“สักวา ชาวประชา พาขัดเคือง

ก็ด้วยเรื่อง ย้าย ผอ. สำนักพุทธ

ทั้งที่ลุย ล้างโกงวัด อย่างเร็วรุด

กลับสะดุด “ตอใหญ่” จนกระเด็น

ฤารัฐบาล คสช. จะเปลี่ยนแนว

จากเคยแจ๋ว “ล้างโกง” ให้คนเห็น

กลับกลัวเกรง มาเฟียพระ จนยกเว้น

ที่เคยเด่น เลยต้องเสื่อม แสนเซ็งเอย ”

“สน สามใบ” ในนสพ.แนวหน้า

คำกลอนสักวาของ “สน สามใบ” ที่ยกมาวันนี้ เป็นคำกลอนสะท้อนความสงสัยเรื่องการย้าย ผอ. สำนักพุทธศาสนาฯ ที่ค้างคาใจผู้คนในบ้านเมืองขณะนี้เป็นอย่างมาก เพราะทุกคนรู้ดีว่า ผอ.สำนักพุทธฯ คนนี้ (พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์) เป็นคนดีและซื่อสัตย์ที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา และกำลังชำระสะสางเรื่องความทุจริตคดโกงเงินวัด ที่เรียกกันว่า “เงินทอนวัด” อย่างไม่เกรงใจใครตามหน้าที่ แต่จู่ๆ ก็มีคำสั่งจากผู้บริหารบ้านเมืองโยกย้ายออกจากหน้าที่อย่างกะทันหัน ทั้งยังคิดอ่านให้ไปทำงานชายแดนใต้ด้วย

เป็นอิทธิพลมาจากใครในการย้ายครั้งนี้

ดูแล้วเสียหายไปทั้งวงการพระสงฆ์และวงการรัฐบาล

โดยเฉพาะ “มาเฟียพระ” ตามที่ “สน สามใบ”พูดถึง

ถ้าจะว่าไปแล้ว ทุกวันนี้เวลาจะยกมือไหว้พระสงฆ์บางรูปก็ไหว้ไม่ค่อยสนิทใจ หรือไหว้ไม่ค่อยได้ เพราะพฤติกรรมของภิกษุสงฆ์บางรูปที่เป็นข่าวให้ได้ยินกันทุกวันนี้ เป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี ไม่ถูกต้องในการปฏิบัติของสงฆ์ นำมาซึ่งความเสื่อมในวงการพุทธศาสนา

กระทบกระเทือนไปถึงพระสงฆ์ดีๆ ที่ยังมีอยู่มากด้วย

โดยเฉพาะคำว่า “มาเฟียพระ” ตามคำกลอนของ “สน สามใบ” ที่ยกมาข้างต้นนั้น ทำให้นึกถึงคำตรัสของสมเด็จพระพุทธเจ้าที่เคยตรัสสอนภิกษุสงฆ์ในเรื่อง “มหาโจร 5 ประเภท” ไว้ว่า อย่าได้ประพฤติปฏิบัติตนให้เหมือน “มหาโจร 5 ประเภท” คือ

1. มหาโจรจำพวกหนึ่ง ซึ่งเปรียบเทียบถ้าเป็นภิกษุสงฆ์ก็จะเป็นภิกษุสงฆ์ที่รวบรวมพวก จาริกไปตามเมืองตามหมู่บ้าน เพื่อให้ผู้คนสักการะ นับถือ บูชาอ่อนน้อม และได้รับอาหาร จีวร ที่อยู่อาศัย ตลอดยารักษาโรค เมื่อได้รับแล้วก็จาริกไปในที่ต่างๆอีก สร้างถิ่นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆซึ่งการกระทำดังกล่าวอย่างนี้เป็นมหาโจรประเภทที่ 1

2. ภิกษุชั่วบางรูป เรียนพระธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้ว ก็โกงเป็นของตนเอง แสดงว่าตนคิดได้เอง ไม่ได้เรียนหรือศึกษาจากใคร นี่คือมหาโจรประเภทที่ 2

3. ภิกษุชั่วบางรูป ใส่ความเพื่อนพรหมจารีผู้บริสุทธิ์ ผู้ประพฤติพรหมบริสุทธิ์ ด้วยข้อหาว่าประพฤติผิดพรหมจรรย์อันไม่มีมูล นี้เป็นมหาโจรประเภทที่ 3

4. ภิกษุชั่วบางรูป เอาของสงฆ์ที่เป็นครุภัณฑ์ ครุบริขารที่ห้ามแจก ห้ามแบ่ง เช่น อาราม ที่ตั้งอาราม วิหาร ที่ตั้งวิหาร เตียงตั่ง เป็นต้น ไปให้คฤหัสถ์ ไปประจบคฤหัสถ์ นี้เป็นมหาโจรประเภทที่ 4

5. ภิกษุผู้อวดคุณวิเศษที่ไม่มีจริง ไม่เป็นจริง ได้เชื่อว่าเป็น “ยอดมหาโจร” ในโลก เพราะบริโภคก้อนข้าวของราษฎรด้วยอาการแห่งขโมย

ทั้งหมดนี้ในพระไตรปิฎกที่ไปหาอ่านได้

นำมาเปรียบเทียบได้กับคำว่า “มาเฟียพระ” ตามที่ “สน สามใบ” แต่งกลอนสักวาไว้ข้างต้น แต่อยู่ที่ “ระดับ” ของการเป็น “มาเฟีย” ด้วย ว่าอยู่ในระดับไหน เพราะ “มาเฟีย” มีหลายระดับ ตั้งแต่ระดับล่าง ระดับกลาง และระดับสูง

ทุกวันนี้จึงบอกว่าเวลาพบพระภิกษุสงฆ์ที่ไม่รู้จักมาก่อน เวลาจะยกมือไหว้ก็ไหว้ไม่ค่อยสนิทใจเหมือนแต่ก่อน เพราะข่าวคราวที่เกี่ยวการประพฤติปฏิบัติตนของพระบางรูปในขณะนี้ มีแต่เรื่องความเสียหายในเรื่องอย่างนั้นอย่างนี้ให้ได้ยินได้ฟังกันแทบทุกวัน

โดยเฉพาะประเภทชอบสะสมทรัพย์สินสิ่งของที่มีผู้บริจาคหรือนำมาทำบุญ แต่กลับเอาไปเป็นของตนเอง แม้กระทั่งรถเก๋งรถหรูอย่างที่ได้ยินกันมาแล้ว อันเป็นการผิดวิสัยของเพศบรรพชิตผู้สละแล้วซึ่งกิเลส ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ข้าวของเครื่องใช้หรือที่ดิน

โดยเฉพาะพวกที่ 5 ที่ชอบหลอกชอบอ้างของวิเศษต่างๆ ทั้งเครื่องรางของขลังนานาชนิด ไว้แจกหรือไว้ขายชาวบ้าน

เรื่อง “มหาโจร 5 ประเภท” ดังกล่าวนี้ สามารถนำมาเปรียบเทียบได้กับ “วงการเมือง” เช่นเดียวกัน ที่ผู้คนที่เข้ามาอยู่ในวงการเมือง ทั้งพวกที่เข้ามาตามระบบและที่เข้ามาด้วยวิธีการนอกระบบ ซึ่งจะดูว่าเป็นคนอย่างไร หรือเป็นพรรคอย่างไร หรือเป็นพวกที่ได้อำนาจมาจากการแย่งยึดจากคนอื่น เป็นมหาโจรหรือไม่เป็นมหาโจรใน 5 ประเภทที่ว่านี้ ก็ดูไปให้ดีในพฤติกรรมของคนเหล่านี้ ว่าได้มีการ
กระทำอะไรลงไปบ้างในการทำงานของตน

จับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็คิดว่าเป็นผู้ทรงเกียรติ เป็นคนดี

แต่ถ้าถูกจับได้หรือถูกขุดถูกเจาะจนเรื่องฉาวโฉ่ออกมาเมื่อไร ว่าเป็นคนทุจริตคดโกงในเรื่องนั้นเรื่องนี้ ทำงานไม่เป็นกลาง อวดอ้างความวิเศษของตนและพรรคพวกอย่างโน้นอย่างนี้ให้ผู้คนหลงใหล หรือเชื่อถือแล้ว คนอย่างนี้จะจัดอยู่ในประเภทไหนของ “มหาโจร 5 ประเภท” ดังที่กล่าวมาข้างต้น ก็ลองไปจัดดูกันเองก็แล้วกัน

น.ต.ประสงค์  สุ่นศิริ