รัฐบาลเพื่อไทย พยายามขายฝัน ทำนองว่าหากเปิดกาสิโนในเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ ประเทศชาติจะได้รับผลประโยชน์มากมายมหาศาล ต่างๆ นานา
เพื่อผลักดันกฎหมายประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ที่จะกลับมาพิจารณาในสภาหลังจากนี้
แต่ล่าสุด สำนักงบประมาณของรัฐสภา ได้นำเสนอข้อมูลและบทวิเคราะห์เกี่ยวกับสถานการณ์กาสิโนทั่วโลก
ฉายให้เห็นข้อมูล และให้ข้อสังเกตที่น่าสนใจ ระบุว่า
1. สถานการณ์กาสิโนทั่วโลก
Rocket Media Lab (2024) ศึกษาข้อมูลการสำรวจประเทศและเขตการปกครอง 195 แห่งทั่วโลก
พบว่า 121 ประเทศทั่วโลก (คิดเป็นร้อยละ 62.05) มีกาสิโนตั้งอยู่ภายในประเทศ
โดยอเมริกาใต้ มีสัดส่วนประเทศที่มีกาสิโนสูงที่สุดถึงร้อยละ 91.67 (11 จาก 12 ประเทศ)
รองลงมาคือ อเมริกาเหนือ ที่ร้อยละ 73.91(17 จาก 23 ประเทศ)
และยุโรป ที่ร้อยละ 73.33 (33 จาก 45 ประเทศ)
ในขณะที่ เอเชีย มีเพียงร้อยละ 36.73 (18 จาก 49 ประเทศ) เท่านั้น
ปัจจัยทางศาสนาและวัฒนธรรม มีผลอย่างมากต่อการอนุญาตให้มีกาสิโน
โดยประเทศที่ไม่มีกาสิโน ส่วนใหญ่เป็นประเทศซึ่งประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม และอยู่ภายใต้กฎหมายชารีอะห์
ในประเทศที่มีกาสิโน มีการดำเนินกิจการที่หลากหลายรูปแบบ ประกอบด้วย
(1) กาสิโนที่เปิดให้บริการทั้งนักท่องเที่ยวและประชาชนในประเทศพบมากในยุโรปและอเมริกาเหนือ
(2) กาสิโนสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้นเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและรายได้จากภาษี เช่น โดมินิกัน ตูนิเซีย ซามัวร์ และเติร์กเมนิสถาน
และ (3) กาสิโนในเขตพื้นที่เฉพาะ เช่น อินเดีย (รัฐกัว) จีน (มาเก๊า) และมาเลเซีย (เก็นติ้งไฮแลนด์)
2. ร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ....
คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการของร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ในการประชุมเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destinations) ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว ก่อให้เกิดการลงทุนและนำรายได้เข้าสู่ประเทศ ตลอดจนส่งเสริมการจ้างงานในประเทศ รวมทั้งนำธุรกิจกาสิโนและการพนันถูกกฎหมายเข้ามาอยู่ในระบบอย่างมีมาตรฐาน มีการจัดเก็บรายได้และภาษีอย่างถูกต้อง (สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี, 2568)
สถานบันเทิงครบวงจร ต้องประกอบด้วยธุรกิจสถานบันเทิงอย่างน้อย4 ประเภท เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงแรม สถานบริการ สนามกีฬา เป็นต้น ร่วมกับกาสิโน
โดยกาสิโนต้องมีสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 10 ของพื้นที่ทั้งหมด
อนุญาตให้มีการพนันได้เฉพาะประเภทที่กำหนด
และต้องมีเขตบริเวณที่แยกห่างจากธุรกิจอื่นอย่างชัดเจน
รวมทั้งห้ามบุคคลอายุน้อยกว่า 20 ปีเข้ากาสิโน
ทั้งนี้ สถานบันเทิงครบวงจรจะต้องจัดให้มีพื้นที่สำหรับส่งเสริมสินค้า บริการ และศิลปวัฒนธรรมไทย ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของพื้นที่ทั้งหมด
3. ผลกระทบทางบวกของ Entertainment Complex
3.1) ผลกระทบระยะสั้นต่อเศรษฐกิจไทย
จากการวิเคราะห์ผลกระทบทางเศรษฐกิจในระยะสั้นของโครงการสถานบันเทิงครบวงจร ด้วยแบบจำลอง Input-Output โดยสำนักงบประมาณของรัฐสภา พบว่า
การลงทุนเริ่มต้นที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาท ก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ดังนี้
• ผลกระทบต่อผลผลิตรวม (Gross Domestic Output) พบว่า ผลผลิตรวมเพิ่มขึ้น 182,192 ล้านบาท
ภาคก่อสร้างได้รับผลกระทบสูงสุด (100,096 ล้านบาท)
ผลิตภัณฑ์อโลหะได้รับผลกระทบรองลงมา (19,613 ล้านบาท)
ตามด้วยภาคบริการ (12,570 ล้านบาท)
และภาคการค้า (9,440 ล้านบาท)
• ผลกระทบต่อมูลค่าเพิ่ม (Total Value Added) พบว่า มูลค่าเพิ่มรวมเพิ่มขึ้น 68,111 ล้านบาท
กระจายเป็น
ค่าจ้างและเงินเดือน 21,384 ล้านบาท
กำไรจากการดำเนินงาน 27,075 ล้านบาท
ค่าเสื่อมราคา 15,144 ล้านบาท
และภาษีทางอ้อมสุทธิ 4,508 ล้านบาท
• การกระจายผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในช่วงระยะสั้น
พบว่า ภาคการก่อสร้าง (ผลผลิต 100,096 ล้านบาท และมูลค่าเพิ่ม 31,075 ล้านบาท)
ผลิตภัณฑ์อโลหะ (ผลผลิต 19,613 ล้านบาท และมูลค่าเพิ่ม 6,674 ล้านบาท)
ภาคบริการ (ผลผลิต 12,570 ล้านบาท และมูลค่าเพิ่ม 7,497 ล้านบาท)
ภาคการค้า (ผลผลิต 9,440 ล้านบาท และมูลค่าเพิ่ม 6,897 ล้านบาท)
และเหมืองแร่ (ผลผลิต 9,006 ล้านบาท และมูลค่าเพิ่ม 5,376 ล้านบาท)
3.2) ผลกระทบระยะยาวตามเป้าหมายของรัฐบาล
การลงทุนนี้ อาจจะสร้างประโยชน์ระยะยาวหลายประการ ได้แก่
(1) ดึงดูดการลงทุนขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง จากนักลงทุนที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก
(2) พัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ
(3) สร้างการจ้างงานถาวรในธุรกิจบริการและธุรกิจสนับสนุน
(4) เพิ่มรายได้ภาษีอย่างยั่งยืนจากการนำธุรกิจกาสิโนและการพนันเข้าสู่ระบบ
(5) ยกระดับประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาค
และ (6) สร้างระบบนิเวศทางธุรกิจใหม่ที่เชื่อมโยงผู้ประกอบการท้องถิ่นกับนักท่องเที่ยวคุณภาพ (กรมประชาสัมพันธ์, 2568)
4. ผลกระทบทางลบของ Entertainment Complex
แม้ว่าโครงการ Entertainment Complex จะมีศักยภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่อาจมีผลกระทบทางลบที่สำคัญในหลายมิติ ดังนี้
4.1) ด้านสังคม อาจเกิดปัญหาพฤติกรรมติดการพนัน โดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบางทางเศรษฐกิจ ซึ่งนำไปสู่หนี้สินครัวเรือนและความรุนแรงในครอบครัว รวมถึงอาชญากรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น การกู้เงินนอกระบบและการฟอกเงิน
4.2) อาจเกิดความเหลื่อมล้ำระหว่างพื้นที่ เนื่องจากโครงการมักตั้งอยู่ในพื้นที่เศรษฐกิจที่มีศักยภาพสูงอยู่แล้ว อาจทำให้เกิดการกระจุกตัวของเม็ดเงินลงทุนและบริการภาครัฐ ขณะที่ราคาที่ดินและค่าครองชีพในพื้นที่อาจเพิ่มสูงขึ้น
4.3) หากการกำกับดูแลไม่มีประสิทธิภาพ อาจเกิดปัญหาการทุจริต การฟอกเงิน หรือการค้ามนุษย์ รวมถึงความเสี่ยงต่อระบบการเงินภายในประเทศ
4.4) การเปิดกาสิโนอย่างเป็นทางการอาจกระทบต่อค่านิยมและวัฒนธรรมไทย โดยอาจส่งผลต่อค่านิยมของเยาวชนในเรื่องการแสวงหาความมั่งคั่งจากการพนัน
4.5) การเพิ่มขึ้นของการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งผลการศึกษาชี้ว่าเกี่ยวข้องกับการดำเนินการของกาสิโน โดยพบว่าร้อยละ 20 ของเยาวชนที่เล่นการพนันมีการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ส่งผลให้เกิดต้นทุนทางเศรษฐกิจและสังคมทั้งทางตรงและทางอ้อม รวมถึงปัญหาสุขภาพ อุบัติเหตุและความรุนแรง ซึ่งควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบในการกำหนดนโยบายที่เกี่ยวข้อง
5. ข้อสังเกตของสำนักงบประมาณของรัฐสภา หรือ POB
5.1 ความท้าทายสำคัญของประเทศไทย คือ การสร้างสมดุลระหว่างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจและการป้องกันผลกระทบทางสังคม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาว่าร้อยละ 62.05 ของประเทศทั่วโลก มีกาสิโน แต่ไม่ใช่ทุกประเทศที่ประสบความสำเร็จในการจัดการผลกระทบทางสังคม
ดังนั้น จึงควรศึกษาทั้งปัจจัยความสำเร็จของประเทศต้นแบบอย่างสิงคโปร์ และกรณีล้มเหลวของประเทศอื่นๆ ที่ไม่สามารถจัดการผลกระทบทางสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อนำมาปรับใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจไทยในระยะยาว
5.2 ควรมีการวางแผนอย่างรอบคอบในการพัฒนา Entertainment Complex ที่มีความสมดุลระหว่างรายได้จากกาสิโนกับกิจกรรมบันเทิงอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการพึ่งพาธุรกิจการพนันมากเกินไป
และควรมีมาตรการควบคุมที่เข้มงวดเพื่อป้องกันผลกระทบทางสังคมที่อาจเกิดขึ้น
5.3 ความไม่สมดุลในการกระจายผลประโยชน์
โดยค่าจ้างและเงินเดือนมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 31.3 ของมูลค่าเพิ่มทั้งหมด
ในขณะที่กำไรจากการดำเนินงานมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 39.8
สะท้อนว่า ประโยชน์ส่วนใหญ่จะตกอยู่กับนักลงทุนมากกว่าแรงงาน
ซึ่งอาจไม่สอดคล้องกับเป้าหมายการกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำ
6. ข้างต้น คือ ข้อมูลและบทวิเคราะห์ที่ครอบคลุม ทั้งด้านบวกและด้านลบ
หากรัฐบาลไม่มีวาระซ่อนเร้น
หากไม่มีแอบแฝงดีลกับนายทุนกาสิโนไว้ก่อน
รัฐบาลสมควรจะต้องรับฟังภาคส่วนต่างๆ ในสังคม มากกว่าที่เป็นอยู่
และต้องพร้อมปรับเปลี่ยนแนวทาง องค์ประกอบ หรือแม้แต่ค้นหาคำตอบใหม่ๆ ที่จะสร้างแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man-made Destinations) ซึ่งจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว ก่อให้เกิดการลงทุนและนำรายได้เข้าสู่ประเทศ ตลอดจนส่งเสริมการจ้างงานในประเทศ โดยอาจจะไม่ใช่ธุรกิจกาสิโนและการพนัน ก็เป็นได้
ถ้ายังตะบี้ตะบันผลักดันต่อไปอย่างเดียว ก็จะตอกย้ำว่า มีเบื้องหลังผลประโยชน์เฉพาะตนเฉพาะกลุ่มของใครเป็นแรงจูงใจในครั้งนี้
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี