกันเชื้อ RSV ในทารกที่มีอายุ 8 เดือนขึ้นไปที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงสูงต่อการเจ็บป่วยรุนแรงจากการติดเชื้อ RSV โดยเฉพาะในทารกหรือเด็กที่มีอายุเกิน ๒๔ เดือนขึ้นไป ยกเว้นทารกที่มีโรคหัวใจพิการหรือหลอดลมผิดปกติตั้งแต่กำเนิด หรือทารกที่มีความบกพร่องในการสร้างภูมิคุ้มกันชนิด IgG ตั้งแต่เกิดและเสี่ยงสูงที่จะเกิดปอดอักเสบรุนแรงจากการติดเชื้อ RSV

รายละเอียดของข้อมูลจากการศึกษาวิจัยประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาโมโนโคลนอล แอนติบอดี ในโรคติดเชื้อ RSV มีดังนี้

ประสิทธิภาพของ Nirsevimab (Beyfortus®) ในการลดความรุนแรงของการติดเชื้อ RSV ในทารกดังนี้

  • ลดความรุนแรงที่จะทำให้ผู้ป่วยไปรับการรักษาตัวโดยรวมในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อ RSV ได้มากถึงร้อยละ 83.2 (ช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95 อยู่ที่ 67.8 และ 92.0, ค่า p <0.001)  ค่าอัตราการลดการรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาลของแต่ละประเทศจะแตกต่างกัน เช่น ร้อยละ 89.6, 72.2 และ 83.4 ในฝรั่งเศส เยอรมัน และอังกฤษ ตามลำดับ 
  • ลดความรุนแรงระดับสูงมากจากการติดเชื้อ RSV ได้ร้อยละ 75.7 (ช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95 อยู่ที่ 32.8 และ 96.4, ค่า p = 0.004)
  • ยาขนานนี้มีอายุกึ่งชีพยาวถึง 712 วัน การฉีดยาเข้ากล้ามครั้งเดียวจะทำให้ยาออกฤทธิ์ได้นานถึง 5 เดือน ขนาดยาที่แนะนำสำหรับฉีดทารกน้ำหนักตัวระหว่าง 1 ถึง 5 กก. คือ 50 มก. และฉีดขนาด 100 มก. สำหรับทารกน้ำหนักตัวมากกว่า 5 กิโลกรัมขึ้นไป

ยาอีกขนานหนึ่งที่มีให้เลือกแต่ยังไม่ขึ้นทะเบียนยาในประเทศไทยคือ clesrovimab-cfor (Enflonsia®)

ประสิทธิภาพของ clesrovimab-cfor ในการลดความรุนแรงของการติดเชื้อ RSV ในทารกมีดังนี้

  • ลดความรุนแรงของอาการหลอดลมส่วนล่างหรือปอดอักเสบที่ทำให้ผู้ป่วยต้องไปรับการบริการทางการแพทย์ (medically attended lower respiratory infections หรือ MALRI) ได้ถึงร้อยละ 60.5 (ช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95 อยู่ที่ 44.2และ 72.0, ค่า p <0.001) ในช่วงเวลา 5 เดือนหลังฉีดยาเมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับยาหลอก
  • ลดความรุนแรงของการเจ็บป่วยจากการติดเชื้อ RSV ที่ทำให้ผู้ป่วยถูกรับไว้รักษาในโรงพยาบาล (RSV-associated hospitalizations) ถึงร้อยละ 84.3 (ช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95 อยู่ที่ 66.7 และ 92.6, ค่า p <0.001)  ในช่วงเวลา 5 เดือนเมื่อเทียบกับยาหลอก 

ยาขนานนี้มีอายุกึ่งชีพนานประมาณ 421 วัน การฉีดยา clesrovimab-cfor ขนานนี้เข้ากล้ามมีความสะดวกตรงที่ใช้ขนาดเดียวในทารกแรกเกิดหรือทั่วไป คือฉีด 105 มิลลิกรัมเข้ากล้ามครั้งเดียวโดยไม่ต้องปรับขนาดยาตามน้ำหนักตัวทารก 

เนื่องจากยังไม่ได้มีการศึกษาในการป้องกันการติดเชื้อ RSV ในฤดูกาลครั้งที่สอง  จึงยังไม่มีคำแนะนำให้ใช้ยาขนานนี้ในทารกอายุเกิน ๘ เดือน

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยตีพิมพ์*ในเดือนกันยายน ๒๕๖๘ เร็ว ๆ นี้เองที่ยืนยันว่า ยาพ่นจมูกอะเซลาสทีน(azelastine)ที่เคยใช้กันมานานสำหรับบรรเทาอาการภูมิแพ้ที่จมูก เช่น น้ำมูกไหล คันจมูก จาม และเสมหะไหลลงคอ(post-nasal drip) ซึ่งมีตัวยาอะเซลาสทีน(azelastine) ที่ออกฤทธิ์ต้านฮีสตามีน พบว่ายาขนานนี้ยังสามารถออกฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ทุกสายพันธุ์(สายพันธุ์ D614G, อัลฟา, เบตา, เดลตา และโอไมครอน BA.1) ทำให้ไม่ติดเชื้อโควิด-19 หรือบรรเทาอาการติดเชื้อโควิด-19 ได้ดี กลไกการออกฤทธิ์อาจเกี่ยวข้องกับการยับยั้งกระบวนการออกฤทธิ์ของฮีสตามีนและออกฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัสโดยตรง  นอกจากเชื้อโควิด-19 ยาพ่นจมูกอะเซลาสทีนยังออกฤทธิ์ต่อต้านการติดเชื้อไรโนไวรัส (rhinovirus) ที่ก่อโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจบ่อย ๆ ได้ด้วย  กระบวนการออกฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไรโนไวรัส อาจเกิดจากการยับยั้ง ICAM-1 ซึ่งเป็นตัวรับหลักของเชื้อไรโนไวรัสที่จะเข้าไปในเซลล์บุโพรงจมูกด้วย

โดยสรุป ยาพ่นจมูกอะเซลาสทีนสามารถลดการติดเชื้อทั้งเชื้อโควิด-19 (ลดเหลือ 0.31 เท่า) บรรเทาอาการให้หายเร็วขึ้นในผู้ติดเชื้อโควิด-19 และลดการติดเชื้อไวรัสหวัดชนิด rhinovirus ได้ด้วย

นี่แหละครับ ที่ทำให้พวกหมอเราต้องมีการศึกษาต่อเนื่องเพื่อติดตามวิทยาการให้ทันสมัยและนำมาความรู้ใหม่นี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนชาวไทย

*เอกสารอ้างอิง

Lehr T, Meiser P, Selzer D, et al. Azelastine Nasal Spray for Prevention of SARS-CoV-2 Infections: A Phase 2 Randomized Clinical Trial. JAMA Intern Med. Published online September 02, 2025. doi:10.1001/jamainternmed.2025.4283

 

ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์อมร ลีลารัศมี

กรรมการแพทยสภา และประธานฝ่ายฝึกอบรมและสอบ แพทยสภา

รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสยาม

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:04 น. ‘กมธ.ต่างประเทศ’ยกคณะฯล่องใต้ หนุน‘ภูเก็ต’เมืองต้นแบบมรดกโลก
21:31 น. ผู้ปกครองต้องตั้งสติ! 'หมอเด็ก'แนะวิธีดูแลเบื้องต้นเมื่อ'ลูก'มีไข้สูง-ชัก
21:11 น. สวรรค์เปิดฟ้า ตื่นตา!เมฆสีรุ้งเหนือกว๊านพะเยา
20:28 น. ‘ในหลวง-พระราชินี’ทอดพระเนตร การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ รอบปฐมทัศน์ ตอน‘สัตยาพาลี’ สืบสานพระราชปณิธาน‘พระพันปีหลวง’
20:12 น. 5 ทศวรรษ รอยพระบาทที่ยาตรา พระราชกรณียกิจใน 'สมเด็จพระพันปีหลวง' ณ คณะแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่
ดูทั้งหมด
พร้อมกันหรือยัง!!! เปิดภาพพยากรณ์อากาศ 12-13 พ.ย. อุณหภูมิเย็นลงอีกครั้ง
มิติใหม่! 'หน้าเหมือนองค์หญิงมาก องค์หญิงจ๊ะ' สมเด็จเจ้าฟ้าสิริวัณณวรี ทรงไลฟ์สดแต่งพระพักตร์ครั้งแรก (ชมคลิป)
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2568
มาแล้ว!!! กรมอุตุฯคาดหมายอากาศ 7 วันข้างหน้า ตั้งแต่ 28 ต.ค.-3 พ.ย.68
'พี่ดี้'ถึงกับห่อเหี่ยวอดสู เห็นประกาศรับสมัครครูปฐมวัย เงินเดือน6,000บาท
ดูทั้งหมด
แบงก์ชาติต้องเข้ามาแทรกแซงค่าเงินบาทให้อ่อนตัวโดยเร็ว
กองทัพไทยกับการสนับสนุนจากประชาชน
บุคคลแนวหน้า : 2 พฤศจิกายน 2568
อะไรที่ทุกคนต้องเรียน
‘พ่อ’ ลาออก ‘ลูก’ ขึ้นหัวหน้า
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เปิดใจวีรบุรุษศึกเขมร ตอกย้ำ‘มีทหารไว้ทำไม’ ตีแสกหน้าบางพรรคทำลายความเสียสละทหารหนุ่ม

'สกลธี'ถามแทนใจคนกรุงฯ เมื่อไหร่ค่าโดยสารรถไฟฟ้าจะ 25-30 บาท!?

‘โรม’แบไต๋ซักฟอกอาจไม่ต้องรอลุ้นถึงม.ค.69 บี้ถาม ‘พท.’ จี้จุดเยื่อใย ‘ธรรมนัส’

ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง! ‘อ.ไชยันต์’หนุนรัฐสางปม ใครคือคนสั่งทหารยิงคนในวัดปทุมฯ

สยอง! พบศพขาดครึ่ง ลอยติดเกาะกลางอ่าวสัตหีบ

รมว.กห.ประชุม ADMM ครั้งที่ 19 หนุนอาเซียนเป็นศูนย์กลางสู่สันติภาพยั่งยืน

  • Breaking News
  • ‘กมธ.ต่างประเทศ’ยกคณะฯล่องใต้ หนุน‘ภูเก็ต’เมืองต้นแบบมรดกโลก ‘กมธ.ต่างประเทศ’ยกคณะฯล่องใต้ หนุน‘ภูเก็ต’เมืองต้นแบบมรดกโลก
  • ผู้ปกครองต้องตั้งสติ! \'หมอเด็ก\'แนะวิธีดูแลเบื้องต้นเมื่อ\'ลูก\'มีไข้สูง-ชัก ผู้ปกครองต้องตั้งสติ! 'หมอเด็ก'แนะวิธีดูแลเบื้องต้นเมื่อ'ลูก'มีไข้สูง-ชัก
  • สวรรค์เปิดฟ้า ตื่นตา!เมฆสีรุ้งเหนือกว๊านพะเยา สวรรค์เปิดฟ้า ตื่นตา!เมฆสีรุ้งเหนือกว๊านพะเยา
  • ‘ในหลวง-พระราชินี’ทอดพระเนตร การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ รอบปฐมทัศน์ ตอน‘สัตยาพาลี’ สืบสานพระราชปณิธาน‘พระพันปีหลวง’ ‘ในหลวง-พระราชินี’ทอดพระเนตร การแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ รอบปฐมทัศน์ ตอน‘สัตยาพาลี’ สืบสานพระราชปณิธาน‘พระพันปีหลวง’
  • 5 ทศวรรษ รอยพระบาทที่ยาตรา พระราชกรณียกิจใน \'สมเด็จพระพันปีหลวง\' ณ คณะแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ 5 ทศวรรษ รอยพระบาทที่ยาตรา พระราชกรณียกิจใน 'สมเด็จพระพันปีหลวง' ณ คณะแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

โรคทางกายที่ทำให้ตาแห้ง

โรคทางกายที่ทำให้ตาแห้ง

1 พ.ย. 2568

อาการชักจากไข้

อาการชักจากไข้

25 ต.ค. 2568

โรคกระเพาะอาหารและเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร

โรคกระเพาะอาหารและเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร

18 ต.ค. 2568

“ต้อหินและการหยอดตา”

“ต้อหินและการหยอดตา”

11 ต.ค. 2568

ฝนตก คัดจมูก น้ำมูกไหล – หวัด จมูกอักเสบเรื้อรัง หรือไซนัสอักเสบ

ฝนตก คัดจมูก น้ำมูกไหล – หวัด จมูกอักเสบเรื้อรัง หรือไซนัสอักเสบ

4 ต.ค. 2568

เรื่องของการยอมรับ

เรื่องของการยอมรับ

27 ก.ย. 2568

วัคซีนและยาลดความรุนแรงจากโรคติดเชื้อ RSV

วัคซีนและยาลดความรุนแรงจากโรคติดเชื้อ RSV

18 ก.ย. 2568

ผู้ป่วยโรคหัวใจ: Cardiac Rehabilitation จำเป็นไหม ต้องทำอย่างไร?

ผู้ป่วยโรคหัวใจ: Cardiac Rehabilitation จำเป็นไหม ต้องทำอย่างไร?

13 ก.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved