ยุคไทยแลนด์ 4.0 ควรจะเร่งสะสางปัญหาใกล้ตัวชาวบ้าน
เรื่องรุงรังในทางเอกสารที่เคยสร้างความขุ่นข้อง เกิดอุปสรรค เกิดต้นทุนแก่ชาวบ้าน
ถ้าสะสางได้ ชาวบ้านย่อมรับรู้จับต้องได้ถึงผลงานรูปธรรม
เอาง่ายๆ ก็คือ เงื่อนไขของหน่วยงานราชการที่เคยบังคับประชาชน เวลาไปติดต่อราชการเพื่อขออนุญาต ขออนุมัติ หรือขอดำเนินการใดๆ ก็ตาม ประชาชนจะต้องนำบัตรประจำตัวประชาชน เอกสารราชการ และทำสำเนามาให้ทางราชการนั้นด้วย
ข้อรุงรังนี้ กำลังหายไป
1. ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ และ 9 หน่วยงานในสังกัด ขีดเส้นตาย 15 ก.ค. 2560 นี้ ประชาชนไม่ต้องใช้สำเนาบัตรประชาชนต่อไป
นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยการใช้ประโยชน์ข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรจากฐานข้อมูลทะเบียนกลางด้วยระบบคอมพิวเตอร์โดยวิธีบริการข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ และข้อตกลงว่าด้วยการขอใช้โปรแกรมสำหรับอ่านข้อมูลจากบัตรประจำตัวประชาชนกับกรมการปกครอง
เป็นการเชื่อมโยงข้อมูลทะเบียนราษฎรจากกรมการปกครองด้วยระบบคอมพิวเตอร์ และขอใช้โปรแกรมสำหรับอ่านข้อมูลจากบัตรประจำตัวประชาชนเพื่อเป็นการตรวจสอบและแสดงตัวตนของผู้รับบริการและอำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชนที่ติดต่อกับกระทรวงพาณิชย์ โดยไม่ต้องใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน รวมทั้งรองรับการบริการประชาชนแบบเบ็ดเสร็จ โดยใช้บัตรประจำตัวประชาชนแบบอเนกประสงค์ตามนโยบายรัฐบาล
ผลคืออะไร.. ก็จะทำให้การขอรับบริการงานต่างๆ ของ 9 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าภายในกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมการค้าต่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า และองค์การคลังสินค้า (อคส.) ไม่ต้องใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
ย้ำ... เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค. 2560 เป็นต้นไป
อนึ่ง การขอรับบริการแบบไม่ต้องใช้สำเนาบัตรประชาชนในระยะแรก ประกอบด้วย การรับคำขอการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า การรับคำขอการขอมีบัตรประจำตัวผู้ส่งออก-นำเข้าสินค้า การรับคำขอการคืนหลักประกันสัญญาซื้อขายสินค้าเกษตรกับองค์การคลังสินค้า การรับคำขอการขออนุญาตประกอบการค้าข้าวการรับคำขอการขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจนำเข้า/ขายเครื่องชั่ง การรับคำขอหนังสืออนุญาตขนย้ายสินค้า การขอรับใบอนุญาตการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวการรับคำขอหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว เป็นต้น
2. ก่อนหน้านั้น กรมการขนส่งทางบก
อธิบดี นายสนิท พรหมวงษ์ เคยประกาศว่า กรมการขนส่งทางบกพร้อมอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการดำเนินการด้านทะเบียนและภาษีรถใบอนุญาตขับรถ โดยไม่ต้องใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้านอีกต่อไป
เพียงแค่แสดงบัตรประจำตัวประชาชนฉบับจริง พร้อมเอกสารที่จำเป็นประกอบการดำเนินการในแต่ละเรื่องเท่านั้น
โดยกรณีที่มีความจำเป็นต้องใช้หลักฐานสำเนาทะเบียนบ้านหรือสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน เจ้าหน้าที่จะเป็นผู้จัดทำสำเนาขึ้นเอง โดยที่ประชาชนไม่ต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการใดๆ ยกเว้นกรณีมอบอำนาจให้ผู้อื่นยังต้องแสดงสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนประกอบเป็นหลักฐาน
3. ก่อนหน้านั้น กรมที่ดิน
นายประทีป กีรติเรขาอธิบดีกรมที่ดิน ลงนามคำสั่งจัดการไปแล้ว
ดังปรากฏหนังสือด่วนที่สุดที่ มท.0515.1/ว10119 เรื่องการเรียกเอกสารประกอบการจดทะเบียนสิทธิเเละนิติกรรมเเละธุรกรรมอื่นเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ตามคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 21/2560 เรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ โดยส่งหนังสือนี้ถึงผู้ว่าราชการทุกจังหวัด
สาระสำคัญ ระบุว่า กรมที่ดินไม่ให้เรียกเก็บสำเนาเอกสารบัตรประจำตัวประชาชนเเละสำเนาทะเบียนบ้าน เพื่อประกอบคำขอเเละนำเก็บเข้าในสารบบโดยไม่จำเป็นอีก
เนื่องจากสำนักงานที่ดินใช้ระบบคอมพิวเตอร์จดทะเบียนสิทธิเเละนิติกรรมที่เชื่อมโยงระบบทะเบียนราษฎรจากฐานข้อมูลทะเบียนกลางของกรมการปกครองได้
หากพนักงานเห็นความจำเป็น ต้องการเก็บสำเนาเอกสารดังกล่าว ให้คัดสำเนาจากฐานข้อมูลทะเบียนกลาง เเละหากมีกรณีต้องใช้เอกสารทางราชการเพื่อขอจดทะเบียนสิทธิเเละนิติกรรมเเละธุรกิจอื่นเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ โดยผู้ขอจดทะเบียนไม่ได้นำมาเเสดงเพื่อประกอบคำขอ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีหน้าที่เเจ้งหน่วยงานราชการที่เป็นผู้ออกเอกสารราชการดังกล่าว ดำเนินการจัดส่งสำเนาเอกสารทางราชการเพื่อใช้ประกอบคำขอ
เเละห้ามพนักงานเจ้าหน้าที่เรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการทำสำเนาจากผู้ขอจดทะเบียน
4. ทั้งหมด เป็นผลสืบเนื่องมาจากทิศทางนโยบายที่มีเจตนามุ่งอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนอย่างจริงๆ จังๆ ในยุคนี้
ตั้งแต่ออกกฎหมายการอำนวยความสะดวกเวลาประชาชนไปติดต่อราชการ
หรือแม้แต่การออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 21 /2560 แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ โดยในคำสั่ง คสช.นั้น มีประเด็นแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ จำนวน 17 ประเด็น
ข้อที่น่าสนใจและเกี่ยวข้องกับการลดการใช้เอกสารกระดาษ เช่น
กำหนดกระบวนการทำงานของหน่วยงานภาครัฐโดยทั่วไป หากต้องการเอกสารทางราชการของประชาชน (เช่น สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน สำเนาใบขับขี่ หนังสือจดทะเบียนบริษัท) เป็นหน้าที่ของหน่วยงานนั้นในการประสานงานเพื่อขอเอกสาร
จากเดิม ประชาชนต้องเป็นฝ่ายเตรียมมาให้
ในกรณีที่กฎหมาย กฎ หรือระเบียบใดกําหนดให้ผู้ขอรับอนุมัติ อนุญาต หรือใบอนุญาต หรือผู้ยื่นขอจดทะเบียนหรือจดแจ้ง หรือผู้แจ้ง ต้องใช้เอกสารที่ทางราชการออกให้แก่ผู้นั้นเพื่อประกอบการพิจารณาหรือดําเนินการ “ให้เป็นหน้าที่ของผู้มีอํานาจอนุมัติ อนุญาต ออกใบอนุญาต รับจดทะเบียน รับจดแจ้ง หรือรับแจ้งนั้น ที่จะต้องดําเนินการให้หน่วยงานที่ออกเอกสารราชการเช่นว่านั้นส่งข้อมูลหรือสําเนาเอกสารดังกล่าวมาเพื่อประกอบการพิจารณาหรือดําเนินการ ในกรณีที่ผู้มีอำนาจดังกล่าวประสงค์ได้สำเนาเอกสารนั้นจากผู้ขอรับอนุมัติ อนุญาต หรือใบอนุญาต หรือผู้ยื่นขอจดทะเบียนหรือจดแจ้ง หรือผู้แจ้ง ให้ผู้มีอำนาจนั้นเป็นผู้จัดทำสำเนาเอกสารดังกล่าวเอง เพื่อประโยชน์แห่งการนี้ ห้ามมิให้เรียกเก็บค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการทำสำเนาดังกล่าวจากผู้ขอ...”
5. นี่คือเรื่องยุ่งยาก รุงรัง น่าเบื่อ ใกล้ตัวชาวบ้าน
สมควรจะได้รับการจัดการอย่างเอาจริง และสร้างการรับรู้ในวงกว้าง
ถึงวันนี้ ไม่ควรจะทยอยเลิก เพราะไม่มีข้อจำกัดหรือข้ออ้างเหลือแล้ว
รัฐบาล คสช. ควรประกาศเด็ดขาด เป็นวาระระดับประเทศไปเลยว่า ทุกหน่วยงานภาครัฐ ตั้งแต่วันไหนเป็นต้นไป จะต้องเลิกให้ประชาชนทำสำเนาเอกสารราชการมาให้ทางรัฐทันที!
ถ้าหน่วยงานไหนไม่พร้อม ไม่ปฏิบัติ ถือว่าสอบตก 4.0 ถูกเล่นงานทันทีเช่นกัน
ปลดแอกสำเนาบัตรประชาชน!
ลองแบบนี้ ประชาชนแฮปปี้ เพราะสะดวกขึ้นจริงๆ ส่วนรัฐบาล คสช.จะได้คะแนนนิยมอักโข
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี