ไม่ได้ชัวร์ และก็ไม่ได้มั่วนิ่ม ที่จะบอกว่า “ออกกำลังกายแล้วอย่ากินอาหารอะไรอีก” (เพราะน้ำหนักตัวจะกลับมา) หรือ “นักวิ่ง เมื่อวิ่งเสร็จแล้วจะกินอะไรก็ได้” (เพราะเราเผาผลาญพลังงานเก่าไปหมดแล้ว) ซึ่งในความเป็นจริง มันเป็นไปได้ทั้งควรและไม่ควร ภายใต้ดุลยพินิจทางโภชนสุขภาพ
อาจารย์สง่า ดามาพงษ์ นักวิชาการโภชนาการ ที่ปรึกษากรมอนามัย และผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้ความกระจ่างว่า นักกีฬาหรือคนที่ออกกำลังกายจะใช้พลังงานมากกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกายดังนั้น ร่างกายจึงต้องการอาหารในปริมาณที่มากกว่าคนปกติ ซึ่งหากร่างกายได้รับอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ ทั้งก่อนและหลังออกกำลังกายก็จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงมีสมรรถภาพดีแต่หากกินไม่เลือกคือ กินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ หรือไม่ปลอดภัย ก็ส่งผลไม่ดีต่อร่างกายได้เช่นกัน
“การกินอาหารก่อนวิ่ง ควรจะกินก่อนประมาณ 2-3 ชั่วโมง เน้นอาหารที่ให้พลังงาน มีคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนสูง
เพื่อเป็นการสะสมไกลโคเจน เลี่ยงอาหารที่มีไขมัน มีรสเค็ม มีใยอาหารสูงและอาหารที่ไม่คุ้นเคย เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะท้องเสีย ระหว่างวิ่ง หากเวลาเกิน 2-3 ชั่วโมง ต้องจิบน้ำเปล่าทีละนิดๆ เป็นระยะ เพื่อรักษาสมดุลของน้ำในร่างกายหากดื่มมากเกินไป จะจุก แต่ถ้าไม่ดื่มเลย อาจจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ” ท่านอาจารย์ ย้ำนักย้ำหนา
“การไม่กินอาหารหลังออกกำลังกายเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะร่างกายเราต้องได้รับการฟื้นฟู หลังวิ่งหรือออกกำลังกายสิ่งแรกที่ต้องนำเข้าร่างกายคือน้ำเปล่าเพื่อเข้าไปทดแทนน้ำที่เสียไป จากนั้นให้ร่างกายได้รับคาร์โบไฮเดรตและโปรตีน เวลาที่เหมาะสมของการกินคือ 30-60 นาทีหลังออกกำลังกาย เพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายและนำไปสร้างไกลโคเจน ทดแทน ขณะที่สัดส่วนของไขมันให้กินแต่พอดี”ผู้ทรงคุณวุฒิ สสส.ย้ำอีกหน เหมือนเป็นการขีดเส้นใต้สองเส้นใต้ประโยค
เมื่ออาหารมีความสำคัญต่อการออกกำลังกายเช่นนี้ “โครงการเดินวิ่งเพื่อสุขภาพและบริโภคอาหารปลอดภัย Great Food Good Run” จึงเกิดขึ้นโดย สสส. ร่วมกับ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข และมูลนิธิสมาพันธ์ชมรมเดินวิ่งเพื่อสุขภาพไทย ตั้งเป้าการจัดเพื่อ เป็นงานที่นำสองปัจจัยในการส่งเสริมสุขภาพดี ให้มาอยู่ด้วยกัน เพื่อสร้างความเข้าใจว่า การออกกำลังกายและอาหารที่ดีและปลอดภัย คือปัจจัยที่นำไปสู่สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอย่างยั่งยืน
คุณอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เผยถึงงานนี้ว่า เป็นครั้งแรกที่งานวิ่ง และงานอาหารปลอดภัยอยู่ในงานเดียวกัน เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยผู้รักสุขภาพได้เข้าถึงอาหารปลอดภัยได้ง่ายยิ่งขึ้น โดย“งานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 22-23 ธ.ค.นี้ ที่สนามกีฬาศุภชลาศัยชิงถ้วยรางวัลของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี” แบ่งเป็น 3 ระยะ คือ 10 กม. 5 กม. และ 3 กม.
นักวิ่งทุกคนที่ร่วมงานนี้จะได้รับเสื้อวิ่ง เหรียญที่ระลึก และถุงผ้า “Great Food Good Run” นอกจากนี้ยังมีการแสดงสินค้าและจำหน่ายเกษตรอินทรีย์ เกษตรปลอดภัย สินค้าเกษตรนวัตกรรมกว่า 50 บูธ โดยเฉพาะสินค้าภายใต้การสนับสนุนของ สถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม เช่น น้ำนมข้าวยาคูที่มีคุณค่าทางอาหารสูงที่เป็นสินค้าอินทรีย์ 100% บุกผสมข้าวไรซ์เบอร์รี่ ตอบโจทย์คนที่ควบคุมแคลอรีและคาร์โบไฮเดรต นอกจากนี้ยังมีธัญพืชอัดแท่ง (Energy bar) ที่เป็นผลงานวิจัยจากนักศึกษาไทยด้วย และยังมีสินค้าเพื่อสุขภาพอีกมากมาย
ที่สำคัญรายได้จากงานนี้หลังหักค่าใช้จ่ายแล้วจะส่งมอบให้แก่สถานสงเคราะห์คนชรา 12 แห่ง ภายใต้การ
ดูแลของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรียกได้ว่าเป็นงานวิ่งที่ได้ประโยชน์ทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิต
อาหารเป็นปัจจัยที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน เรารู้อยู่แล้ว แต่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เราต้องเลือกกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ยิ่งสำหรับนักวิ่งหรือคนที่ออกกำลังกายหรือนักกีฬานั้น อาจจะต้องเอาใจใส่กว่าปกติ เพราะฉะนั้นงาน “โครงการเดินวิ่งเพื่อสุขภาพและบริโภคอาหารปลอดภัย Great Food Good Run” จึงเป็นงานที่ โฟกัสลงไปถึง ผู้รักสุขภาพและรักการออกกำลังกายโดยเฉพาะ ซึ่งหากพลาดงานนี้ไปแล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปหาข้อมูลดีๆ แบบนี้ได้อีกเมื่อไร
“ปานมณี” เห็นทีว่าจะขอไปแจมด้วยคน เพราะเป็นคนรักสุขภาพพอๆ กับรักชีวิตเหมือนกัน
โดย ปานมณี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี