วันอังคาร ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2568
กรณีเกี่ยวกับการลอยตัวค่าเงินบาท เมื่อปี 2540
มีคำพิพากษาศาลฎีกาที่น่าสนใจ 2 คดีแล้ว
1) ล่าสุด คือ คำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่แบงก์ชาติฟ้องเรียกค่าเสียหายจากนายเริงชัย มะระกานนท์ อดีตผู้ว่าการ ธปท. กรณีทำธุรกรรมใช้เงินทุนสำรองปกป้องค่าเงินบาทเรียกค่าเสียหาย 1.86 แสนล้านบาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้นายเริงชัยจ่ายค่าเสียหาย 1.85 แสนล้านบาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องระบุว่าการกระทำของนายเริงชัยไม่ได้เป็นการกระทำโดยประมาทเลินเล่อ เป็นไปตามวิสัยที่เกิดขึ้นขณะนั้น
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์
เป็นอันว่า นายเริงชัยไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย
2) คดีฮือฮาก่อนหน้านี้ คือ คดีที่นายโภคิน พลกุล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตสส. พรรคประชาธิปัตย์ กรณีอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เกี่ยวกับการลดค่าเงินบาท
โดยนายสุเทพตั้งข้อสงสัยทำนองว่านายโภคินได้นำมติจากที่ประชุมลับเรื่องการลดค่าเงินบาท ไปบอกทักษิณ ชินวัตร ทำให้บริษัทของทักษิณได้ประโยชน์
ศาลฎีกามีคำพิพากษาที่ 5730/2550 เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2550 ยกฟ้อง
ในคดีนี้ จำเลยนำสืบว่า ขณะเกิดเหตุ เป็น สส. อภิปรายในสภาเกี่ยวกับพฤติกรรมของโจทก์ที่เกี่ยวข้องกับพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ นายกรัฐมนตรี ในเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงค่าเงินบาท ประเพณีปฏิบัติที่ทำกันทุกสมัยในกรณีที่จะตัดสินใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงค่าเงินบาทนั้น ผู้เข้าร่วมประชุมจะมีเพียง 3 คน คือ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย แต่การประชุมในวันที่ 29 มิถุนายน 2540 นั้น โจทก์เข้าร่วมประชุมด้วยทั้งที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลังหรือธนาคารแห่งประเทศไทย
ก่อนเกิดเหตุคดีนี้ พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ยืนยันต่อสื่อมวลชนว่า เรื่องนี้ได้ทำเป็นความลับโดยมีผู้รู้เห็นเพียง 3 คน คือ ตนเอง นายทนงพิทยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนางเริงชัย มะระกานนท์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
แต่จำเลยทราบว่า โจทก์เข้าร่วมประชุมด้วย โดยทราบจากนายภูษณปรีย์มาโนช นายไพโรจน์ เปี่ยมพงษ์สานต์ และนายเริงชัย มะระกานนท์ เมื่อจำเลยทราบว่าโจทก์เข้าร่วมประชุมด้วย จึงเห็นเป็นข้อพิรุธว่าโจทก์สามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในการค้าขายเก็งค่าเงินบาทได้ผลกำไร
การอภิปรายของจำเลยไม่เคยใช้ข้อความยืนยันว่าโจทก์ทุจริต แต่จะใช้คำว่าตั้งข้อสงสัยในพฤติกรรมของโจทก์ว่าไม่เหมาะสม ไม่โปร่งใส สงสัยว่าโจทก์จะนำความลับเกี่ยวกับการปรับลดค่าเงินบาทไปบอกดอกเตอร์ทักษิณ เพราะเป็นที่รู้กันทั่วไปว่า ดอกเตอร์ทักษิณไม่ได้รับความเสียหายจากการปรับค่าลดค่าเงินบาทในครั้งนี้ แต่กลับได้รับผลกำไรและมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการลดค่าเงินบาท
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยที่ 1 (นายสุเทพ) เป็น สส. มีสิทธิและหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลพลเอกชวลิตได้ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โจทก์ซึ่งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลพลเอกชวลิตเป็นบุคคลที่ต้องรับการตรวจสอบจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
“....การกระทำของพลเอกชวลิตที่ยอมให้โจทก์ได้ร่วมรับรู้ถึงการปรึกษาหารือและตัดสินใจเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท อันเป็นเรื่องความลับที่สุดซึ่งเกี่ยวกับประโยชน์และส่วนได้เสียของประเทศและประชาชนจำนวนมากเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2540 ก่อนวันประกาศเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 ถึง 3 วัน ทั้งๆ ที่โจทก์ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องหรือควรรับรู้ถึงการปรึกษาหารือและการตัดสินใจในครั้งนี้เลย และหลังจากนั้นยังยืนยันในที่สาธารณะต่อสื่อมวลชนมาโดยตลอดว่า มีผู้รู้ถึงการตัดสินใจเปลี่ยนแปลงระบบอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทเพียง 3 คนเท่านั้น คือ ตัวพลเอกชวลิต นายทนง และนายเริงชัย เป็นข้อพิรุธสำคัญ
3)การลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อปี 2540 นั้น ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงจริง
เสียหายทั้งต่อรัฐ ต่อเอกชน และประชาชนที่ได้รับผลกระทบ
หลายคน หลายครอบครัว เหมือนตายทั้งเป็น
ในความเสียหายร้ายแรงนั้น มีธุรกิจของใครได้สบายตัว กระเป๋าตุง?

'รมว.นฤมล'เร่งสำรวจความเสียหายโรงเรียน หลังน้ำท่วมหาดใหญ่
กรมโยธาฯปูพรมฟื้นฟูหาดใหญ่หลังน้ำลด ผนึกกำลัง 17 จังหวัด แบ่ง 4 โซนปฏิบัติการ
ซีเกมส์พร้อม!ไทยเปิดตัว‘ศูนย์ถ่ายทอดสด IBC - ศูนย์สื่อมวลชน'
'ในหลวง-พระราชินี'ทรงเปิดอาคารเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา และทรงเปิดงาน'โครงการหลวง 2568'
บช.น.ปล่อยแถวรถยกพร้อมพลขับ 40 คัน ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี