1.คำสั่งหัวหน้า คสช. 56/2559 ให้ดำเนินการกับผู้ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายจากโครงการแทรกแซงพืชผลการเกษตร ทั้งข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพด
ความเสียหายในที่นี้ ไม่ใช่เรื่องขาดทุนปกติ แต่เป็นการกระทำผิดกฎหมายแล้วเกิดความเสียหาย เช่น มุบมิบขายให้เอกชนพวกพ้องโดยไม่เปิดประมูล ทำให้รัฐได้เงินกลับคืนมาน้อยกว่าปกติ เป็นต้น
2.ความเสียหายมหาศาลสำหรับกรณีมันสำปะหลัง ก็เกิดขึ้นในการระบายมันสำปะหลัง
โดยเฉพาะที่อ้างว่าเป็นการขายแบบจีทูจี
ขายต่ำกว่าราคาตลาด โดยไม่มีการเปิดประมูล
แต่สุดท้าย พ่อค้ามันสำปะหลังในประเทศมารับไป ทำมาหากิน หวานคอแร้ง
แทบไม่ต่างจากกรณีข้าวจีทูจีกันเลย
3.ป.ป.ช. ทำหนังสือถึงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ระบุว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนการดำเนินโครงการแทรกแซงราคามันสำปะหลังปีการผลิต 2554/2555 และปีการผลิต 2555/2556 มีการเอื้อประโยชน์แก่ผู้ประกอบการ อีกทั้งงานวิจัยที่ ป.ป.ช.ให้สถาบันวิชาการศึกษายืนยันว่า โครงการไม่มีประสิทธิภาพ เกิดปัญหาการทุจริต สูญเสียงบประมาณเป็นจำนวนมาก สร้างผลตอบแทนให้เกษตรกรในวงจำกัด แต่สร้างผลกำไรให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการจำนวนมาก ป.ป.ช.จึงเสนอแนะให้ยกเลิกโครงการ หากรัฐต้องการช่วยเหลือเกษตรกรอาจใช้การประกันราคาขั้นต่ำให้สูงกว่าต้นทุนการผลิตเพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้ แต่ราคาขั้นต่ำไม่ควรตั้งสูงจนเกินไป เป็นต้น
4.ปัจจุบัน มีคดีทุจริตระดับปฏิบัติการเกี่ยวกับโครงการมันสำปะหลังนับร้อยคดี
มันสำปะหลังหายไปจากโกดังบ้าง
เอาแกลบยัดใส่ถุงบิ๊กแบ๊กแทนบ้าง
นำปูนขาวมากองไว้กับแป้งมันบ้าง ฯลฯ
การตรวจสอบผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และแป้งมันสำปะหลัง ที่ค้างอยู่ในสต๊อกรัฐบาลปัจจุบัน พบว่า มีปริมาณมันสำปะหลังคงเหลือประมาณ 348,267 ตัน จากเดิมตัวเลขอยู่ที่ 490,593 ตัน
หายไปจำนวน 142,326 ตัน!
แยกเป็น กรณีสูญหาย 133,805 ตัน, ไฟไหม้ 3 คลัง 3,044 ตัน, กรณีจ่ายคืนให้เกษตรกรเนื่องจากไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไข และส่งคืนลานมัน ฯลฯ
การสุ่มตรวจคุณภาพมันสำปะหลังคงเหลือทั้ง 60 คลัง พบว่า มีคุณภาพตรงตามมาตรฐาน 121,259 ตัน เก็บรักษาไว้ในคลัง 11 แห่ง แต่ส่วนใหญ่ ไม่มีคุณภาพ 227,008 ตัน อยู่ในคลัง 49 แห่ง
ขนาดว่ากรมปศุสัตว์ยืนยันว่า มีคุณภาพต่ำไม่เหมาะสมนำไปใช้ทำอาหารสัตว์
ภาคเอกชนแจ้งว่า สามารถนำไปใช้ทำเชื้อเพลิงผลิตปูนซีเมนต์ได้
เท่ากับว่า สูญหาย 142,326 ตัน และไร้คุณภาพ 227,008 ตัน
นี่คือซากที่เหลืออยู่นั่นเอง
เหลือจากการรุมทึ้งผ่านการระบายมันสำปะหลังที่อ้างจีทูจีไปก่อนหน้านี้
5.ยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ นางพรทิวา นาคาศัย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถูกสอบว่าขายแป้งมันสำปะหลังจีทูจีเก๊ 1.4 แสนตัน วงเงินรวม 1,460 ล้านบาท
ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ถูกสอบว่าขายจีทูจีเก๊ ทั้งมันเส้นและแป้งมัน จำนวนรวม 7 สัญญา ปริมาณรวม 4.79 ล้านตัน มูลค่า 30,642 ล้านบาท
เรียกว่า ขายมันมือ ข้ามปี 2555 2556
ขณะนี้ ป.ป.ช.กำลังไต่สวนอยู่
6.ทั้งหมดนี้ ฝากความหวังไว้ที่ ป.ป.ช. องค์กรในกระบวนการยุติธรรม
ตลอดจนหน่วยงานรัฐ ยุครัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะต้องติดตามเช็คบิล เรียกค่าเสียหายคืนสู่แผ่นดิน ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. 56/2559
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี