พืชหลายชนิดมีสรรพคุณมากมายเป็นทั้งยาสมุนไพร เครื่องเทศ และพืชเศรษฐกิจ แต่ยังมีพืชบางชนิดเป็นทั้งยาสมุนไพรและยาเสพติด ถ้าใช้ในปริมาณที่ไม่เหมาะสม หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของพืชมาสกัดเป็นสารตั้งต้นของยาเสพติด
ในประเทศไทยคนส่วนใหญ่ย่อมต้องรู้จักต้นกระท่อมเป็นอย่างดีเพราะใบมีสรรพคุณ แก้ท้องเสีย บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และทำให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้มสบายตัว คนที่ทำงานต้องใช้พละกำลังจะเคี้ยวใบกระท่อมเพราะช่วยให้กระปรี้กระเปร่า ทำงานได้ทนนานเวลามีแดดจัด แต่จะไม่ค่อยทนฝนและเกิดอาการหนาวสั่นเมื่อโดนฝน
กระท่อมจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 เช่นเดียวกับกัญชาตามพระราชบัญญัติ ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 แต่เดิมก่อนหน้านี้กระท่อมไม่ได้จัดเป็นยาเสพติดให้โทษเหมือนในปัจจุบัน บางพื้นที่ชาวบ้านใช้เป็นวิถีชีวิตเคี้ยวให้มีกำลัง ก่อนหน้านี้ไม่นาน ได้เคยมีศิลปินนักร้องชาวปักษ์ใต้คนหนึ่ง ขณะอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดได้โพสต์รูปใบกระท่อมในขณะนั่งดื่มกาแฟลงบนโลกออนไลน์ จนต้องถูกตำรวจเรียกตัวดำเนินคดี แต่นั่นแสดงให้เห็นว่าวิถีชาวบ้านกับการใช้ใบกระท่อมเป็นสมุนไพรอยู่คู่กันมานาน
กระท่อมไม่ได้เป็นยาเสพติดร้ายแรง หากว่าไม่นำใบไปต้มหรือสกัดผสมกับสาร ชนิดอื่น แต่เมื่อใช้เป็นยาเสพติดโดยเอาใบกระท่อมมาต้ม เพื่อนำน้ำจากใบกระท่อมไปผสมกับยาแก้ไอ และน้ำอัดลม หรือที่เรียกกันว่าสี่คูณร้อย จึงกลายเป็นยาเสพติดและเกิดการเสพติดในหมู่กลุ่มวัยรุ่น เพราะหากไม่ได้ดื่มสี่คูณร้อยจะเกิดอาการหงุดหงิด ไม่สบายตัว อันอาจนำไปสู่ปัญหาอาชญากรรมได้
ในระยะหลายปีมานี้กระท่อมได้ถูกกล่าวถึงอย่างกว้างขวางจากหลายฝ่าย เช่น วงการแพทย์ เพราะใบกระท่อมสามารถนำมาใช้ในทางการแพทย์ได้ ควรส่งเสริมให้ปลูกเป็นพืชสมุนไพรและพืชเศรษฐกิจ ยิ่งใบกระท่อมในปัจจุบันเมื่อเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย จะขายกันในตลาดมืด
ราคากิโลกรัมละหลายร้อยบาท และรัฐบาลยังมีแนวความคิดจะยกเลิกกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดด้วยเช่นกัน
นอกจากกระท่อมแล้วยังมีพืชอีกชนิดหนึ่งที่เป็นทั้งยาสมุนไพรและเป็นยาเสพติด และมีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน เพราะชาวบ้านหรือชนพื้นเมืองในต่างประเทศนิยมเคี้ยวให้มีกำลัง คือ ใบโคคาต้นกำเนิดของต้นโคคาอยู่ในประเทศแถบทวีปอเมริกาใต้ เช่น โบลิเวีย เปรู โคลัมเบีย บราซิล เป็นต้น
เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2560 ประธานาธิบดีอีโว โมราเรส (Evo Morales) ผู้นำประเทศโบลิเวียได้ลงนามกฎหมาย เพิ่มพื้นที่ให้เกษตรกรสามารถปลูกต้นโคคาอย่างถูกกฎหมาย จากเดิมที่ปลูกได้เพียง 12,000 เฮกตาร์ เพิ่มเป็น 22,000 เฮกตาร์ (1 เฮกตาร์เท่ากับ 100 เอเคอร์) หรือเพิ่มเป็น 55,645 ไร่
ประธานาธิบดี อีโว โมราเรส ก่อนจะเป็นผู้นำสูงสุดของโบลิเวียเคยเป็นเกษตรกรปลูกต้นโคคามาก่อน และปัจจุบันยังดำรงตำแหน่งประธานสหภาพแรงงานเกษตรผู้ปลูกต้นโคคาอีกด้วย นอกจากนี้ยังเคย
มอบเค้กวันเกิดที่ทำจาก “ใบโคคา” เป็นของขวัญให้กับนาย บัน คี มุนอดีตเลขาธิการสหประชาชาติ ขณะมาเยือนโบลิเวียเมื่อปี พ.ศ. 2557
ประเทศแถบทวีปอเมริกาใต้รวมทั้งประเทศโบลิเวียสามารถซื้อขายใบโคคาได้แพร่หลายและถูกกฎหมาย ตามตลาดนัดทั่วไปผู้คนจะซื้อกิ่งโคคาที่มีใบสดๆ ติดเป็นพวงมาเคี้ยวกันเพื่อให้มีกำลัง หรือนำไปชงเป็นชา คล้ายกับบ้านเราที่นิยมดื่มเครื่องดื่มชูกำลังที่สามารถหาซื้อตามร้านค้าทั่วไป เพื่อให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ใบโคคานั้นยังถูกนำไปเป็นส่วนผสมหนึ่งของผลิตภัณฑ์โคคา-โคลา โดยผสมกับผลโคลาจึงกลายเป็นชื่อของโคคา-โคลา หรือ โค้ก ที่รู้จักกันดีในปัจจุบัน
ใบโคคานั้น เมื่อนำมาสกัดจะได้เป็นสารเสพติดชนิดหนึ่ง คือ โคเคน ทำให้ฝ่ายต่อต้านในโบลิเวียวิจารณ์ว่า เป็นการกระตุ้นให้เกิดการค้ายาเสพติดมากขึ้น เพราะโบลิเวียนั้นผลิตโคเคนได้เป็นอันดับสามของโลก รองจากเปรู และโคลอมเบีย ดังนั้นในการเพิ่มพื้นที่ให้ปลูกโคคาแบบถูกกฎหมายในโบลิเวียแม้จะเป็นการสนองความต้องการของเกษตรกรและวิถีชาวบ้าน แต่เสี่ยงที่จะเป็นการเพิ่มมูลค่าของยาเสพติด
ในอนาคตมากขึ้น
ตามอนุสัญญาสหประชาชาติ (UN) ว่าด้วยสารเสพติดประกาศให้ใบโคคา โคเคน เฮโรอีน ฝิ่น และมอร์ฟีนเป็นสารเสพติดต้องห้ามในปี พ.ศ. 2504 และเมื่อปี พ.ศ. 2555 โบลิเวียได้ถอนตัวออกจากอนุสัญญาดังกล่าว เพื่อประท้วงความผิดทางอาญาของการเคี้ยวใบโคคาต่อมา UN ยอมยกเว้นให้เป็นกรณีพิเศษสำหรับการบริโภคใบโคคาตามประเพณี ซึ่งเป็นเรื่องถูกกฎหมายในโบลิเวีย และทำให้โบลิเวียยอมเข้าร่วมอนุสัญญาอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเปรียบเทียบใบโคคาในโบลิเวียกับใบกระท่อมในประเทศไทย ยังมีความเหมือนหรือคล้ายกันหลายอย่าง และยังมีบางอย่างแตกต่างอยู่เช่นกัน ในความเหมือนคือ การเคี้ยว ใบโคคาของชนพื้นเมืองในโบลิเวีย กับชาวบ้านในประเทศไทยที่ใช้ใบกระท่อมมานานแล้ว เพื่อเป็นการเพิ่มกำลัง แต่ทั้งใบโคคาและใบกระท่อมเมื่อนำมาสกัดหรือนำมาปรุงผสมกับสารชนิดอื่นจะกลายเป็นยาเสพติดให้โทษทันที
ในส่วนของความแตกต่างนั้น การปลูกโคคาในโบลิเวียทำได้อย่างถูกกฎหมาย เพียงแต่จำกัดพื้นที่การเพาะปลูก ส่วนบ้านเราการปลูกกระท่อมยังถือเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย แม้จะมีความพยายามมาหลายครั้งที่จะผลักดันให้พืชกระท่อมออกจากบัญชียาเสพติดเช่นเดียวกับกัญชา แอมเฟตามีนหรือเมทแอมเฟตามีน เพื่อนำมาใช้ในวงการแพทย์ แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายออกมารองรับเรื่องนี้แต่อย่างใด
พืชทุกอย่างล้วนมีประโยชน์ เพียงแต่ต้องรู้จักนำส่วนต่างๆของพืชนั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างถูกต้อง ทั้งใบโคคาและใบกระท่อมล้วนมีประโยชน์เคี้ยวเพื่อเพิ่มกำลังในการทำงาน สำหรับคนทำงานที่กินหรือเคี้ยวย่อมรู้จักประโยชน์และโทษเป็นอย่างดี แต่จะมีวิธีการจัดการอย่างไรสำหรับคนที่ถือกฎหมายกับวิถีของชาวบ้าน และจะไม่เป็นการสนับสนุนด้านยาเสพติด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี