พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวในเชิงคาดหมายสถานการณ์ว่าเห็นทีคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะไม่มาฟังคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในวันที่ 27 กันยายน 2560 นี้
เป็นการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังจากที่ปรากฏข่าวก่อนหน้านั้นเล็กน้อยว่า รู้เบาะแสและตัวบุคคลที่พาคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หนี จึงน่าจะเกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ได้จากเบาะแสดังกล่าว
ดังนั้นหากประมาณสถานการณ์ก็ย่อมประมาณสถานการณ์ได้ว่าฝ่ายความมั่นคงคงรู้แล้วว่าคุณยิ่งลักษณ์หนีไปแล้ว และหนีไปอย่างไร โดยใครเป็นผู้พาหนีออกไป ซึ่งสอดคล้องกับท่าทีของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก่อนหน้านี้ที่หลุดคำพูดอย่างน่าสังเกตว่า “ไอ้คนชั่วพาหนี” นั่นเอง
อาการหนีของคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ตรงกันข้ามกับอาการไปฟังคำตัดสินของศาลในคดีสลายการชุมนุมพันธมิตรฯ ซึ่งบรรดาจำเลยพากันไปฟังพร้อมหน้าพร้อมตาและผลของคำพิพากษาคือยกฟ้อง
ก่อนหนี ศาลมีคำสั่งห้ามคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางไปต่างประเทศ เว้นแต่จะได้รับการอนุญาตจากศาล ดังนั้น ถ้าหากว่ามีการหนีไปต่างประเทศจริง การหนีนั้นก็เป็นการขัดคำสั่งศาล ซึ่งมีผลให้ศาลริบหลักประกันไปแล้วสถานหนึ่ง และอาจต้องรับผิดฐานขัดคำสั่งศาลอีกสถานหนึ่ง
และนี่คือคำตอบว่าถ้าใครก็ตามช่วยเหลือนำพาคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนีไปต่างประเทศ หากเป็นข้าราชการแล้วก็ย่อมมีความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ด้วย เว้นแต่จะเป็นการช่วยเหลือในการหลบหนีซ่อนเร้นหลังเวลาที่ศาลออกหมายจับแล้ว ก็จะมีความผิดทางอาญาสถานหนัก ฐานช่วยเหลือในการหลบหนีและซ่อนเร้น ซึ่งรวมความไปถึงการช่วยเหลือหลบหนีซ่อนเร้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ และไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือไม่
และนี่ก็คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้คุณทักษิณ ชินวัตร และเครือญาติไม่กล้าที่จะแสดงให้ปรากฏว่านำพาหรือช่วยเหลือคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในการไปอยู่ต่างประเทศ หรือในการอยู่อาศัยในที่เดียวกัน เพราะจะเป็นการเพิ่มฐานความผิดขึ้นอีกฐานหนึ่ง
น่าเป็นห่วงก็แต่ว่าที่ผู้นำพรรคเพื่อไทยคนใหม่ที่หายหน้าหายตาไปช่วงนี้ เพราะมีข่าวกระเซ็นกระสายว่าอาจมีความเกี่ยวข้องในการช่วยเหลือคุณยิ่งลักษณ์ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็ต้องถือว่าเป็นชะตากรรมที่ถูกลิขิตให้ผจญกับอุปสรรคขวากหนามในการที่จะเข้าสู่อำนาจทางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง
และถ้าประมาณสถานการณ์ว่ารองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคงทราบข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องในการพาคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลบหนีและอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายตำรวจแล้วก็มีน้ำหนักเชื่อได้ว่าคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะไม่มาฟังคำตัดสินของศาลในวันที่ 27 กันยายนนี้
แม้หากศาลจะพิพากษายกฟ้อง ก็จะเป็นการยากต่อคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่จะตัดสินใจว่าจะกลับเข้ามาเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อไปหรือไม่ เพราะว่า
ประการแรก ในกรณีที่ศาลพิพากษาจำคุก ก็เป็นที่ชัดเจนว่าคุณยิ่งลักษณ์จะไม่กลับเข้ามาในประเทศไทยอีก แต่ถ้าศาลพิพากษายกฟ้องก็สามารถกลับเข้ามาได้ จึงมีกรณีที่จะเป็นในหนทางนี้ได้อยู่
ประการที่สอง แม้ว่าศาลจะพิพากษายกฟ้อง แต่ใช่ว่าคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะมีคดีอยู่เพียงเท่านี้ เพราะอัยการสูงสุดอาจฎีกาคำพิพากษาของศาลต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ซึ่งจะทำให้คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีความเสี่ยงต่อไป ถึงวันหนึ่งหากเกรงว่าผลอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจะกลับเป็นจำคุก แล้วคิดจะหนีอีกครั้งหนึ่งก็อาจไม่ง่ายเหมือนครั้งที่ผ่านมาแล้ว ชะดีชะร้ายศาลอาจมีคำสั่งให้ขังไว้ในระหว่างอุทธรณ์เพราะเกรงว่า จะหลบหนีก็ได้ หากเป็นเช่นนั้นก็คงจะติดคุกนาน
ประการที่สาม แม้หากศาลจะพิพากษายกฟ้อง แต่ก็ยังมีความเกี่ยวพันกับคดีอื่นอีกหลายคดี เช่น คดีอนุมัติจ่ายเงินค่าเยียวยาแก่พวกเผาบ้านเผาเมืองโดยไม่ชอบ หรือกระทั่งอาจกล่าวได้ว่าโดยทุจริต เพราะเป็นการกระทำเพื่อประโยชน์ของพรรคพวกบริวารที่เคยไปชุมนุมอยู่ด้วยกันและเป็นพรรคพวกเดียวกัน และข้อหานั้นก็มีโทษสถานหนักด้วย ไม่เพียงแต่เท่านี้ ยังมีคดีเกี่ยวข้องอีกมากหลาย และใครจะแน่ใจได้ว่าจะติดคุกในคดีไหนสักคดีหนึ่งก็ได้ และไม่เป็นวิสัยที่จะเสี่ยงภัยเช่นนั้น และวิสัยอันประจักษ์แล้วก็เห็นได้ว่าไม่มีใครที่จะเสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางเช่นนั้น
ดังนั้นดูท่าแล้วไม่ว่าผลคำพิพากษาจะออกมาในลักษณะใด คุณยิ่งลักษณ์คงจะไม่มาฟังคำพิพากษา หรือถ้ามาฟังเพราะมั่นใจว่าศาลจะพิพากษายกฟ้อง หรือศาลยกฟ้องแล้วกลับมาก็จะต้องผวาอยู่ร่ำไปว่า จะต้องหลบหนีออกไปในคดีไหนเมื่อใดอีก
ในประการสำคัญถึงวันนี้ ความเชื่อถือในคำพูดคำจาที่เคยประกาศว่าจะยอมตายคาเวทีประชาธิปไตยก็ดี จะไม่หลบหนีคดีเป็นอันขาดก็ดี ไม่มีใครเชื่อถืออีกต่อไปแล้ว แม้กระทั่งพรรคพวกบริวารก็ย่อมประจักษ์น้ำใจแท้แล้วว่าถึงเวลาก็หลบหนี ปล่อยให้พรรคพวกติดคุกติดตะรางกันอย่างน่าอเนจอนาถ แม้กระซิบกระซาบสักหน่อยก็ยังใจไม้ไส้ระกำ
เพราะบรรดาคนที่ติดคุกด้วยกันนั้น บางคนก็ตระเตรียมหลบหนีไว้พร้อมแล้ว แต่เพราะหลงเชื่อว่ามีการเคลียร์ทางคดีกันเรียบร้อยแล้ว จึงเชื่อถือคำพูดที่ว่าคุณยิ่งลักษณ์จะไม่นี แล้วตีหน้าชื่นมาฟังคำพิพากษา ดังนั้น พลันที่ทราบคำตัดสินของศาล น้ำตาก็ไหลหลั่งรินด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
น้ำตาแบบนี้มักจะไหลในเวลาที่คนเราสำนึกได้ว่าเลือกนายผิด จึงต้องติดคุกกันไปอีกนาน ดังนี้แล้วจะมาเป็นผู้นำทางการเมืองกระไรได้ รังแต่จะถูกคนซักไซร้ให้ได้อายว่าทำไมตระบัดสัตย์หลบหนีทิ้งพรรคทิ้งพวกให้เดินคอตกเข้าคุกโดยลำพังเล่า!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี