“KOPI KOLIANG” หรือร้านกาแฟ“โกปี้โกเลี่ยง” อยู่ในตลาดนัดซอยมหาดไทย นั่งรถตุ๊กตุ๊กจากปากซอยถนนรามคำแหงเข้าไปแค่ 3 นาทีถึงแล้ว
ที่ผมเขียนเรื่องนี้เพราะได้รับเชิญให้ไปชิมจากเจ้าของร้าน “ยุทธิยงลิ้มเลิศวาที” พิธีกรดังโทรทัศน์ช่อง NEWS1 อดีตโฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ช่วงชุมนุมในทำเนียบรัฐบาลเมื่อหลายปีก่อน ที่ผมไปนั่งเฝ้าทำข่าวการชุมนุมจนสนิทกัน
แฟนพันธุ์แท้ของกลุ่มพันธมิตรฯมาจากทั่วทุกภาค แต่จากภาคใต้ดูจะมากเป็นพิเศษ
ในภาคใต้แทบทุกจังหวัด จะมีร้านน้ำชา กาแฟ ทั่วทุกหมู่บ้าน ที่แห่งนี้ถือว่าเป็น สภาประชาชนขั้นพื้นฐาน นั่งจิบน้ำชากาแฟ เสิร์ฟด้วย ปาท่องโก๋ร้อนๆ ข้าวเหนียวปิ้ง หรืออื่นๆ อร่อยนักแล ในสภาประชาชนนั้น จะมีการพูดคุยกันสารพัดเรื่อง ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ไปจนถึงระดับโลก มีทั้งเรื่องชีวิต ศาสนา สังคม การเมือง เศรษฐกิจ การศึกษา ฯลฯ
โดยเฉพาะในช่วงฤดูการเลือกตั้ง ร้านน้ำชา กาแฟ ปักษ์ใต้จะคึกคักเป็นพิเศษ
ร้านโกปี้โกเลี่ยง ที่ผมเอ่ยถึง หากจะว่าเป็นร้านกาแฟสมัยใหม่อย่างที่มีกันเกลื่อนก็ไม่ใช่
จะเป็นภัตตาคารก็ไม่ใช่ แต่มันเป็นร้านโกปี้สไตล์คนจีนปักษ์ใต้ ที่มีครบทุกอย่าง กาแฟ น้ำชา เครื่องดื่ม อาหาร กวยจั๊บฮกจิว หมี่เหลืองฮกเกี้ยน ขนมจีบ ข้าวขาหมูสามรส หมี่ซั่วเหล้าจีนหมักจากชุมชน คนจีนโพ้นทะเล จาก อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช
ร้านโกปี้โกเลี่ยง เป็นของ คุณยุทธิยงลิ้มเลิศวาที คงเอกลักษณ์เอารูปแบบ ร้านโกปี้ของคนจีนในแหลมมลายู มาเปิดให้คนในเมืองหลวงได้ลิ้มลองสัมผัส กลิ่นอายแบบ “โรงเตี๊ยมโกปี้เต็ง”
เปิดให้บริการทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ เวลา 17.00-24.00 น. ส่วนเสาร์อาทิตย์เปิด 12.00-24.00 น. เที่ยงวันยันเที่ยงคืน
สำหรับคนทั่วไปไม่ต้องนั่งเครื่องบินไปถึงปีนังหรือภูเก็ต เพื่อไปสัมผัสบรรยากาศจีนโบราณ แต่มากันที่ร้านนี้ หากเริ่มต้นสั่งโกปี้ ท่านจะได้ กาแฟเย็นโบราณรสชาติเข้มข้น หากจะสั่ง โอเลี้ยง ที่นี่มีโอเลี้ยง ที่ทำให้ท่านย้อนยุคไปถึง คนรุ่นป๋าหรือนายเหมืองปักษ์ใต้ เข้มข้น ได้แรงอก!
หากจะให้เท่ มาร้านนี้ ก็ต้องสั่ง“ยกล้อ” มันคือกาแฟผสมชา แบบคนปักษ์ใต้กินกัน เรียกอีกอย่างว่า “ชาช้ำ” เป็นส่วนผสมของชาและกาแฟโบราณ หอมกลิ่นผสมอย่างลงตัว ปักษ์ใต้กินกันแบบนี้แหละ หมี่เหลือง ก็คนนาบอนผัดเองทำเอง หมี่ซั่วเหล้าจีนก็หมักเองเป็นอาหารประจำบ้านของคนในอำเภอนาบอน เพื่อใช้ในการปรุงอาหาร หลบความวุ่นวาย ไปหาความสุขแบบบ้านๆ สไตล์โรงเตี๊ยมแบบปักษ์ใต้กันได้นะครับ
เว็บไซต์เทศบาลตำบลนาบอน ระบุว่า “นาบอน” เป็นคำศัพท์ที่เรียกพื้นที่ลุ่มระหว่างควนที่มีต้นบอนขึ้น ซึ่งคนสมัยก่อนทำนาเรียกโดยทั่วไปว่า “นาใน” หรือ “นาบอน” ตลาดนาบอน เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ที่แปด” ขณะนั้นตำบลนาบอนยังไม่มีสถานีรถไฟ
เมื่อประมาณปี พ.ศ.2468 มีชาวจีนฟุโจว จากรัฐเประ ประเทศมาเลเซียกลุ่มหนึ่ง นำโดย ลิ่งจื้อป้อ ลาวฮวาลิ่ง พ้างมิงอู้ กงกวางจั๊ว โดยสารรถไฟจากมาเลเซียมาลงที่สถานีรถไฟทุ่งสง ค้างที่ทุ่งสง 1 คืน จากนั้นต่อรถไฟมาลงที่สถานีรถไฟคลองจัง และเดินเท้ามาตั้งชุมชน “ที่แปด” คือสะพานรถไฟจากทุ่งสงถึงนาบอน เป็นสะพานที่แปด และต่อมาได้เรียกชื่อตามหมู่บ้านนาบอน ว่า “ตลาดนาบอน”
ยุคหลังๆ เมื่อคนจีนแผ่นดินใหญ่อพยพมาทำมาหากินกัน คนไทยมักขายที่สวนไปหาที่ทำนา เมื่อยางพาราเข้ามาในเมืองไทย ปลูกยางพารากันเป็นส่วนใหญ่ จึงได้สถิติเป็นเมืองปลูกยางพารามากที่สุดในเมืองไทย ตั้งแต่ปี 2508-2516 คำว่า “นาบอน” จึงเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก จากผลผลิตยางพาราชั้นเยี่ยม
และเมืองนี้สร้างเศรษฐีพันล้านหมื่นล้านมาแล้วหลายคน เป็นนักบุญนักบริจาคเพื่อประโยชน์แห่งสาธารณะ เพื่อทดแทนบุญคุณแผ่นดินไทยจำนวนมาก
ก็ไปลองสัมผัสดูนะครับที่ KOPI KOLIANG ร้านกาแฟสไตล์คนจีนปักษ์ใต้ที่ซอยมหาดไทย รับรองไม่ผิดหวัง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี