วันพฤหัสบดี ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์ผู้หญิง / ทันโลกทันเหตุการณ์
ทันโลกทันเหตุการณ์

ทันโลกทันเหตุการณ์

แพทยสภา
วันพฤหัสบดี ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2568, 15.08 น.
วัคซีนและยาลดความรุนแรงจากโรคติดเชื้อ RSV

ดูทั้งหมด

  •  

คนทั่วไปจะรู้จักเชื้อไวรัสหลายชนิดที่ก่อโรคในระบบการหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่างได้ดีโดยเฉพาะเชื้อโควิด-19 ไข้หวัดใหญ่และไข้หวัดนก ปัจจุบันขอแนะนำเชื้อไวรัสอีก 1 ตัวที่ก่อโรคในระบบทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่างที่พบได้บ่อย บางรายติดเชื้อและป่วยรุนแรงจนต้องเข้าไปรักษาในโรงพยาบาล  ขณะนี้เรามีวัคซีนและโมโนโคลนอล แอนติบอดีมาช่วยลดความรุนแรงของโรคนี้ได้แล้วโดยเฉพาะในทารกและผู้สูงวัย เชื้อไวรัสตัวนี้คือเชื้อไวรัส Respiratory syncytial virus (RSV)  เชื้อแบ่งตามแอนติเจนได้เป็น 2 กลุ่มคือ A และ B  เชื้อแพร่กระจายผ่านละอองขนาดเล็กใหญ่ และผ่านละอองน้ำมูก น้ำลาย จากการไอ จาม หรือผ่านการสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเช่น มือ ทำให้เกิดการติดเชื้อได้ทั้งที่ทางเดินหายใจส่วนบนและส่วนล่าง  อาการมีตั้งแต่เล็กน้อย เจ็บคอ น้ำมูกไหล ไอ ไปจนถึงหายใจลำบาก หายใจเร็วหรือหอบ ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลและใช้เครื่องช่วยหายใจโดยเฉพาะในเด็กทารกคลอดก่อนกำหนด ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคหอบหืดและปอดเรื้อรัง รวมทั้งคนที่อ้วนมาก  RSV เป็นเชื้อโรคหลักที่ทำให้เด็กต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจส่วนล่างและเป็นสาเหตุสำคัญของการเจ็บป่วยและเสียชีวิตในทารกจากโรคติดเชื้อไวรัสในระบบหายใจ  หลักฐานจากการศึกษาหลายชิ้นชี้ให้เห็นว่าการติดเชื้อ RSV ที่รุนแรงในช่วงวัยทารกมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการเกิดโรคหืดในวัยเด็กตอนโตแล้ว  

ข้อมูลจากต่างประเทศพบว่า การเจ็บป่วยจากโรคติดเชื้อ RSV เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุที่มีสุขภาพดีในสหรัฐอเมริกาและยุโรปประมาณร้อยละ 3-7 ต่อปี ในสหรัฐอเมริกามีผู้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลประมาณ 177,000 รายและเสียชีวิตประมาณ 14,000 รายต่อปี ความรุนแรงของโรคในผู้สูงอายุที่ถูกรับเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลพบว่า มีถึงร้อยละ 18 ที่ต้องรับเข้าไปรักษาในหออภิบาล, ร้อยละ 31 ได้รับการบริการดูแลสุขภาพต่อที่บ้านหลังจำหน่ายจากโรงพยาบาลแล้ว และร้อยละ 26 เสียชีวิตภายใน 1 ปีหลังเข้ารับการรักษา  ในประเทศสเปนพบว่าฤดูกาลปี 2564 ถึง 2565 มีการระบาดของโรคติดเชื้อ RSV จนทำให้เกิดการเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลปฐมภูมิประมาณหนึ่งล้านครั้ง และมีการเข้ารักษาในโรงพยาบาลด้วยโรค RSV จำนวน 23,000 ครั้ง ซึ่งข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่า การติดเชื้อ RSV เกิดขึ้นบ่อยครั้งและเป็นภาระด้านสุขภาพอย่างมากในประเทศสเปนและประเทศต่าง ๆทั่วโลก


 

โรคนี้ทำให้สมาชิกในครอบครัวตั้งแต่ผู้ปกครอง พี่น้อง ต้องกลายเป็น“ผู้ป่วยมือสอง” เพราะต้องติดตาม ดูแลผู้ป่วยที่เป็นทารก เด็กเล็ก หรือผู้สูงวัยที่มารับการบริการทางการแพทย์ที่คลินิกหรือโรงพยาบาลแบบคนไข้นอกหรือโอพีดี และบางรายป่วยรุนแรงจนต้องรักษาในโรงพยาบาล  การระบาดของเชื้อ RSV เกิดขึ้นบ่อยในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงพฤศจิกายนของทุกปี ข้อมูลในประเทศไทย ณ วันที่ 21 กรกฎาคม 2568 จากนายแพทย์ภาณุมาศ ญาณเวทย์สกุล กล่าวว่าข้อมูลจากระบบเฝ้าระวังโรคดิจิทัล (Digital Disease Surveillance: DDS) กองระบาดวิทยา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม จนถึง 21 กรกฎาคม 2568 พบว่า มีผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัส RSV 1,631 ราย ยังไม่พบผู้เสียชีวิต กลุ่มอายุที่พบผู้ป่วยบ่อย 3 อันดับแรก เป็นกลุ่มอายุ 0-4 ปีจำนวน 1,246 ราย รองลงมาคืออายุ 5-9 ปี 141 ราย และอายุ 60 ปีขึ้นไปมีจำนวน 60 ราย แน่นอนว่าหากมีเครื่องมือช่วยตรวจแบบ ATK ในการวินิจฉัยโรคนี้  เชื่อว่าจะพบผู้ป่วยจำนวนมากขึ้นกว่าที่รายงานนี้อย่างแน่นอน

หลังจากรอคอยมานาน  เราก็เริ่มมีวัคซีนมาใช้ป้องกันโรคและลดความรุนแรงของอาการต่าง ๆ  ขณะนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา สหรัฐอเมริการับรองแล้วมี 3 ขนานคือ Arexvy®, Abrysvo®, และ mRESVIA®  ประเทศไทยจะมีวัคซีน 2 ขนานแรก ข้อมูลจากงานวิจัยทำให้มีข้อบ่งใช้ต่างกันเล็กน้อยเช่น Arexvy® ใช้ฉีดในผู้ใหญ่อายุ 60 ปีหรือมากกว่าและอายุ 50-59 ปีในผู้ที่เสี่ยงสูงที่จะป่วยรุนแรงจากการติดเชื้อ ผู้ที่เสี่ยงสูงคือ กลุ่ม 608 ผู้ที่อ้วนมาก ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องและน่าจะรวมผู้ติดสุราเรื้อรังด้วย ส่วน Abrysvo® และ mRESVIA® ใช้ฉีดในผู้ใหญ่อายุ 60 ปีหรือมากกว่าและผู้ที่มีอายุ 18-59 ปีที่เสี่ยงสูงที่จะป่วยรุนแรง  นอกจากนี้วัคซีน Abrysvo® ยังมีข้อบ่งใช้ในการฉีดมารดาในช่วงอายุครรภ์ 32-36 สัปดาห์เพื่อกระตุ้นให้มารดาสร้างภูมิคุ้มกัน IgG แล้วถ่ายทอดผ่านรกไปยังทารกในครรภ์ ทำให้ทารกมีภูมิคุ้มกันป้องกัน RSV ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 6 เดือนแรกได้ด้วย เป็นการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 1 ครั้ง  ทำให้มารดาและลูกมีภูมิคุ้มกันต่อโรคติดเชื้อ RSV

ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีนในโรคติดเชื้อ RSV มีดังนี้

วัคซีน Arexvy® มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคทางเดินหายใจส่วนล่างที่เกิดจากไวรัส RSV ในผู้ใหญ่อายุ 60 ปีขึ้นไป โดยมีประสิทธิภาพในการป้องกัน RSV-LRTD ที่ร้อยละ 52.6 และป้องกันภาวะ RSV-LRTD รุนแรง (Severe RSV-LRTD) ที่ร้อยละ 94.1 หลังการติดตามนานโดยเฉลี่ย 6.9 เดือน และยังคงมีประสิทธิภาพป้องกันโรคในระยะยาว  ส่วนใหญ่มีผลข้างเคียงเล็กน้อยและชั่วคราว เช่น อาการปวดบริเวณที่ฉีด อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ

เมื่อติดตามประสิทธิภาพของวัคซีนนานถึง 17.8 เดือนหรือ 2 ฤดูกาลของการระบาดของโรค RSV พบว่า ประสิทธิภาพของวัคซีนสำหรับการป้องกัน RSV-LRTD อยู่ที่ร้อยละ 74.5 และ severe RSV-LRTD อยู่ที่ร้อยละ 82.7 และประสิทธิภาพในการป้องกันโรคสำหรับกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 1 โรคคือร้อยละ 74.5

เมื่อติดตามผู้ฉีดวัคซีนไปนานถึง 3 ฤดูกาลติดต่อกันของการระบาดของเชื้อ RSV พบว่าประสิทธิภาพสะสมของการลด RSV-LRTD หลังการฉีดเข็มเดียวอยู่ที่ร้อยละ 62.9 และลด severe RSV-LRTD ได้ร้อยละ 67.4 ซึ่งก็ยังถือว่าอยู่ในระดับดี

แนะนำให้ฉีดในผู้ใหญ่ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปทุกรายและในผู้ใหญ่ที่มีอายุ 50 ถึง 59 ปีที่มีความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยรุนแรงจากการติดเชื้อ RSV

วัคซีน Abrysvo® มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคทางเดินหายใจส่วนล่างที่เกิดจากไวรัส RSV ในผู้ใหญ่และทารก การศึกษาในผู้ใหญ่อายุ 60 ปีขึ้นไปจำนวน 34,284 ราย พบว่า สามารถลดอัตราการเจ็บป่วยจากการติดเชื้อ RSV โดยผู้ป่วยมีอาการอย่างน้อย 2 และ 3 อาการขึ้นไปได้ประมาณร้อยละ 67 และ 86 ตามลำดับ  และลดอัตราการเจ็บป่วยแบบเฉียบพลันจากการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจได้ร้อยละ 62  ฤทธิ์ไม่พึงประสงค์พบน้อยและใช้ได้อย่างปลอดภัย  เมื่อติดตามผู้ฉีดวัคซีนต่อไปในฤดูกาลที่มีการระบาดของ RSV ติดต่อกัน 2 ฤดูพบว่าการฉีดวัคซีนสามารถป้องกันการติดเชื้อทั้ง RSV เอ และ บี (RSV-LRTD) ได้ที่ร้อยละ 77.8 ส่วนในมารดาที่ฉีดวัคซีนชนิดนี้สามารถลดการติดเชื้อ RSV ที่รุนแรง (severe RSV-LRTD) ในทารกหลังคลอดได้ร้อยละ 81.8 และ 69.4 หลังทารกคลอดได้ 90 และ 180 วันตามลำดับ

ผลข้างเคียงมีเล็กน้อยและเป็นอยู่ชั่วคราวเท่านั้น ถือว่าเป็นวัคซีนมีความปลอดภัยสูงเช่นกัน

ปัจจุบัน ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับความจำเป็นสำหรับการฉีดวัคซีนซ้ำหลังจากเข็มแรก   สำหรับผู้สูงอายุที่เคยติด RSV นั้นสามารถฉีดวัคซีน RSV ได้ 1 เข็มเมื่อหายจากโรค RSV 

เนื่องจากโรคติดเชื้อ RSV เกิดได้ในทารกและสามารถก่อความรุนแรงในระบบทางเดินหายใจได้ จึงมีการผลิตโมโนโคลนอล แอนติบอดี เป็นภูมิคุ้มกันสำเร็จรูปขึ้นมาใช้ หรือฉีดวัคซีนให้มารดาที่ตั้งครรภ์เพื่อผลิตแอนติบอดีแล้วส่งผ่านรกไปให้ทารก  วัคซีน Abrysvo® สามารถนำใช้ฉีดในหญิงตั้งครรภ์ได้    แต่ถ้ามารดาไม่ได้ฉีดวัคซีนนี้มาก่อนหรือคลอดลูกก่อนที่จะได้ฉีดวัคซีนนานเกิน 14 วัน ก็ยังมีโมโนโคลนอล แอนติบอดีที่มีระยะกึ่งชีพยาว(421 ถึง 172 วัน) 2 ชนิดที่ป้องกันทารกจากการติดเชื้อ RSV ที่รุนแรงได้ ยา 2 ขนานนี้คือ Nirsevimab  และ Clesrovimab ซึ่งมาใช้แทนที่ยาเก่า Palivizumab  ยาทั้งคู่ใช้ฉีดเข้ากล้ามครั้งเดียวสำหรับทารกอายุน้อยกว่า 8 เดือน แต่ Nirsevimab ยังมีข้อมูลที่แนะนำใช้ในฤดูกาล RSV ครั้งที่ 2 สำหรับทารกกลุ่มเสี่ยงสูงอายุ 8 ถึง 19 เดือน  ยา Nirsevimab มีใช้ฉีดทั้งขนาด 50 มิลลิกรัมในทารกน้ำหนักตัวน้อยกว่า 5 กิโลกรัม และฉีด 100 มิลลิกรัมสำหรับทารกน้ำหนักตัวตั้งแต่ 5 กิโลกรัมขึ้นไป ยาขนานนี้ขึ้นทะเบียนในประเทศไทยแล้ว  ส่วนยา Clesrovimab ฉีดในขนาดเดียวคือ 105 มก. ควรฉีดยานี้ก่อนเข้าฤดูฝนก่อนช่วงที่โรคนี้จะระบาด    

ทารกและเด็กเล็กโดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่จะป่วยรุนแรงสูงเช่น ทารกแรกเกิด, เด็กที่คลอดก่อนกำหนด, เด็กที่มีโรคปอด โรคหัวใจแต่กำเนิด หรือภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง, และเด็กที่อยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็ก ควรฉีดยานี้ในช่วงก่อนฤดูระบาดของ RSV  ยังไม่แนะนำให้ฉีดยาขนานนี้เพื่อป้องกันเชื้อ RSV ในทารกที่มีอายุ 8 เดือนขึ้นไปที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงสูงต่อการเจ็บป่วยรุนแรงจากการติดเชื้อ RSV โดยเฉพาะในทารกหรือเด็กที่มีอายุเกิน ๒๔ เดือนขึ้นไป ยกเว้นทารกที่มีโรคหัวใจพิการหรือหลอดลมผิดปกติตั้งแต่กำเนิด หรือทารกที่มีความบกพร่องในการสร้างภูมิคุ้มกันชนิด IgG ตั้งแต่เกิดและเสี่ยงสูงที่จะเกิดปอดอักเสบรุนแรงจากการติดเชื้อ RSV

รายละเอียดของข้อมูลจากการศึกษาวิจัยประสิทธิภาพและความปลอดภัยของยาโมโนโคลนอล แอนติบอดี ในโรคติดเชื้อ RSV มีดังนี้

ประสิทธิภาพของ Nirsevimab (Beyfortus®) ในการลดความรุนแรงของการติดเชื้อ RSV ในทารกดังนี้

  • ลดความรุนแรงที่จะทำให้ผู้ป่วยไปรับการรักษาตัวโดยรวมในโรงพยาบาลจากการติดเชื้อ RSV ได้มากถึงร้อยละ 83.2 (ช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95 อยู่ที่ 67.8 และ 92.0, ค่า p <0.001)  ค่าอัตราการลดการรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาลของแต่ละประเทศจะแตกต่างกัน เช่น ร้อยละ 89.6, 72.2 และ 83.4 ในฝรั่งเศส เยอรมัน และอังกฤษ ตามลำดับ 
  • ลดความรุนแรงระดับสูงมากจากการติดเชื้อ RSV ได้ร้อยละ 75.7 (ช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95 อยู่ที่ 32.8 และ 96.4, ค่า p = 0.004)
  • ยาขนานนี้มีอายุกึ่งชีพยาวถึง 712 วัน การฉีดยาเข้ากล้ามครั้งเดียวจะทำให้ยาออกฤทธิ์ได้นานถึง 5 เดือน ขนาดยาที่แนะนำสำหรับฉีดทารกน้ำหนักตัวระหว่าง 1 ถึง 5 กก. คือ 50 มก. และฉีดขนาด 100 มก. สำหรับทารกน้ำหนักตัวมากกว่า 5 กิโลกรัมขึ้นไป

ยาอีกขนานหนึ่งที่มีให้เลือกแต่ยังไม่ขึ้นทะเบียนยาในประเทศไทยคือ clesrovimab-cfor (Enflonsia®)

ประสิทธิภาพของ clesrovimab-cfor ในการลดความรุนแรงของการติดเชื้อ RSV ในทารกมีดังนี้

  • ลดความรุนแรงของอาการหลอดลมส่วนล่างหรือปอดอักเสบที่ทำให้ผู้ป่วยต้องไปรับการบริการทางการแพทย์ (medically attended lower respiratory infections หรือ MALRI) ได้ถึงร้อยละ 60.5 (ช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95 อยู่ที่ 44.2และ 72.0, ค่า p <0.001) ในช่วงเวลา 5 เดือนหลังฉีดยาเมื่อเทียบกับผู้ที่ได้รับยาหลอก
  • ลดความรุนแรงของการเจ็บป่วยจากการติดเชื้อ RSV ที่ทำให้ผู้ป่วยถูกรับไว้รักษาในโรงพยาบาล (RSV-associated hospitalizations) ถึงร้อยละ 84.3 (ช่วงความเชื่อมั่นร้อยละ 95 อยู่ที่ 66.7 และ 92.6, ค่า p <0.001)  ในช่วงเวลา 5 เดือนเมื่อเทียบกับยาหลอก 

ยาขนานนี้มีอายุกึ่งชีพนานประมาณ 421 วัน การฉีดยา clesrovimab-cfor ขนานนี้เข้ากล้ามมีความสะดวกตรงที่ใช้ขนาดเดียวในทารกแรกเกิดหรือทั่วไป คือฉีด 105 มิลลิกรัมเข้ากล้ามครั้งเดียวโดยไม่ต้องปรับขนาดยาตามน้ำหนักตัวทารก 

เนื่องจากยังไม่ได้มีการศึกษาในการป้องกันการติดเชื้อ RSV ในฤดูกาลครั้งที่สอง  จึงยังไม่มีคำแนะนำให้ใช้ยาขนานนี้ในทารกอายุเกิน ๘ เดือน

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยตีพิมพ์*ในเดือนกันยายน ๒๕๖๘ เร็ว ๆ นี้เองที่ยืนยันว่า ยาพ่นจมูกอะเซลาสทีน(azelastine)ที่เคยใช้กันมานานสำหรับบรรเทาอาการภูมิแพ้ที่จมูก เช่น น้ำมูกไหล คันจมูก จาม และเสมหะไหลลงคอ(post-nasal drip) ซึ่งมีตัวยาอะเซลาสทีน(azelastine) ที่ออกฤทธิ์ต้านฮีสตามีน พบว่ายาขนานนี้ยังสามารถออกฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ทุกสายพันธุ์(สายพันธุ์ D614G, อัลฟา, เบตา, เดลตา และโอไมครอน BA.1) ทำให้ไม่ติดเชื้อโควิด-19 หรือบรรเทาอาการติดเชื้อโควิด-19 ได้ดี กลไกการออกฤทธิ์อาจเกี่ยวข้องกับการยับยั้งกระบวนการออกฤทธิ์ของฮีสตามีนและออกฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไวรัสโดยตรง  นอกจากเชื้อโควิด-19 ยาพ่นจมูกอะเซลาสทีนยังออกฤทธิ์ต่อต้านการติดเชื้อไรโนไวรัส (rhinovirus) ที่ก่อโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจบ่อย ๆ ได้ด้วย  กระบวนการออกฤทธิ์ต่อต้านเชื้อไรโนไวรัส อาจเกิดจากการยับยั้ง ICAM-1 ซึ่งเป็นตัวรับหลักของเชื้อไรโนไวรัสที่จะเข้าไปในเซลล์บุโพรงจมูกด้วย

โดยสรุป ยาพ่นจมูกอะเซลาสทีนสามารถลดการติดเชื้อทั้งเชื้อโควิด-19 (ลดเหลือ 0.31 เท่า) บรรเทาอาการให้หายเร็วขึ้นในผู้ติดเชื้อโควิด-19 และลดการติดเชื้อไวรัสหวัดชนิด rhinovirus ได้ด้วย

นี่แหละครับ ที่ทำให้พวกหมอเราต้องมีการศึกษาต่อเนื่องเพื่อติดตามวิทยาการให้ทันสมัยและนำมาความรู้ใหม่นี้มาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนชาวไทย

*เอกสารอ้างอิง

Lehr T, Meiser P, Selzer D, et al. Azelastine Nasal Spray for Prevention of SARS-CoV-2 Infections: A Phase 2 Randomized Clinical Trial. JAMA Intern Med. Published online September 02, 2025. doi:10.1001/jamainternmed.2025.4283

 

ศาสตราจารย์เกียรติคุณนายแพทย์อมร ลีลารัศมี

กรรมการแพทยสภา และประธานฝ่ายฝึกอบรมและสอบ แพทยสภา

รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยสยาม

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
16:42 น. 'เวียดนาม'แซงไทยแล้ว! ขึ้นเป็นโน1อาเซียนจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน
16:41 น. เจ้าของร้านคาราโอเกะหลั่งน้ำตาปฏิเสธ! ถูกรวบฐานค้ามนุษย์เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี
16:39 น. กลัวเป็นตัวถ่วง! ‘ไอลอว์’ยังไม่เสนอร่างแก้ไข รธน.ฉบับภาคประชาชน
16:36 น. ชาวนาแห่ถอนไร่ละพัน ยาวเหยียดเงินหมดตู้ วอน'นายกฯหนู'พยุงราคาข้าว ไม่ให้ต่ำกว่าตัน 15,000 บาท
16:29 น. ‘อธิบดีปกครอง’ยันเร่งตรวจสอบกรณี‘ส่วยสัญชาติ’ ย้ำไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นแน่นอน
ดูทั้งหมด
ออกครบแล้ว! ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 กันยายน 2568
'เพลง ชนม์ทิดา'ร่ายความในใจ หลังถูกจับตาความสัมพันธ์'เป๊ก เศรณี'
‘ในหลวง-พระราชินี’ เสด็จฯทอดพระเนตรการแสดงกายกรรมจากจีน
(คลิป) 'ฮุนเซน' ออกโรงแจงด่วนกลางดึก ยึดทรัพย์ 'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์' ในเขมร
'มล.รจนาธร'โพสต์ขอบคุณ'ลิซ่า ลลิษา' สวมจิวเวลรีแบรนด์ไทยในลุค After party Emmy Awards
ดูทั้งหมด
วัคซีนและยาลดความรุนแรงจากโรคติดเชื้อ RSV
อลัชชีหุ้มจีวร
‘หนู-1’รัฐบาลชั่วคราวไม่ค้างคืน
ไทยต้องปรับปรุงด่วน ถ้ายังอยากอยู่ในสายตานักลงทุนโลก
หนึ่งวันพันเหตุการณ์
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'เวียดนาม'แซงไทยแล้ว! ขึ้นเป็นโน1อาเซียนจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน

เจ้าของร้านคาราโอเกะหลั่งน้ำตาปฏิเสธ! ถูกรวบฐานค้ามนุษย์เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี

ชาวนาแห่ถอนไร่ละพัน ยาวเหยียดเงินหมดตู้ วอน'นายกฯหนู'พยุงราคาข้าว ไม่ให้ต่ำกว่าตัน 15,000 บาท

‘อธิบดีปกครอง’ยันเร่งตรวจสอบกรณี‘ส่วยสัญชาติ’ ย้ำไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นแน่นอน

ศาลฎีกาจำคุก 2 ปี 'บอส ฉัตรมงคล' รปภ.บริษัทเอกชน คดี 112 เข้าคุกทันที

'กัมพูชา'เสิร์ฟไก่ย่าง-ชาเขียวปลอบใจทหารกล้า หลังโดนกระสุนยางยิงเข้าเบ้าตา

  • Breaking News
  • \'เวียดนาม\'แซงไทยแล้ว! ขึ้นเป็นโน1อาเซียนจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน 'เวียดนาม'แซงไทยแล้ว! ขึ้นเป็นโน1อาเซียนจุดหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจีน
  • เจ้าของร้านคาราโอเกะหลั่งน้ำตาปฏิเสธ! ถูกรวบฐานค้ามนุษย์เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี เจ้าของร้านคาราโอเกะหลั่งน้ำตาปฏิเสธ! ถูกรวบฐานค้ามนุษย์เด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี
  • กลัวเป็นตัวถ่วง! ‘ไอลอว์’ยังไม่เสนอร่างแก้ไข รธน.ฉบับภาคประชาชน กลัวเป็นตัวถ่วง! ‘ไอลอว์’ยังไม่เสนอร่างแก้ไข รธน.ฉบับภาคประชาชน
  • ชาวนาแห่ถอนไร่ละพัน ยาวเหยียดเงินหมดตู้ วอน\'นายกฯหนู\'พยุงราคาข้าว ไม่ให้ต่ำกว่าตัน 15,000 บาท ชาวนาแห่ถอนไร่ละพัน ยาวเหยียดเงินหมดตู้ วอน'นายกฯหนู'พยุงราคาข้าว ไม่ให้ต่ำกว่าตัน 15,000 บาท
  • ‘อธิบดีปกครอง’ยันเร่งตรวจสอบกรณี‘ส่วยสัญชาติ’ ย้ำไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นแน่นอน ‘อธิบดีปกครอง’ยันเร่งตรวจสอบกรณี‘ส่วยสัญชาติ’ ย้ำไม่มีค่าใช้จ่ายอื่นแน่นอน
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

วัคซีนและยาลดความรุนแรงจากโรคติดเชื้อ RSV

วัคซีนและยาลดความรุนแรงจากโรคติดเชื้อ RSV

18 ก.ย. 2568

ผู้ป่วยโรคหัวใจ: Cardiac Rehabilitation จำเป็นไหม ต้องทำอย่างไร?

ผู้ป่วยโรคหัวใจ: Cardiac Rehabilitation จำเป็นไหม ต้องทำอย่างไร?

13 ก.ย. 2568

ปวดอุ้งเท้าและเท้าแบน

ปวดอุ้งเท้าและเท้าแบน

6 ก.ย. 2568

เมื่อเด็กสำลักสิ่งแปลกปลอม

เมื่อเด็กสำลักสิ่งแปลกปลอม

30 ส.ค. 2568

‘การจัดการความเครียด’ โรคเครียด คือ อะไร? และ แนวทางการดูแลตัวเองเมื่อเครียด

‘การจัดการความเครียด’ โรคเครียด คือ อะไร? และ แนวทางการดูแลตัวเองเมื่อเครียด

23 ส.ค. 2568

Upper Airway Stimulation (UAS) ทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้ CPAP ได้ \'UAS เหมาะสำหรับผู้ป่วยบางกลุ่มเท่านั้น และต้องได้รับการประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ\'

Upper Airway Stimulation (UAS) ทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้ CPAP ได้ 'UAS เหมาะสำหรับผู้ป่วยบางกลุ่มเท่านั้น และต้องได้รับการประเมินโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ'

16 ส.ค. 2568

\

"แสงสว่างแห่งความหวัง: ความสำคัญของการบริจาคดวงตาและการปลูกถ่ายกระจกตา"

9 ส.ค. 2568

การปฐมพยาบาล (ซีพีอาร์) ในเด็กเบื้องต้น

การปฐมพยาบาล (ซีพีอาร์) ในเด็กเบื้องต้น

31 ก.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved