ยุคนี้ ประเทศที่จัดได้ว่าเป็นประเทศพลังอำนาจขนาดกลาง (Middle Powers) ก็ได้แก่ อินเดีย อินโดนีเซีย ไนจีเรีย บราซิล แอฟริกาใต้ เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย เป็นต้น โดยสิ่งที่บ่งบอกความเป็นประเทศพลังอำนาจขนาดกลางก็คือ ความสามารถในการที่จะมีสุ้มมีเสียงในเวทีระหว่างประเทศ การพูดจาหรือกระทำการหนึ่งใดชาวโลกมักจะเงี่ยหูฟัง นำไปคิดอ่าน และมีปฏิกิริยาทั้งในเชิงลบและบวก
จัดได้ว่าประเทศพลังอำนาจขนาดกลางเหล่านี้เป็นที่ตระหนัก รับรู้ และยอมรับโดยชาวโลกว่า สามารถที่จะช่วยหันเห นำพา หรือประคับประคองความเป็นไปในภูมิภาคแวดล้อมของตนเอง และมีข้อเสนอที่จะช่วยจรรโลงความเป็นไปในโลกกว้างได้ อีกทั้งประเทศพลังอำนาจขนาดกลางนี้หากร่วมมือกันได้ก็จะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างประเทศยักษ์ใหญ่ (Superpower) ที่มักจะเป็นคู่กรณีหรือมีความขัดแย้งกันได้ และกลุ่มประเทศพลังอำนาจขนาดกลางนี้ยังอยู่ในฐานะที่จะร่วมกันเป็นสุ้มเป็นเสียงแห่งเส้นทางสายกลาง หรือเสียงแห่งความถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่สุดโต่ง(Moderation) และยังสามารถเป็นเวทีเพื่อให้ประเทศยักษ์ใหญ่คู่กรณีมาพูดคุย และหาทางออกจากความขัดแย้งและเผชิญหน้าแบบสันติวิธี (ซึ่งขณะนี้ตุรกีกำลังเล่นบทบาทในการเป็นผู้จัดหาเวทีเจรจาหารือยุติสงครามสู้รบยูเครน-รัสเซีย)
ในการนี้ก็มีหลักคิดหลักปฏิบัติว่าแต่ละประเทศพลังอำนาจขนาดกลางจะไม่เลือกข้างหรือเข้ากับประเทศยักษ์ใหญ่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด คือไม่เข้าไปเป็นพันธมิตร แต่จะวางตัวแบบเป็นกลาง และมีความเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุดที่เรียกว่า Strategic Autonomy
สำหรับประเทศไทยเราก็อยู่ที่ริมขอบของการเป็นประเทศพลังอำนาจขนาดกลาง ซึ่งประเทศไทยสามารถพัฒนายกระดับสถานะตนเองได้ เพราะประเทศไทยมีประสบการณ์ทางการทูต
มากมาย มีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เอื้ออำนวย มีเศรษฐกิจที่หลากหลาย หลายแขนง แต่ประเด็นปัญหาของไทยในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาก็คือ การไร้ซึ่งเสถียรภาพทางการเมือง และคณะรัฐบาลหลายชุดไม่รู้จักความเป็นตัวตนของประเทศชาติ ต่างมีการคิดอ่านแบบผิวเผิน ไร้วิชาความรู้ ซึ่งจำเป็นที่จะต้องมีการแก้ไขและอยู่ในวิสัยที่จะแก้ไขเมื่อทุกหมู่เหล่าเอาจริงเอาจังกับเรื่องบ้านเมืองและไม่ปล่อยให้มีการเกิดขึ้นของคณะรัฐบาลที่มีแต่ความเห็นแก่ตัวอีกต่อไป
นอกจากนั้น ประเทศสมาชิกประชาคมอาเซียนก็ยังสามารถกระชับความร่วมมือ เพื่อให้อาเซียนกลายเป็นกลุ่มประเทศอำนาจขนาดกลาง ซึ่งจะมีน้ำหนักในเวทีระหว่างประเทศอย่างมากมาย เพราะเป็นที่ยอมรับและเป็นที่รู้จักอยู่แล้ว แต่ต้องเร่งเสริมสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันให้เร็วที่สุด เมื่อเป็นเช่นนั้นได้ อาเซียนก็สามารถมีบทบาทที่จะนำพาโลกในเรื่องสันติภาพและความร่วมมือเพื่อความเจริญก้าวหน้าร่วมกันได้
ในกลุ่มอาเซียนวันนี้ อินโดนีเซียดูจะมีความโดดเด่นมากที่สุด ก็เป็นที่หวังว่าอินโดนีเซียจะมีบทบาทควบคู่กันไปได้ คือทั้งนำพาตัวเอง และช่วยนำพาอาเซียนเดินหน้าไปด้วย
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี